การส่งทำได้ 2 แบบ คือ Express courier หรือส่งกับ Freight Forwarder
แบบแรก ส่งกับ Express courier
มีหลายเจ้าให้บริการ เช่น Fedex DHL TNT UPS ซึ่งทั้งหมดมาทาง AIR ไม่มี SEA
ข้อดี ถ้าสินค้าน้ำหนัก < 45 kg ราคาจะไม่แพงมากเท่าไหร่ เพราะ rate ที่ให้จะเป็น all in แล้ว ไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ แยกย่อย (ยกเว้นภาษีขาเข้า)
ข้อเสีย ถ้าสินค้าน้ำหนัก > 45 kg ราคาจะแพงมาก ถ้าเทียบกับการส่งสินค้ากับ Freight Forwarder ซึ่งถ้ามาทาง air น้ำหนักยิ่งมากราคายิ่งถูก
แบบที่สอง ส่งกับ Freight Forwarder
เหมาะกับการส่งสินค้าที่น้ำหนัก > 45 kg up ยิ่งน้ำหนักเยอะ ราคายิ่งถูก และเลือกได้ว่าจะส่งมาทาง sea หรือว่า air
ข้อดี มีหลากหลาย option ให้เลือก ทั้งในแง่ของราคา และประเภท service อยากได้เร็วก็มาทาง air ถ้ารอได้ช้าหน่อยก็มาทาง sea
ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายต่างๆ แยกออกมาเช่น customs clearance, transportation, freight charge, local handling จิปาถะ
แต่... ไม่ว่จะส่งแบบไหนก็ตาม ถ้าหากว่า customs ตรวจ item สินค้า แล้วพบว่า declare value ของสินค้าไม่ตรงกับความเป็นจริง (เช่น declare ต่ำๆ เพื่อตั้งใจหลบเลี่ยงภาษี) อาจจะต้องเสียภาษีขาเข้าตามพิกัดกรมศุลกากร ซึ่งแน่นอน ไม่มีคำว่าถูก ทั้งนี้สินค้าแต่ละรายการก็จะมีพิกัดในการคำนวณภาษีแยกย่อยกันไป
หวังว่าทั้งหมดนี้คงช่วย จขกท ได้บ้างครับ
Citizen Member /
Trusted Member
เพื่ออ่านคู่มือ ของเครื่องมือใดๆ ที่มีเครื่องหมายนี้ 
Previous
Downtown
PREZZO
Reply With Quote
mamee

