เราว่า รอกลับมาเมืองไทยก่อนแล้วค่อยจัด (ที่บอกอีกปีนึงน่ะค่ะ) ดีกว่าค่ะ
เพราะติดเครื่องมือไป แล้วไม่ได้มาปรับเครื่องมือเลย มันก็ไม่มีแรงเคลื่อนขยับฟันอ่ะค่ะ
เราว่า รอกลับมาเมืองไทยก่อนแล้วค่อยจัด (ที่บอกอีกปีนึงน่ะค่ะ) ดีกว่าค่ะ
เพราะติดเครื่องมือไป แล้วไม่ได้มาปรับเครื่องมือเลย มันก็ไม่มีแรงเคลื่อนขยับฟันอ่ะค่ะ
เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยจัดก็ได้ครับก็ยังไม่สาย การเรียนสำคัญกว่าอยู่แล้ว ยกเว้นว่า จะมีเวลา 1-2 เดือนกลับมาไทยสักครั้ง หรือ ถ้ามีเงินมากๆ ก็ทำที่เมืองนอกเลยครับ
เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด
ต้องไปหาหมอที่จัดฟันบ่อยนาคะ
ก้แล้วแต่เคสด้วยแต่ส่วนมากก้ไปหาทุกเดือนอ่าค่ะ
moveฟันทีละน้อยโดยการปรับเครื่องมือทีละน้อย หลายครั้งค่ะ
แล้วก็อีกเหตุผลที่ต้องไปหาหมอฟันบ่อยก็คือเวลาจัดฟัน
คนไข้จะทำความสะอาดฟันลำบากหน่อย ถึงแม้หมอจะสอนไปแล้ว
บางคนอาจไม่ได้ทำทุกวันอ่าค่ะ เพราะมันใช้เวลา ต้องคอยเอาflossสอด
เข้าbracketเพื่อไปขัดฟัน ใช้เวลานานเหมือนกัน แหะๆ
อย่างไรก้ตาม
จอยพึ่งจบมะได้เป็นspec Ortho
ยังไงรอพี่หมอฟันผู้มีประสบการณ์หรือเป็น spec orthoมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะคร้าาา
อย่าเลยค่ะ
ตัวเราดัดฟันเสร็จด้วยซ้ำ แล้ว ถึงไปเรียนอเมริกา
ทำรีเทนเนอร์หาย แต่ไม่กล้าทำอันใหม่ที่นู่น เพราะว่ากลัวว่ามันจะแพงมาก
กลับมาฟันเบี้ยวเลยค่ะ ต้องจัดใหม่อีกรอบ T_T
กรณีของคุณ gamy ที่จะไปเรียนต่อนั้น
คำถามหนึ่งที่จะเจอตอนไปพบหมอจัดฟันก็คือ
"ไปแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วแน่ใจไหมว่าจะกลับมาในช่วงเวลาดังกล่าว"
เนื่องจากว่าเมื่อไปเรียนจริง จริง อาจเรียนจบแล้วมีโอกาสได้เรียนต่อ
หรือทำงานต่อที่นั้น
ระยะเวลาที่บอก 1 ปี ก็คงไม่เป็นตามนั้น
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีวิทยาการ เทคนิคใหม่ ๆ
ที่เห็นกำลังโปรโมทกันนั้นก็ damon system
ที่ไม่จำเป็นต้องพบ ทันตแพทย์ทุกเดือน
แต่เมื่อติดเครื่องมือไปแล้ว หากเกิดปัญหาบางอย่าง
เช่น เครื่องมือหลุด ปลายลวดทิ่มแก้ม
การแก้ปัญหานั้นที่ต่างบ้าน ต่างเมืองคงทำได้ลำบาก
หรือการติดเครื่องมือไปแล้ว refer ไปทำที่นั้นต่อนั้น ทำได้ยากยิ่ง
เว้นแต่ได้คุยกับ ทันตแพทย์ที่รับ case ไว้แล้ว
หรือหมอรู้จักกัน ฝาก case กันเอง
อีกอย่าง อายุ 22 นี่ ช้าไปอีกปี สองปี ไม่คิดว่าแตกต่างกันคะ