"….อจิณไตย แปลว่าไม่มีประโยชน์ คือรู้ไปก้อไม่มีประโยชน์ รู้ไปก็เท่านั้น เสียสมองเปล่า ๆ ใช้อะไรไม่ได้…
….ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยถูกคนอื่นถามด้วยเรื่องอจิณไตย เช่น….
….จักรวาลกว้างเท่าไร? มีขอบเขตแค่ไหน?….
….นรก สวรรค์มีจริงหรือไม่? ถ้ามีตั้งอยู่ที่ไหน?…
….ถ้าสำเร็จพระอรหันต์แล้วจะอยู่ยังไงหลังความตาย?….
….คนเราตายแล้วจะไปไหน?….
….พระพุทธองค์ทรงตอบได้ทุกเรื่อง และทรงเมตตาสั่งสอนต่อไปว่า….
….”ตถาคตทราบดีทุกเรื่องที่ท่านถาม รู้ลึกซึ้งกว่าที่ท่านอยากจะรู้”….
….”แต่ว่าท่านอยากจะรู้ไปทำไม ในเมื่อท่านรู้แล้วก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์มรรคผลใด ๆ”…
….“เพราะมันมิใช่วิถีทางแห่งการดับอาสวะกิเลส เพื่อทำให้สิ้นทุกข์”…
….”ทุกเรื่องล้วนเป็นอจิณไตย คือท่านรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์”…
….”หากท่านอยากรู้ จงเร่งปฏิบัติให้สิ้นอาสวะกิเลสในตนเถิด แล้วท่านจะสามารถรู้ได้เอง”….
….หลักการอบรมสั่งสอนของพระพุทธศาสนานั้น คือสอนให้รู้ รู้ลึก รู้รอบ และรู้จริง….
….สอนให้รู้ด้วยการพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยข้อพิสูจน์…
….ไม่ใช่ให้รู้จากตำรา คัมภีร์ วิธีปฏิบัติ (ทฤษฎี) หรือแค่คำพูด…
….แต่สอนถึงหลักวิธีปฏิบัติจริง ที่สามารถพิสูจน์เหตุผลได้ทางวิทยาศาสตร์…
….ผู้ที่กล่าวถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นพุทธมามะกะตัวจริง จึงปฏิบัติตนในทุกสภาวะโดยธรรม…
….ปฏิบัติในทุกอิริยาบทในการดำรงชีพ ไม่ใช่แค่นุ่งขาวห่มขาวนั่งหลับตาฟังอาจารย์สอนจนหลับใน แล้วเข้าใจว่าบรรลุธรรม…
….”ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็นเรา”…
….”ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม”…
….“หากประสงค์จะบูชาเรา จงบูชาด้วยปฏิบัติบูชาเถิด”…
….“อย่าพึงปฏิบัติด้วยอามิสบูชาเลย”….
คัดลอกจาก
http://xchange.teenee.com/index.php?showtopic=44897&pid=616097&mode=threaded&show=&st=&"