ความไม่สามารถจัดการบริหารร่างกายให้มีปริมาณสารพิษสะสมน้อยที่สุดได้

1. ไม่สามารถหลีกเลี่ยง พื้นที่ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อสารพิษ เช่น พืนที่บนถนนจากรถติด

2.ไม่สามารถหลีกเลี่ยง อาหารและน้ำ ที่คัดเลือกว่าไม่ม่สารพิษปะปนมาแล้ว เช่น ความเร่งรีบจนไม่มีเวลามากพอที่จะเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่ไม่มีสารพิษปะปนมาแล้ว

3.ไม่สามารถลดประมาณสารพิษที่เกิดขึ้นในร่างกาย จากการไม่สามารถพักผ่อนให้เพียงพอตามความต้องการของแต่ละวัน เช่น วัยเรียน และ วัยทำงาน

4.ไม่สามารถลดประมาณสารพิษที่เกิดขึ้นในร่างกาย จากการไม่สามารถจัดการบริหารร่างกายให้ไม่เครียดได้ เช่น วัยเรียน และ วัยทำงาน

5.ไม่สามารถลดประมาณสารพิษที่เกิดข้นในร่างกาย จากการไม่สามารถออกกำลังกายให้เพียงพออย่างสม่ำเสมอได้ เช่น วัยทำงานและวัยเรียน ที่เลิกงานดึก เหนื่อยเกินกว่าจะออกกำลังกาย

6.ไม่สามารถเพิ่มปริมาณการกินอาหารที่มีคุณสมบัติกำจัดสารพิษ และ ช่วยบำรุงระบบกำจัดกสารพิษได้ เช่น การไม่ได้กินสาหร่ายคลอเรลล่าเป็นประจำทุกวัน การไม่ได้กินพืชใบเขียวสด และผลไม้สด ให้เพียงพอในแต่ละวัน

ซึ่ง ในแต่ละวัน หากเกิด ความไม่สามารถใดๆ แล้ว โอกาสมีปริมาณสารพิษคงเหลือที่ไม่เท่ากับ 0 ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น วัยทำงาน ที่ต้องออกไปเผชิญรถติดบนรถโดยสารประจำทางตั้งแต่รุ่งเช้า แวะกินของปิ้งย่างริมทางเป็นอาหารเช้า ไปทำงานด้วยความเครียด จัดการร่างกายให้พร้อมทำงานด้วยการกินกาแฟ
ออกมากินข้าวเที่ยงด้วยความเร่งรีบ กลับไปทำงานตอนบ่าย และทำงานโอที เพิ่อหาเงินเพิ่มด้วยภาระทางการเงินที่ไม่เพียงพอ จนกลับบ้านดึกๆ ดื่น แวะกินข้าวต้มอาหารตามสั่งตอนค่ำ สังสรรกินเหล้ากับที่ทำงาน ก่อนกลับมานอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ปริมาณสารพิษคงเหลือ จะเริ่มนับ 1 และหากยังคงพฤติกรรมนี้ต่อไป ก็จะเริ่มมีปริมาณสารพิษสะสมมา 1 ก้อนใหญ่ๆ ตามระยะเวลาที่สะสมไว้

ปริมาณสารพิษสะสมก้อนแรกนี้ หากมีมากเกินพอ จะทำให้ความสามารถในการลดประมาณสารพิษที่เกิดขึ้นในร่างกาย ลดลง อันเนื่องมาจาก ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพก่อน

ซึ่งหากเราไม่สามารถลดประมาณสารพิษที่เข้าสู่ร่างกาย และ เพิ่มปริมาณการกินอาหารที่มีคุญสมบัติกำจัดสารพิษและช่วยบำรุงระบบกำจัดสารพิษแล้ว ปริมาณสารพิษสะสมจะมีมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นโรคร้ายที่สิ้นหวังทางการแพทย์ในที่สุด