Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 60

Thread: เรื่องเด็กเช็ดกระจกรถตามสี่แยก

Hybrid View

  1. #1
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    ถ้าเจอเด็กๆก็จะสงสาร พยายามจะไม่มอง ไม่สนใจ
    และไม่ให้เงิน เพราะไม่งั้นก็จะตกเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว
    แต่ถ้าเจอผู้ใหญ่ทำเอง อยากเอามือจิ้มลูกกะตามันเล้ยยยย!
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    94

    Red face

    แวะมาดูกระทู้ที่แสดงความคิดเห็นเอาไว้ ขอเพิ่มเติมในบางจุดลงบนพื้นที่กระทู้สาธารณะค่ะ

    Quote Originally Posted by jelly View Post
    เราเข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้ว งง ค่ะ

    เรื่องเด็กที่มาเช็ดกระจกรถ ตามสี่แยกไฟแดง ที่ทุกคนพูดถึง เราเองก็เจอบ่อยค่ะ

    เราเห็นทุกครั้ง เราหดหู่ใจทุกครั้ง เราเชื่อจริงๆค่ะ ว่าถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากมายืนตากแดด กลางสีแยกไฟแดง ท่ามกลางอากาศร้อน และมาให้คนที่ขับรถอยู่ ดูถูกดูแคลน และหาทางกลั่นแกล้งสารพัดสารเพ

    ส่วนตัวเห็นว่า คงไม่มีคนจิตใจปรกติที่ไหนที่ไปรังแกคนไม่รู่อิโหน่อิเหน่นะคะ..

    เราถามจริงๆ ถ้าคุณเห็นลูกคุณ ต้องไปทำงานแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไรคะ

    นี่คือสาระสำคัญที่แก๊งดังกล่าวจับจุดได้...คนเป็นพ่อเป็นแม่ "ถ้าเห็นลูกคุณต้องไปทำงานแบบนี้จะรู้สึกอย่างไร" เราๆท่านๆก็เลยต้องแอบให้เงิน เพียงเพราะเวทนา และนึกถึงใจเขาใจเราว่าถ้าเป็นลูกเราล่ะ ให้กันทั้งๆที่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นการสนับสนุนในทางที่ผิด

    เด็กๆพวกนี้ บ้างก็โดนพ่อแม่ทิ้ง บ้างก็ถูกหลอกมา บ้างก็ถูกลักพาตัว ไม่มีใครเคยให้ความรักพวกเขา ไม่มีใครเคยกอดพวกเขา ไม่มีใครเคยสอนพวกเขา ให้พวกเขาเป็นคนดี อย่างที่ควรเป็น ไม่เคยมีใคร ให้โอกาสพวกเขา ให้พวกเขาได้เรียนหนังสือ มีงานทำ มีรายได้

    ไม่แน่ใจว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เข้าใจเอาเองว่าพ่อแม่ของเด็กพวกนี้ก็คงทำงานหาเช้ากินค่ำ ทำให้ไม่มีเวลาให้ความรักหรือการเอาใจใส่ลูกเช่นกัน แล้วที่มาของพฤติกรรมรุนแรงเป็นต้นว่า ยืนด่า หรือ เอาสีป้ายรถเมื่อไม่ได้เงิน หากจะติดต่อให้พ่อแม่เด็กอบรมคงไม่สามารถแล้วนะคะ เพราะปัญฯหาปากม้องอย่างที่เรียนมาข้างต้น นี่คือสาเหตุที่เราแนะนำให้นำเด็กส่งตำรวจเพื่อดำเนินการกับพฤติกรรมก้าวร้าวค่ะ


    พวกเขาเป็นแค่ เครื่องมือ ของคนจิตใจเลวทรามต่ำช้า กลุ่มหนึ่ง ที่ไม่อยากทำงาน แต่อยากได้เงิน โดยไม่คิดจะมีสำนึก ว่าคนอื่นเอง ก็มีชีวิตจิตใจ ไม่เคยมีสำนึก ว่าคนอื่น ก็ต้องมีอนาคต และไม่เคยคิดจะยืนบนลำแข้งตัวเอง คิดแต่จะเบียดเบียน คนที่อ่อนแอกว่า ไม่มีทางสู้

    เห็นได้ชัดว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากด้วยค่ะ

    พวกเขาเป็นแค่เหยื่อ ของผู้มีอำนาจรัฐ ที่ยอมให้ เงิน มีอำนาจเหนือกว่า คุณธรรมประจำใจ ที่ยังปล่อยให้ คนที่เลวทรามต่ำช้ากลุ่มนั้น ยังอยู่ในสังคม

    แล้วที่มาคุกคามรถต่างๆตามสี่แยกนี่ เราเรียกคนที่โดนกระทำจากกลุ่มเด็กเหล่านี้ว่าอะไรดีคะ

    คำถามที่เราอยากจะถามก็คือ พวกเด็กๆ ที่เช็ดกระจกตามสี่แยก พวกเขาผิดอะไรคะ ทำไมพวกคุณ ต้องไปว่าพวกเขา ราวกับเขาไม่ใช่คนเหมือนพวกคุณ

    สำหรับคนเหมือนกันเราๆท่านๆที่กล่าวถึงในกระทู้นี้ ถ้าไม่นับกรณีที่เขา//เธอเช็ดกระจกโดยไม่ได้ร้องขอ แล้วยืนบังคับขอเงิน หากไม่ได้ก็ยืนด่า(กลางสี่แยก??) หรือเอาอะไรมาป้ายรถแล้ว ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ

    ทำไม พวกคุณไม่ไปว่า คนที่สมควรโดนว่า ทำไมคุณถึงเอาแต่ไปว่า คนที่มีโอกาสน้อยกว่า คนทีอ่อนแอกว่า สู้พวกคุณไม่ได้

    คำถามเหล่านี้ พวกคุณตอบกันเองในใจนะคะ ไม่ต้องมาตอบเราก็ได้

    บายค่ะ
    ห่างๆกันบ้าง (ก็น่าจะ) ดี เสียตังค์ตะ-หลอด เร๊ยยยยยยย (^^)'

  3. #3
    amm's Avatar
    amm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    182
    ถ้าเป็นเด็กเล็กๆเราให้ค่ะ ไม่ว่าจะขอเงินเฉยๆ หรือขายพวงมาลัย แล้วก็นึกต่อไปในใจว่า พ่อแม่ช่าง.....จิงๆ

    แต่ถ้าเด็กที่โตแล้ว ไม่ให้ค่ะ เพราะถือว่าสามารถทำมาหากินได้ มากกว่าการมาเช็ดกระจกรถ ซึ่งก็คือขอทานนั่นเอง แถมเข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ในบางราย ถ้าคิดจะเช็ดกระจกรถจริงๆ ก็ควรจะเช็ดให้สะอาด ไม่ใช่แค่มีผ้า 1 ผืนสกปรกๆก็มาขอเงินได้

    ส่วนตัวคิดว่า การให้เงินกลัีบเป็นการสนับสนุนให้เค้าทำแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ ไม่คิดที่จะทำงาน

    ตอบคำถามคุณลิ
    ผ่านแยกนั้นบ่อยๆค่ะ เพราะจอดรถไว้ที่ตึกจอดรถของรถไฟใต้ดิน สงสัยคนละด้านกับคุณลิ เพราะเป็นฝั่งที่มีป้อมตำรวจ เลยไม่มีเด็กเช็ดกระจกค่ะ แต่จากประสบการณ์ที่เคยเจอ สามีจะโบกมือปฎิเสธก่อนค่ะ แต่ถ้ายังจะทำท่ามาเช็ดอีก ก็จะเปิดที่ปัดน้ำฝน ไม่รู้ว่าคุณลิจะเอาไปใช้ได้ผลหรือเปล่านะคะ เพราะพอดีสามีหน้าโหดค่ะ ^^
    ************************
    Time is like a river. You can not touch the same water twice,
    So enjoy every moment of life...


  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    คุณลิมาจาก รัชดา ( จากเอสพลานาด )

    แล้วรอติดไฟแดงเพื่อเลี้ยวขวาเข้าลาดพร้าว รึเปล่าค่ะ ..ถ้าใช่

    มีทางที่ไม่ต้องติดไฟแดงค่ะไม่แน่ใจว่าคุณลิทราบหรือยัง

    แต่บางท่านอาจทราบและทำอยู่ เพราะเคยเห็น ขับตามตามกันมา

    แต่ต้องอาศัยมึนๆเล็กน้อย ไม่กล้าบอกทางนี้ทางเวปบอร์ด ต้องคุยหลังไมค์ คริ คริ

    แต่จะบอกว่า เป็นทางที่ค้นพบเนื่องจากหนีเด็กเช็ดกระจกรถโดยเฉพาะค่ะ

    เพราะบ้านอยู่ลาดพร้าว35 ชอบไปเที่ยวเอสพลานาด เจอประจำ

    ถือเป็นการแก้ปัญหาโดยละม่อมค่ะ

    จำศีลค่ะ

  5. #5
    amm's Avatar
    amm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    182
    ไปทางไหนเอ่ย บอกได้ไหมคะ
    ************************
    Time is like a river. You can not touch the same water twice,
    So enjoy every moment of life...


  6. #6
    Join Date
    May 2010
    Posts
    1

    Smile

    สวัสดีค่ะ คุณลิ

    เข้ามาอ่านที่คุณลิ และเพื่อนๆ ที่เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มแล้วค่ะ มีเรื่องที่เราต้องขอโทษเยอะเลย ในกระทู้นี้

    ก่อนอื่น ขอโทษนะคะ ที่มาตอบกระทู้ช้า (ถึงช้ามาก) เนื่องจาก ช่วงนี้เราวุ่นวายตลอดเลยค่ะ เพิ่งได้มีโอกาส เข้ามาตอบ ก็วันนี้เองค่ะ

    ต่อมา ขอโทษด้วยนะคะ เรื่องที่เราเข้าใจโครงสร้างการทำงานของขบวนการขายพวงมาลัยผิดไปค่ะ และขอบคุณ คุณลิ และเพื่อนๆ ทุกท่าน ที่ให้ความกระจ่างเรื่องนี้ด้วยนะคะ (สงสัยเราคงจะเริ่มแก่แล้ว และไม่ได้อัพเดทข้อมูลค่ะ เลยมีแต่ข้อมูลย้อนยุค)

    และสุดท้าย ขอโทษนะคะ เรื่องที่เราสื่อสารพลาดไปเยอะเลย ในกระทู้ที่แล้ว เนื่องจากความเร่งรีบ จะไปนอนค่ะ เลยทำให้พิจารณาผลจากการสื่อสารได้ไม่ละเอียดถี่ถ้วน จนเกิดความผิดพลาดขึ้น

    ผิดพลาดอย่างไร จะเล่าให้ฟังตามนี้นะคะ

    จริงๆแล้ว เราเข้าใจเจตนาการตั้งกระทู้ของคุณลิ อย่างกระจ่างค่ะ ไม่ได้เข้าใจคลาดเคลื่อนแต่อย่างใด แล้วเราเอง ก็เห็นความพยายามของคุณลิ ในการระวัง และหลีกเลี่ยงประเด็นที่อ่อนไหว โดยการไม่พูดถึง และไม่ตอบ ในเรื่องการให้เงิน หรือ สิ่งของ กับเด็กๆเหล่านั้น

    เจตนาของคุณลิ ในการตั้งกระทู้นี้ ก็เพื่อมาเล่าให้ฟัง และสอบถามวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งถ้าเราเข้าใจไม่ผิด วิธีการแก้ปัญหา ที่คุณลิต้องการถามไอเดียจากเพื่อนๆ คนอื่นนั้น คือวิธีการแก้ปัญหา ที่ตั้งอยู่บน "การรักษาสิทธิ ส่วนบุคคล ป้องกัน ไม่ให้ผู้อื่นมาเบียดเบียน ล่วงล้ำ" อันนี้เราเข้าใจถูกไหมคะ

    จากเจตนาของคุณลิ ที่เราเข้าใจ และเราเองก็เห็นด้วยนั้น เป็นเจตนาที่ค่อนข้างอ่อนไหว สามารถตีความได้หลายด้าน ดังนั้น การรักษา "ทิศทาง" ของการพูดคุย จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้อง เฝ้าสังเกต และเข้มงวด เพื่อไม่ให้ ทิศทางการพูดคุย เลยเถิดออกจากเจตนาในการตั้งกระทู้

    แล้ว จากทิศทางการพูดคุยที่ผ่านมา คุณลิ ลองกลับไปค่อยๆ อ่านดูนะคะ ทิศทางของการเสนอไอเดีย เพื่อแก้ไขปัญหานั้น เริ่มหลุดออกจาก การตั้งอยู่บน "การรักษาสิทธิ ส่วนบุคคล ป้องกัน ไม่ให้ผู้อื่นมาเบียดเบียน ล่วงล้ำ" ไปเป็นการ "กลั่นแกล้ง ดูถูก คนที่มีโอกาสน้อยกว่าตน"

    หากคุณลิ ค่อยๆพิจารณา อย่างไม่มีโทสะ คุณลิเอง ก็จะเริ่มเห็น ว่าทิศทางการพุดคุย เริ่ม "หลุด" ไปในทิศนั้นจริง (เราไม่ได้หมายความว่า ทุกกระทู้ แสดงความเห็นในเชิง "กลั่นแกล้ง ดูถูก คนที่มีโอกาสน้อยกว่าตน" ทั้งหมดนะคะ แต่เริ่มมีทิศทางนี้ ในบางกระทู้) แต่ยังไม่มีการออกมา "รักษา" ทิศทางที่ถูกต้องของการพูดคุย

    ซึ่งบางที คุณลิ อาจยังไม่ได้เข้ามาอ่าน หรือ อาจยังพิจารณาไม่เห็น การ "หลุด" ของทิศทางการพูดคุย

    เมื่อเราเอง ที่เริ่มเห็นปัญหา และกลัวว่า ถ้าหากทิศทางการพูดคุย หลุด ไปในลักษณะว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ดูถูก คนที่มีโอกาสด้อยกว่าตน นั้น คนที่จะทุกข์ มากที่สุด ก็คือตัวคุณลิเองค่ะ เพราะผลที่ได้ มันผิดกับเจตนา ที่คุณลิตั้งไว้

    ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้ คือการ "ปรับทิศทาง" ให้กระทู้กลับมา อยู่ในเจตนาเดิม ที่มันควรจะเป็น ไม่ให้ ทิศทาง ของการพูดคุย หลุด จากเจตนา ที่คุณลิตั้งไว้

    แต่ ในการปรับทิศทาง ของการพูดคุย มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากค่ะ เพราะต้องสื่อสารให้ คนที่อ่าน ได้เห็นเจตนาที่แท้จริงของเรา ว่ากำลังทำอะไรอยู่ พร้อมๆกับ เห็นปัญหา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากไม่ปรับทิศ

    ซึ่ง การสื่อสารนั้น ต้องไม่แข็งไป ไม่อ่อนไป เพราะหากแข็งไป คนที่อ่านจะไม่พอใจ และมองเจตนาของผู้สื่อสารไม่ออก และหากอ่อนไป คนที่อ่าน จะมองไม่เห็นปัญหา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ

    อุปมาเหมือนกับการโยนเหรียญ ให้อยู่ระหว่าเส้นสองเส้น ซึ่งต้องไม่เบาไป และแรงไป ซึ่ง ละเอียดอ่อนมากๆค่ะ

    ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น จากความผิดพลาดในการสื่อสารของเรา เรายอมรับผิดค่ะ ว่าไม่ได้ใคร่ครวญละเอียด เราสื่อสารแข็งไปค่ะ แข็งไปเยอะเลย ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ

    และขอบคุณคุณ yammy ค่ะ ที่เข้าใจเจตนาที่เราโพสต์ ทั้งๆที่ เราสื่อสารผิดพลาดไปเยอะเลย

    ต่อมา ขอฝากถึง คุณลิ ใน 2 ประเด็นนะคะ

    ประเด็นแรก คุณลิ เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ในพื้นที่และเจตนา ที่คุณลิตั้งไว้ สูงค่ะ เห็นได้จากหลังจากที่ เราเข้ามาตอบกระทู้เพื่อเปลี่ยนทิศทางของการพูด (ซึ่งแรงไปมาก) พอคุณลิรู้ ว่าทิศทางการพูดคุย ถูกเปลี่ยนแปลง คุณลิเอง ก็รีบเข้ามาแสดงและยืนยันเจตนา การตั้งกระทู้ของคุณลิ ซึ่ง ผลจากการเข้ามาตอบกระทู้ของคุณลิ ทำให้ ทิศทางในการพูดคุยมีแนวโน้ม กลับมาเป็นพื้นที่เดิม ที่คุณลิตั้งเจตนาไว้ (ถึงแม้ว่าจะเห็นไม่ค่อยชัด เพราะโพสต์ต่อน้อย) ซึ่ง สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ เราเอง ขอชื่นชมค่ะ

    ประเด็นที่สอง การตอบชี้แจงของคุณลิ (ที่ชี้แจงกระทู้ที่แล้ว ของเรา) เป็นการตอบที่มีทั้งตรรกะ ทั้งอารมณ์ ออกมาปนกัน ซึ่ง จุดนี้ หากคุณลิ ลองสังเกต และนำไปศึกษา จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน ของคุณลิค่ะ (เราเชื่ออย่างนั้นนะคะ) ลองพิจารณาตามนะคะ

    คุณลิ ลองพิจารณา post ที่ 46 นะคะ

    สิ่งที่คุณลิ post ช่วงท้าย เป็นสิ่งที่คุณลิ ตอบด้วยตรรกะ ไม่มีอารมณ์มาปน เป็นการแยกแยะ และอธิบายข้อเท็จจริง ที่เราเข้าใจผิด ได้อย่างกระจ่างเฉียบคม ซึ่ง อันนี้ ต้องขอบคุณมากๆนะคะ ที่ช่วยอธิบาย และต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่เราเข้าใจผิด

    ต่อมา ใน post เดียวกันนี่แหละค่ะ แต่เป็นช่วงบน

    คุณลิคะ การตอบกระทู้ของเรา ครั้งที่แล้วนั้น เป็นการอธิบาย แยกแยะ ให้ทุกคนได้เห็นความจริง ที่อยู่เบื้องหลัง ตัวเด็กๆ เช็ดกระจก ว่ามีอะไรอยู่บ้าง จะได้ไม่นำสิ่งที่ตนไม่พอใจ มาลงที่ตัวเด็กๆ เช็ดกระจกจนหมด ตัวการพูดคุย จะได้ไม่เลยเถิด ออกจากเจตนา ที่คุณลิตั้งไว้

    ซึ่ง การแยกแยะความจริงนั้น จากที่เราขอบคุณ คุณลิ และขอโทษเพื่อนๆ สมาชิกทุกคนไปแล้ว ไปแล้ว ว่าคุณลิให้ข้อเท็จจริงได้กระจ่าง ชัดเจนกว่าเราจริงๆ

    ถึงแม้ว่า การแยกแยะความจริง ในกระทู้นั้น จะไม่ชัดเจน เท่าข้อเท็จจริงที่คุณลิให้ แต่ การสื่อสารนั้น ไม่ได้มีการชี้นำใดๆ ว่าการบริจาคเงิน ให้เด็กๆ ขายพวงมาลัยนั้น เป็นสิ่งดี ควรสนับสนุน

    ดังนั้น การที่คุณลิ เข้าใจว่า เรามองว่า ควรบริจาคเงิน ให้เด็กๆ นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปมากค่ะ ซึ่ง การคลาดเคลื่อนนั้น ถ้าให้เราเดา ก็คงมาจาก สิ่งที่เราเขียน ทำให้คุณลิไม่พอใจ ใช่ไหมคะ การเข้าใจคลาดเคลื่อนนี้เอง จึงเป็นสิ่งที่เราบอกว่า มาจากอารมณ์ ซึ่ง ต่างจาก ช่วงท้าย ซึ่ง การเขียนมาจากตรรกะ ซึ่ง กระจ่าง เฉียบคม และตรงประเด็น ค่ะ

    ถ้าคุณลิ อ่านมาถึงตอนนี้ เราอยากให้คุณลิ ลองพิจารณา สิ่งที่คุณลิ รู้สึก ระหว่างการเขียน ช่วงต้น กับช่วงท้าย ของ post ที่ 46 นะคะ ว่า ในใจ ตอนนั้น รู้สึกแตกต่างกันอย่างไร

    และพยายามรักษา สิ่งที่รู้สึก แบบเดียวกับ ตอนที่เขียนช่วงท้าย ให้ได้ตลอดนะคะ งานเขียน ของคุณลิ จะออกมาอย่างกระจ่าง เฉียบคม และตรงประเด็น ไม่คลาดเคลื่อน ซึ่ง จะเป็นผลดี กับการทำงานของคุณลิเองค่ะ

    ส่วนเรื่องที่ทำให้คุณลิ ไม่พอใจ ก็คงมาจาก การสื่อสารที่ผิดพลาดของเราเอง ซึ่งก็ได้ขอโทษไปแล้ว แต่ว่า ในการทำงานจริงๆนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสื่อสารโดยใช้ตรรกะที่ดีหมด ไม่มีการใช้อารมณ์เลย ซ้ำร้ายกว่านั้น บางที เราอาจต้องเผชิญกับการสื่อสาร โดยมุ่งหวังจะโจมตี สารพัดรูปแบบ ซึ่งการยั่วให้ไม่พอใจ ก็เป็นวิธีพื้นฐานหนึ่ง ที่มีใช้กันอยู่ค่ะ เราเลยอยากให้คุณลิ รักษาสิ่งที่รู้สึก ตอนเขียนช่วงท้ายไว้ให้ตลอดค่ะ เวลาทำงาน จะได้ไม่ผิดพลาดค่ะ

    มีเท่านี้แล้วค่ะ (เขียนซะยาวยืด) หากเราเข้าใจอะไรผิด ก็บอกมาได้เลยนะคะ

    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคนที่อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องขอโทษด้วยอาจเขียนอะไร วกวนนิดนะคะ (เพราะตอนนี้ ง่วงมากมาย)

    บ๊ายบายค่ะ

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •