
Originally Posted by
asiaticia
ใจจริงๆเลยไม่ชอบประชาธิปัตย์และไม่ชอบทักษิณด้วย
สงสารก็แต่ทหารและตำรวจชั้นประทวนที่ต้องไปกันประชาชนที่ต่างฝ่ายก็เป็นเบี้ยให้นักการเมืองพวกนี้
สุดท้ายแล้วพวกที่ลอยตัวก็นักการเมืองและพวกที่อยากเล่นการเมืองทั้งหลายแต่ไม่มีฐานเพียงพอ(ทั้งเหลืองทั้งแดง)พวกนี้ไม่ใช่หรือ
หมากกระดานใหญ่ก็คือประเทศไทย คนเล่นสองฝ่ายไม่พอใจกันถึงที่สุดก็ล้มกระดานไป ไม่มีเบี้ยตัวไหนเหลือเกาะกระดาน ประชาชนต่างหากที่สูญเสีย นักการเมืองเหล่านั้นมันก็ลอยตัวกันไปเพราะเขามีฐานทางเศรษฐกิจและสังคมที่สูง ไม่ต้องมาเริ่มที่ศูนย์หรือติดลบเหมือนคนทั่วไป
เราอยากให้เพื่อนๆที่แสดงความคิดเห็นในนี้ลองมองให้เป็นกลางจริงๆว่าตัวเราเองน่ะเป็นประชาธิปไตยเลือกข้างหรือเปล่า ในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงเลือกพรรคที่ชอบแต่เราเป็นที่เราเอียงข้างไปจากจุดที่ประชาธิปไตยอยู่ มันจึงเอียงกะเท่เร่ ไม่สมดุลและเป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้
ยกตัวอย่าง รัฐบาลทักษิณเลือกตั้งเข้ามา แต่ไม่ใช่เสียงจากกรุงเทพฯ เสียงเขาส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัดถึงอย่างนั้นเขาก็มีสิทธิ์มีเสียงที่อยู่ทำงานจนครบวาระ ทหารเราจะเป็นพวกที่เคยมีอำนาจเป็นใหญ่ที่สุดก็แล้ววางไม่ลงหรือพวกที่ต้องทำตามนายก็มารัฐประหารเขา เอาสิทธิ์ที่เขาพึงมีพึงได้ไป ทีนี้เลือกตั้งใหม่ประชาธิปัตย์เองก็ยังสู้เขาไม่ได้อีก พวกเสื้อเหลืองบ้างเรียกว่าพวกชนชั้นกลางฐานอยู่ในกรุงเทพฯที่ทนไม่ได้อย่างเปลี่ยนข้างแล้วก็มาประท้วงขับไล่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองสร้างมาตรฐานที่เลวให้กับสังคมแล้วก็สำเร็จ คนที่ควรเป็นกลางอยู่เหนือการเมืองทั้งปวงก็อยากออกความคิดเห็นที่ปิดบังความรู้สึกตัวไม่ได้แสดงความชอบออกไปก็เป็นเรื่อง ฝ่ายที่ประท้วงอยู่ทุกวันนี้เรียนรู้ถึงมาตรฐานเลวๆว่าทำได้ก็ทำบ้าง มันก็ไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งสองฝ่ายเอาประเทศไทยเป็นประกันเป็นเดิมพัน
เทียบกับอเมริกาก็ได้เห็นชัดๆเลย บุชตอนได้ตำแหน่งมาครั้งแรกที่แข่งกับกอร์ สังคมอเมริกันยังถกกันว่ามีโกงอะไรกันหรือไม่เพราะแต้มต่างสูสีแต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับกติกา บุชแก้ปัญหาไม่ได้ดีแถมทำให้ปัญหาพองโตจนติดโรคกันไปหมด แต่ตอนที่แข่งครั้งที่สองกับเคอรรี่ เขาก็ยังชนะเป็นสมัยที่สองเพราะถึงจะไม่ดีแต่คนที่มาแข่งกับเขาไม่สามารถแสดงว่ามีดีกว่าได้ อเมริกันชนก็ยังต้องเลือกบุชเข้ามาเพราะเขาต่างเคารพกติกา 8 ปีเชียวนะที่ประชาชนเขาอยู่กันเพื่อรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ จนครั้งล่าสุดที่รีพับบลิกันแพ้เพราะคราวนี้เดโมแครตมีตัวที่คนคิดว่าดีกว่ามาให้เลือกแม้จะเป็นตัวเลือกที่เสี่ยงต่อแนวคิดหลายๆอย่างแต่ก็เกิดขึ้น สิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่าคนเขารู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไร สิทธิใครมีขอบเขตอย่างไรแค่ไหน ที่เขียนมาไม่ได้ชื่นชมอเมริกัน แต่เราชื่นชมวิธีคิดและการให้เกียรติเสียงข้างมากของเขาต่างหากแม้บางครั้งจะมีเสียงครหาและข้อกังขาแต่หากไม่สามารถพิสูจน์ถึงที่สุดได้ เขายอมรับกันและรอเวลาหมุนวงล้อใหม่ แต่คนไทยเคารพกฎ กติกาไม่ได้ ทำไม่เป็นเพราะอะไรไม่รู้ สิ่งนี้ต่างหากที่อันตรายมากๆเพราะเราสามารถละเมิดอะไรของใครอย่างไรก็ได้โดยไม่มีสำนึกมาเป็นตัวกำหนดเลย
นักการเมืองเป็นอาชีพที่เห็นแก่ประโยชน์ แต่เวลาเราเลือกเราต้องเลือกคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของคนหมู่มาก ถ้ามันไม่มีให้เลือกเลยก็เลือกได้ว่าไม่เอาใคร หากเสียงกลางแบบนี้มีเพิ่มขึ้นมากพอมันสามารถเป็นตัวกำหนดบทบาทของนักการเมืองให้เกรงใจและกลัวประชาชนเหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้วจริงๆ ไม่เหมือนเราที่นักการเมืองเห็นเราเป็นเบี้ย จะเคารพเราก็เฉพาะตอนเลือกตั้งเท่านั้น ในต่างประเทศที่การเมืองเขานิ่งเพราะนักการเมืองของเขาส่วนใหญ่ที่จะได้รับเลือกหรือไม่ได้รับเลือกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
เราอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนให้เพื่อนๆในวันนี้สอนลูกหลานในอนาคต อย่าสอนให้เลือกข้างสอนให้มองรวมๆแล้วการเมืองเราอาจพัฒนาเหมือนในสังคมตะวันตก(ที่เราไปลอกระบอบเขามาแต่ไม่ลอกวิธีคิดและวิธีปฏิบัติมาด้วย) ลูกหลานเราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาย่ำอยู่กับที่ซ้ำรอยแบบนี้อีก เวลาที่มีจะได้ไปพัฒนาประเทศให้เจริญยิ่งๆขึ้นได้