ฝึกวิชามนุษย์ล่องหน
เชื่อว่าทุกคนปรารถนาอย่างยิ่งที่จะมีความสุขกับการใช้ชีวิต
มีความสุขกับการทำงาน กับการได้อยู่กับใครก็ตาม
ทั้งที่รักและไม่รัก ชอบหรือชัง รวมทั้งการได้ประสบพบเจอเรื่องราว
และสถานการณ์ใด ๆ ก็ล้วนปรารถนาให้ใจเราได้มีความสุข
หากคำตอบคือใช่ เชิญอ่านต่อครับ...
เราเคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่ว่า ในบางขณะที่เรารู้สึกปลอดโปร่ง
ตัวเบา ใจเบา สบายๆ แบบชิล ชิล
ความทุกข์ร้อนที่รุมเร้าก่อให้เกิดความหนักหน่วงทั้งกาย
และใจจะหายไปชั่วคราว กลายเป็นความรู้สึกสบายๆ
เสมือนตัวเราเป็นส่วนหนึ่งที่กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติแวดล้อม
แต่เผลอแผล็บเดียว อาการหนักอึ้งก็หวนกลับมา
เมื่อใจเริ่มทำหน้าที่ในการคิดนึกไตร่ตรอง นึกถึงเรื่องนั้นที คนนั้นที
ให้เกิดอาการหนักอกหนักใจ
จะขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปไหนก็รู้สึกอึดอัด
แบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ไม่ชอบกับอาการแบบนี้เลย!
ลองฝึกวิชามนุษย์ล่องหนดูสิครับ
แล้วเราจะพบกับความสุขแบบโปร่ง เบาสบาย
วิธีการฝึกคือ ทำร่างกายและจิตใจของเราให้ว่างเปล่า
ให้มีช่องว่างที่ทุกสิ่งอย่างจะผ่านไปได้โดยสะดวก
ไม่มีการคว้าเอาไว้ เก็บเอาไว้
ไม่ว่าจะเป็นเสียงสารพัดที่เปรียบเสมือนระลอกคลื่น
ได้ยินได้ฟัง ก็ให้ไหลผ่านกายผ่านใจเราไป ไม่คว้ามาเก็บไว้
เมื่อได้เห็นสิ่งใดๆ ที่กระทบประสาทสัมผัสทางตา
ก็ให้ผ่านทะลุไป ไม่เก็บไว้ในหน่วยความทรงจำใด ๆ
ให้สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส
ได้สัมผัส แล้วปล่อยผ่านทุกอย่างไป
พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส แห่งสวนพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ เมตตาสอนไว้ว่า
ความสุขมีไว้แบ่งปัน ความทุกข์และปัญหามีไว้พัฒนา
และหากใครมีก้อนกรวดแห่งความคับแค้น
เก็บไว้เป็นคอลเลคชันส่วนตัวในหัวใจ
ก็หัดเจียระไนก้อนกรวดแห่งความคับแค้นเหล่านั้น
ให้กลายเป็นอัญมณีสอนใจ
เป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้าสำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่
ที่มักจะหาเรื่องมาใส่ตัวเองแบบไร้เดียงสา
เป็นความทุกข์ที่ไร้สาระ
ดังคำกล่าวครูบาอาจารย์ที่ว่า
เดิมโลกไม่มีเรื่อง คนโง่หามาเอง จริงหรือไม่ลองตรองดู
ความสุขที่แท้จริงสามารถปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา
โดยไม่ต้องวิ่งออกไปค้นหาไขว่คว้าที่ใด
หากใจเรายอมรับกับสภาพความจริงที่เกิดขึ้น
คือ มีความสุขกับสิ่งที่เป็น แต่เมื่อใดก็ตามที่เริ่มมีความอยาก
ตั้งแต่อยากมี อยากเป็น หรือไม่อยากมี ไม่อยากเป็น
ความอยากหรือไม่อยากตรงนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์
อิสรภาพของใจจะเกิดขึ้น เมื่อเราสามารถยอมรับโซ่ตรวน
แห่งความเปลี่ยนแปลงที่แสดงบทบาทอยู่ตลอดเวลา
โดยไร้ความอาลัยอาวรณ์ ไม่ให้เกิดการกระชากใจ
เนื่องด้วยความยึดติด ซึ่งท้ายสุดย่อมเป็นการสูญเสียที่มากกว่า
แต่เมื่อยอมสูญเสียหรือเผชิญหน้าต่อโซ่ตรวน
แห่งความเปลี่ยนแปลงโดยสมัครใจ
จะเป็นการสูญเสียที่งดงาม
เราจึงควรฝึกวางใจให้เป็นกลาง
และยอมรับธรรมชาติที่ปรากฏอยู่ทุกขณะ
ลองหันกลับมามองใบหน้าตนเอง ก็จะประจักษ์ชัด
ในร่องรอยแห่งความร่วงโรยบอบช้ำ
แม้นว่าจะใช้สารพัดยาหมอ
เมื่อหันไปมองหน้าผู้อื่น ก็เห็นเส้นสายเช่นเดียวกัน
ซึ่งเป็นสมบัติแห่งธรรมชาติที่แสดงการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
หยุดยั้งไม่ได้ ดังนั้น หากต้องการความสุขที่แท้จริงถาวร
ต้องลองฝึกวิชาการเป็นมนุษย์ล่องหน
อยู่กับฝูงชนโดยไม่จำเป็นต้องเก็บรายละเอียดลวดลายบนใบหน้า
ไม่สะสมทั้งอารมณ์เรื่องราวใดๆ
แต่ให้ทุกอย่างไหลผ่านทะลุไป
ไร้ซึ่งก้อนกรวดแห่งความคับแค้นใจ
แล้วจะรู้ว่า สุขใจจริงหนอที่ได้เป็นมนุษย์ล่องหน.
ที่มา โพสต์ทูเดย์