Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 11

Thread: ทำบุญใส่บาตรอย่างไรให้ได้ผลสูงสุด

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking ทำบุญใส่บาตรอย่างไรให้ได้ผลสูงสุด

    ทำบุญใส่บาตรอย่างไรให้ได้ผลบุญสูงสุด !


    กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ชาวพุทธนิยมทำกันมากและทำได้บ่อยๆ
    ก็คือ ใส่บาตรยามเช้า หรือไม่ก็หยอดตู้บริจาค ๑๐-๒๐ บาท
    ขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของแต่ละบุคคล
    บางรายมีมากก็ทำมาก มีน้อยก็ทำน้อย
    ได้บุญสมประสงค์เช่นกัน


    แม้กระนั้นก็ตาม มักจะมีข้อกังขาว่าทำบุญแล้วจะได้บุญหรือไม่
    ผลบุญจะเกื้อหนุนยามใด
    ทำบุญชนิดใดจะได้บุญมากๆ
    หรือได้ผลอานิสงส์มาก ๆ
    สาเหตุได้บุญมากน้อยต่างกันเพราะเจตนาเป็นสำคัญ
    ทานต้องบริสุทธิ์
    คนรับต้องเป็นผู้ทรงศีลจิตใจบริสุทธิ์ด้วย

    เป็นที่สังเกตุว่า คนเราส่วนใหญ่ทำบุญแล้วมักจะหวังผลตอบแทนสูงๆ
    เหมือนกับซื้อล๊อตเตอรี่ หรือไม่ก็ขอให้ส่งผลเร็วพลันทันที
    เหมือนกับกดเอทีเอ็ม หรือรูดบัตรอะไรทำนองนั้น

    ซึ่งมักจะทำให้ผู้ทำเกิดความเข้าใจผิดว่าทำบุญแล้วไม่ได้บุญ
    บางรายก่อนทำจิตใจไม่บริสุทธิ์ตั้งมั่นถึงทาน
    บางรายทำแล้วนึกเสียดายภายหลัง
    บางรายขณะทำจิตก็ยังไม่บริสุทธิ์อีก
    เมื่อเป็นเช่นนี้อานิสงส์ผลบุญจะมีมากกระไรได้
    เฉกเช่นหว่านเมล็ดพืชบนพื้นทราย
    หรือพื้นดินที่แตกระแหงไม่มีน้ำ ไม่มีปุ๋ย
    เมล็ดพืชที่หว่านจะผลิตดอกออกผลสมบูรณ์ดั่งที่ตั้งใจไว้ได้หรือ

    อีกสาเหตุหนึ่ง
    เป็นเรื่องของบุญทำกรรมแต่งที่สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน
    ซึ่งมิอาจรู้ได้ว่าทำบุญไว้มากเพียงใด
    ทำชั่วน้อยเพียงใด จึงส่งผลให้เรามีสภาพดั่งที่เป็นอยู่
    ความดีเปรียบประดุจผ้าขาวสะอาด
    ความชั่วเปรียบประดุจผ้าสกปรกเลอะเทอะ

    ในชีวิตคนเราที่เกิดมาต้องสวมเสื้อผ้า (วิบากกรรม)
    ทั้งขาวและสกปรก

    คนไหนดีมากๆ เกิดมาก็สวมเสื้อขาวมากๆ
    มีแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต น้อยครั้งที่จะประสบโชคร้าย

    คนไหนทำชั่วมากเกิดมาก็สวมเสื้อสีดำเข้ม

    คนไหนทำดีและทำชั่วเสมอกันก็สวมเสื้อสีเทากลางๆ

    ลดหลั่นลงมาตามกรรมที่ได้กระทำไว้
    คราวใดที่ผลบุญส่งเสริมก็จะได้รับสิ่งที่ดีตอบสนอง
    ยามใดที่ผลกรรมชั่วให้ผล ยามนั้นยากที่จะหลีกพ้นได้

    ดังนั้น ชีิวิตคนหนึ่งๆ
    จึงประสบทั้งลาถ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ
    ตามวิบากกรรมที่เคยได้ทำไว้เฉกเช่นเงาติดตามตัว

    ใครที่เคยเข้าใจว่าทำบุญแล้วไม่ได้บุญ
    ขอจงหยุดคิดด้วยเหตุและผล
    หันมาตั้งหน้าทำบุญกันเถิด

    วิธีทำบุญแล้วได้บุญมีองค์ประกอบอยู่ ๓ ประการ

    พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร กทม. ได้กล่าวไว้ว่า
    การทำบุญในพระพุทธศาสนาที่มีผลานิสงส์มาก
    เช่น การทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ เป็นต้น
    จะต้องประกอบพร้อมด้วยองค์คุณ ๓ ประการ คือ

    ประการที่ ๑ ปัจจัยวัตถุสิ่งของสำหรับทำบุญบริสุทธิ์ิ์

    ซึ่งมีลักษณะคือ เงินที่จับจ่ายใช้สอยซื้อหาวัตถุสิ่งของเหล่านั้น
    ต้องเป็นเงินที่ได้มาด้วยการประกอบอาชีพที่สุจริต
    เกิดจากหยาดเหงื่อแรงงานของตนโดยตรง
    สิ่งของที่นำมาทำบุญนั้นเป็นของบริสุทธิ์
    คือ มิได้เบียดเบียนชีวิตคนหรือสัตว์อื่น
    เช่น ฆ่าสัตว์มาทำบุญ เป็นต้น
    วัตถุสิ่งของที่นำมาทำบุญนั้นเป็นของมีคุณภาพดี
    และเป็นส่วนที่ดีที่สุดในบรรดาสิ่งของที่มีอยู่
    เช่น ข้าวสุกปากหม้อ แกงถ้วยแรกที่ตักออกจากหม้อ
    เป็นต้น และสมควรแก่สมณบริโภค
    ไม่เกิดโทษแก่พระภิกษุ สามเณร
    และมีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการ

    ประการที่ ๒ เจตนาของผู้ถวายบริสุทธิ์
    คือ มีความตั้งใจที่จะทำบุญในกาลทั้ง ๔ คือ

    ๑. "ปุพพเจตนา" ความตั้งใจก่อนจะทำบุญ มีความเลื่อมใสศรัทธา
    ไม่มีความตระหนี่ถื่เหนียว ไม่มีความเสียดาย

    ๒. "มุญจนเจตนา" ความตั้งใจขณะทำบุญ มีความเลื่อมใสศรัทธา
    มีความปลาบปลื้มปิติยินดีในการทำบุญนั้น

    ๓. "อปรเจตนา" ความตั้งใจหลังจากทำบุญไปแล้วภายใน ๗ วัน
    หวนระลึกถึงการทำบุญที่ล่วงมาแล้วด้วยความปิติโสมนัสในบุญกุศล
    นั้น ไม่มีความเสียดาย

    ๔. "อปราปรเจตนา" ความตั้งใจภายหลังจาก ๗ วันไปแล้ว แม้เป็น
    เวลานานๆ หวนระลึกนึกถึงการทำบุญครังใดก็ปลาบปลื้มปิติโสมนัส
    ครั้งนั้น

    ประการที่ ๓ พระภิกษุสามเณรบริสุทธิ์

    ได้แก่พระภิกษุสามเณรที่ปราศจากราคะ โทสะ โมหะโดยสิ้นเชิง
    หมายถึงพระอริยบุคคล หรือพระภิกษุสามเณร ผู้มีศีลบริสุทธิ์
    และเป็นผู้กำลังปฎิบัติเพื่อกำจัดราคะ โทสะ โมหะ


    ที่นี้ท่านทั้งหลายคงเข้าใจแล้วว่า

    ก่อนจะทำบุญก็ดี ขณะทำ หรือหลังทำแล้ว

    ขอจงตั้งจิตให้บริสุทธิ์ิ์ ต่อไปในอนาคนเมื่อเกิดในภพใหม่ชาติใหม่
    จะมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่เกิดจนตลอดอายุขัย
    ในชาติภพนั้นๆ เจตนาบริสุทธิ์
    ก่อนถวายจะทำให้เราประสบความสุขตั้งแต่เกิดจนถึงช่วงวัยเบญจเพส
    เจตนาบริสุทธิ์ขณะทำบุญจะทำให้เราไม่ทุกข์ยากลำบากเดือดร้อน
    จนกระทั่งอายุ ๕๐ ปี หลังทำก็เช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม หากเรามีเจตนาไม่บริสุทธิ์นึกเสียดาย
    จะทำให้เราเกิดความทุกข์ยากเดือดร้อน
    แม้เกิดเป็นเศรษฐีก็เป็นเศรษฐีขี้เหนียว

    บ่อยครั้งที่พบเจอ มักจะเห็นชาวพุทธเจาะจงใส่บาตรพระภิกษุสามเณร
    รูปใดรูปหนึ่ง บางคนไม่ได้ใส่ถึงกับกระวนกระวายใจ
    ทำให้จิตใจไม่บริสุทธิ์ จึงได้รับผลอานิสงส์น้อยกว่าทำบุญใส่บาตร
    โดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง เจอรูปไหนก่อนก็ตั้งใจน้อมนึกถึงท่านใส่
    บาตรเป็นรูปแรกและต่อมาตามลำดับที่ท่านเดินมาถึง

    กล่าวในใจว่า "สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ"

    ได้เวลาเลิกปลื้มกับเสบียงบุญเก่าซึ่งไม่รู้ว่าจะหมดเมื่อใด
    เช้านี้ก่อนไปทำงานชวนกันทำบุญใส่บาตร
    เสริมสร้างบุญวาสนาบารมีในอนาคตกันเถิด!!


    ขอบคุณที่มา: หนังสือชีวิตเป็นสุข
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    60

    Talking

    ขอบคุณนะคะ
    ชอบจังเลยค่ะ
    ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย... เรียบง่ายอยู่ได้นาน ...

  3. #3
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    สาธุค่ะ น้องhut
    นำส่ิงดีๆมาให้กันเรื่อยๆเลยอ่ะ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    339
    สาธุค่ะ จะนำไปปฏิบัติตามนะคะ
    อิ่ม....................

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    ขอบคุณค่ะ ชอบมากค่ะ

  6. #6
    huahorm's Avatar
    huahorm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2,880
    สาธุจ้ะ

  7. #7
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    สาธุค่ะลุง
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

  8. #8
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    สาธุนะคะที่เอาบุญมาฝาก
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  9. #9
    PREZZO's Avatar
    PREZZO is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2

    Smile

    ขอบคุณครับ



    เนมิราชชาดก
    พระเจ้าเนมิราช เมื่อทรงปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ทรงสงสัยว่า การให้ทานกับการประพฤติพรหมจรรย์ คือ การรักษาความบริสุทธิ์ ไม่ข้องเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวโลกนั้น อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน

    พระอินทร์ได้ทรงทราบถึงความกังขาในพระทัยของพระเจ้า เนมิราช จึงเสด็จจากดาวดึงส์ลงมาปรากฏ เฉพาะพระพักตร์ พระราชา ตรัสกับพระราชาว่า "การประพฤติพรหมจรรย์จึงทำได้ยากยิ่ง กว่าการบริจาคทาน และได้กุศลมากยิ่งกว่าหลายเท่านัก"

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1
    ประการที่ 3 นี้เลือกอยากนะคะ

    แต่อีก 2 ประการด้านบนจะพยายามค่ะ

    สาธุ

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •