ทำไม กลไก ความสามารถในการกำจัดสารพิษ ของคอเรลล่า ที่ สมบูรณ์ และเหนือว่า "สิ่ง/สาร จาก ธรรมชาติ ใดใด จะทำเสมอเหมือนได้ ในยุคปัจจุบันนี้" และ คอเรลล่า ที่ได้ดีที่สุด
(ขอบคุณรูปภาพ จาก http://cdn.shopify.com/s/files/1/025..._large.jpg?922)
คอเรลล่ากำเนิดในยุดกำเนิดโลกที่สิ่งแวดล้อม เป็นมลพิษสูงจากฝุ่งละอองโลหะหนัก จึงต้องวิวัฒนาการให้อยู่รอด
โดยพัฒนาความสามารถให้ตัวเองป้องกันสารพิษ และ มีความสามารถกำจัดสารพิษด้วย
ผนังเซลล์คอเรลล่ามีโปรตีนชนิดพิเศษ ที่มีฟังก์ชั่นจับสารพิษโดยเฉพาะ นั้นคือ สปอโรโพเลนิน (Sporopollenin)
เปรียบเสมือนกาวที่ใช้ดักจับสารพิษรอบๆ ตัวมัน ทำให้รอบๆ ตัวมันมีสารพิษน้อยลง
"Sporopollenin, a substance found on the chlorella's cell walls and a key player in toxin removal.
Sporopollenin binds heavy metals, solvents, pesticides, and reliably prevents a retoxification in the intestine."
ขอบคุณ ข้อความจากบทความ http://bit.ly/1gpZuqT
และภายในคอเรลล่า ยังมี เมทัลโลไทโอนิน (Metalothionin) หรือกรดอะมิโมที่มีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบ ที่มีความสามารถจับสารพิษ
ประเภทโลหะหนักได้ตามธรรมชาติ
"Metallothionein has been documented to bind a wide range of metals including cadmium,[8] zinc, mercury, copper, arsenic, silver, etc. Metallation of MT was previously reported to occur cooperatively but recent reports have provided strong evidence that metal-binding occurs via a sequential, noncooperative mechanism.[9] The observation of partially metallated MT
(that is, having some free metal binding capacity) suggest that these species are biologically important."
ขอบคุณ ข้อความจากบทความ Metallothionein http://bit.ly/1Lxdyrt
ด้วย 2 กลไก ตามธรรมชาติ ที่ได้จากการวิวัฒนาการให้อยู่รอดให้ได้ ในยุดกำเนิดโลกนี้เอง ทำให้คอเรลล่า เป็นสิ่ง/สาร จากธรรมชาติ
ที่มีความสามารถในการกำจัดสารพิษ ได้ดีที่สุด สมบูรณ์เหนือกว่า สิ่ง/สาร จากธรรมชาติ ใดๆ จะทำเสมอเหมือนได้ในยุดปัจจุบัน
ความเชื่อมโยง ของกลไก ความสามารถในการกำจัดสารพิษของคอเรลล่า กับ กลไก ความสามารถในการกำจัดสารพิษออกจากร่ายกายของมนุษย์
จากกระทู้ข้างต้น เรื่อง กลไกการกำจัดสารพิษ (elimination) ตามธรรมชาติของร่ายกายมนุษย์ พบว่า ความสามารถในการกำจัดสารพิษออกจากร่ายกาย ขึ้นกับ "ปริมาณสารพิษในร่ายกายและความสามารถในการทำลายสารพิษในร่ายกาย"
หากรับประทานคอเรลล่า เข้าไปในร่ายกาย จะช่วยลดปริมาณสารพิษในร่ายกาย จากสปอโรโพเลนิน (Sporopollenin)
และเพิ่มความสามารถในการทำลายสารพิษในร่ายกาย ด้วยการเพิ่ม เมทัลโลไทโอนิน (Metalothionin) ให้กับร่ายกายนั้นเอง
ทำให้คอเรลล่าเป็นอาหารยอดนิยม ที่ทั่วโลกยอมรับ ไว้รับประทานเพื่อล้างสารพิษ เป็นประจำทุกวัน แต่ คอเรลล่าที่ไหนหล่ะ ถึงจะดีที่สุด??
1.เลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่ไร้มลพิษ
เนื่องภายในตัว คอเรลล่า สามารถดูดซับสารพิษไว้ในตัว จึงมีบางประเทศเลี้ยงคอเรลล่าบางสายพันธุ์ไว้ เพื่อบำบัดน้ำเสีย ดังนั้น หากเลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษ นอกจากจะไม่ได้รับฟังก์ชั่นล้างพิษแล้ว ยังอาจจะได้รับสารพิษที่อยู่ในตัวคอเรลล่าเองด้วย
2.เลี้ยงในน้ำแร่ธรรมชาติ
เนื่องจากคอเรลล่าเกิดขึ้นในยุคที่สิ่งมีชีวิตต้องเอาตัวรอดในยุดกำเนิดโลก จึงมีความสามารถกับเก็บสารอาหารไว้กับตัวเองสูง ดังนั้นหากเลี้ยงในสิ่งแวดล้อมที่มีสารอาหารมาก เช่น น้ำแร่ จะทำให้คุณภาพคอเรลล่าสูงขึ้นด้วย
3.เลี้ยงกลางแจ้ง
คอเรลล่าสร้างสารทุติยภูมิที่มีฟังก์ชั่นล้างพิษ (คอเรลแลน/คอเรลลิน) จากสารอาหาร โดยจำเป็นต้องผ่านกระบวนการสังเคราะด้วยแสง ดั้งนั้น หากเลี้ยงในที่แจ้ง จะทำให้ได้คุณภาพคอเรลล่าที่สูงขึ้น
3.มีปริมาณ CGF ที่สูง
คอเรลล่า มีสาร CGF หนึ่งเดียว สารอาหารคุณภาพสูง ที่สกัดได้จากสาหร่ายคอเรลล่า หากที่ใดมีปริมาณ CFG ต่อหน่วยมากกว่า คุณภาพจะดีกว่า
4.ผิวเซลล์ต้องแตก เพื่อให้ร่ายกายดูุดซึมได้มากขึ้น
คอเรลล่ามีผนังเซลล์หนาถึง 3 ชั้น เพื่อป้องกันสารพิษ ในยุคกำเนิดโลก ดังนั้น ผลิตภัณฑ์จากคอเรลล่าที่ดี ต้องมีเทคโนโลยีที่ทำให้ผนังเซลล์ ของคอเรลล่าแตก เพื่อช่วยให้ร่ายกายเข้าไปดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น
รักษาสุขภาพ เริ่มต้น ด้วยการ "ล้าง" ก่อน จึงค่อย "เสริม"
ถ้าต้องการติดตามข้อมูลข่าวสาร ด้านสุขภาพ และ สาหร่ายชนิดนี้เพิ่ม สามารถกดติดตามได้ที่ เพจ O K I T E C ได้เลยครับ