คราวนี้ จะดูอย่างไร ว่า อาหารเสริมคลอเรลล่า จากที่ไหน ดีที่สุด

คลอเรลล่า ในปัจจุบัน แบ่งตามการเลี้ยง มี 2 แบบ คือ เลี้ยงในที่แจ้ง (Sunlight Chlorella) กับ เลี้ยงในที่ร่ม (Indoor Chlorella)

เนื่องจาก คลอเรลล่า เป็น พืช ที่ต้อง สังเคราะห์แสง เพื่อให้ได้สารอาหาร ดังนั้น คุณค่าทางอาหาร ของ กลุ่ม Indoor Chlorella จะน้อยกว่ามาก ส่วนเหตุที่มีการเลี้ยงในที่ร่มนั้น เนื่องเพราะ สถานที่เลี้ยง ไม่สะอาด มีการปนเปื้นมาก ไม่สามารถปล่อยเลี้ยงกลางแจ้งได้ เพราะหาก ปล่อยเลี้ยงคลอเรลล่า ในสถานที่ปนเปื้อน ตัวคลอเรลล่า จะเปลี่ยนมาเป็นเพิ่มสารพิษให้เราแทน มาช่วยเราขับพิษครับ

และ สถานที่เลี้ยงคลอเรลล่า แบบกลางแจ้งได้ (Sunlight) ในปัจจุบัน มีได้ไม่กีที่ เพราะคลอเรลล่า ที่เหมาะสมที่จะนำมาทำเป็นอาหารเสริม อยู่ได้ในช่วงอุณหภูมิ ที่จำกัด และ ที่ที่เลี้ยง จึงต้อง มีอุณหภูมิคงที่ตลอดปี จึงจะเลี้ยงได้ ซึ่ง ปัจจุบัน มีที่

- ญี่ปุ่น (ที่เกาะโอกินาว่า)
- ไต้หวัน (ที่เกาะไต้หวัน)
- จีน (ที่เกาะไหหลำ)

ซึ่ง จากการสำรวจ และ ตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ บทความจาก (www.chlorellafactor.com) โดยสุ่มตัวอย่าง อาหารเสริมคลอเรลล่า ที่ขายในท้องตลาด จำนวน 17 ตัวอย่าง โดยที่สามารถแยก กลุ่มตัวอย่างจากแหล่งเลี้ยงได้ 10 แหล่ง (บางตัวอย่าง มาจากแหล่งเลี้ยงเดียวกัน แต่คนละแบรนด์) ประกอบด้วย

- คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในจีน จำนวน 3 ตัวอย่าง
- คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในไต้หวัน จำนวน 3 ตัวอย่าง
- คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในญี่ปุ่น จำนวน 3 ตัวอย่าง
- คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในเกาหลี จำนวน 1 ตัวอย่าง (เลี้ยงแบบ ในร่ม Indoor ไม่ได้เลี้ยงแบบ กลางแจ้ง Sunlight)

และ นำไปตรวจสอบหาการปนเปื้นโลหะหนัก ในแลบ พบว่า มีปริมาณอะลูมิเนียม ซึ่ง เป็นโลหะหนัก ปนเปื้น แยกตามแหล่งเลี้ยง ได้ ดังนี้


*คลอเรลล่า จากเกาหลี ถูกเลี้ยงแบบอยู่ในร่ม indoor ต่างกับ แหล่งเลี้ยงที่เหลือ ที่เลี้ยงกลางแจ้ง Sunlight
จึงพบว่า คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในไต้หวัน มีการปนเปื้อนโลหะหนักอะลูมิเนียม น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับแหล่งเลี้ยงกลางแจ้งที่อื่นๆ (ซึ่งเมื่อเทียบกับ ผัก ที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันแล้ว พบว่า มีการปนเปื้อน น้อยกว่า มากที่เดียว)

ดังนั้น คลอเรลล่าที่สะอาดที่สุด ควรมาจากแหล่งเลี้ยง ที่ไต้หวัน ซึ่ง ก็มีผู้ผลิตหลายราย หลายแหล่งเลี้ยง

ซึ่ง หลังจากหาข้อมูลอย่างละเอียด เราก็พบผู้ผลิต ชื่อ FEBICO

FEBICO เป็นผู้ผลิตคลอเรลล่า รายแรกของโลก ที่ผ่านการตรวจสอบ ผลิตภันฑ์ออร์กานิกส์ จากทั้ง Natureland (เยอรมัน) และ USDA (สหรัฐอเมริกา)

คราวนี้มาดูต่อครับ คุณภาพของคลอเรลล่า นอกจาก การปนเปื้อนน้อยแล้ว ยังมีเรื่อง ปริมาณ ของสารอาหาร ในของเหลวภายในเซลล์ ของคลอเรลล่า ซึ่ง สารอาหารที่คลอเรลลา จะสะสมได้นั้น นอกจาก ต้องได้รับแสงอาทิตย์แล้ว ยังขึ้นอยู่กับ สารอาหารในรูปของแร่ธาตุ ของน้ำที่นำมาใช้เลี้ยง

ทำไม การทานคลอเรลล่า จึงจำเป็นต้องเลือก "คลอเรลล่า ที่ปลอดภัย" เท่านั้น

คลอเรลล่า เป็นพืชน้ำเซลล์เดียว ที่มีความสามารถในการดักจับโลหะหนักสูง ดังนั้น คลอเรลล่า ที่เลี้ยงในแหล่งน้ำที่มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก ก็จะดักจับโลหะหนัก ในแหล่งน้ำนั้นๆ มาเก็บไว้ที่ตัวเอง

ดังนั้น เมื่อทานคลอเรลล่า ที่มีการปนเปื้อน โลหะหนัก ก็เท่ากับร่างกายได้รับพิษโลหะหนักเพิ่มจากคลอเรลล่า แทนที่คลอเรลล่าจะมาขับล้างพิษโลหะหนักในร่างกายออกไป

โดยหลักการนี้ การทานคลอเรลล่า ที่ไม่สามารถการันตี "ความปลอดภัย" ได้ จะยิ่งทำให้ร่างกายสะสมพิษมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง ไม่ว่าจะในสถานการณ์วิกฤติหรือไม่ ก็ตาม

การทานคลอเรลล่า จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเลือก คลอเรลล่า เป็นออร์แกนิกส์ 100% เพื่อการันตี ว่า จะไม่มีสิ่งพิษปนเปื้อนเข้ามาสู่ร่างกายเรา แทนที่จะมาช่วยร่างกายขับพิษ

โดยที่ คลอเรลล่า ที่ได้รับการการันตีว่า เป็น ออร์แกนิกส์ 100% นั้น ถือว่าเป็นอาหารจากธรรมชาติ ที่สะอาด ปลอดภัย สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย และ สามารถทานต่อเนื่องได้ ตลอดชีวิต