Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 14

Thread: ♥เอาบุญที่ถูกลืมมาฝากกัน♥

  1. #1
    asiaticia's Avatar
    asiaticia is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    38
    Warning Points:
    0/5

    Lightbulb ♥เอาบุญที่ถูกลืมมาฝากกัน♥

    บุญที่ถูกลืม


    โดย พระไพศาล วิสาโล เครือข่ายพุทธิกา www.budnet.org


    " คุณนายแก้ว" เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ชอบทำบุญมาก เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนืองๆ ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหนไม่เคยปฏิเสธ เธอปลื้มปีติมากที่ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนค้างชำระมาสองเทอมแล้ว เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที

    " สายใจ" พาป้าวัย 70 และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนทั่วประเทศ เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ สายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้พิการเดินกระย่องกระแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไปแต่ตลอดเส้นทางเกือบ 3 กิโลเมตรไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับผู้เฒ่าและคนพิการขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย

    เหตุการณ์ทำนองนี้มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมไทย "ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ" เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าคนไทยนับถือพุทธศาสนากันอย่างไรจึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก เหตุใดการนับถือพุทธศาสนาจึงไม่ช่วยให้คนไทยมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก การทำบุญไม่ช่วยให้คนไทยมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ

    หากสังเกตจะพบว่าการทำบุญของคนไทยมักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่ เรากลับละเลยกันมาก (ยกเว้นคนหรือสัตว์ที่ถือว่าเป็น "พวกกู" หรือ "ของกู") แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณรและแม่ชีแต่กุลีกุจอเต็มที่กับพระสงฆ์

    อะไรทำให้เราชอบทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน ใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะเราเชื่อว่าสิ่งสูงส่งเหล่านั้นสามารถบันดาลความสุขหรือให้สิ่งดีๆ ที่พึงปรารถนาแก่เราได้ เช่น ถ้าทำอาหารถวายพระ บริจาคเงินสร้างวัดหรือพระพุทธรูป ก็จะได้รับความมั่งมีศรีสุข มีอายุ วรรณะ สุข พละ เป็นต้น หรือช่วยให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ มีความสุขสบายในชาติหน้า ในทางตรงข้ามสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเรานั้น ไม่มีอำนาจที่จะบันดาลอะไรให้เราได้หรือไม่ช่วยให้เราสุขสบายขึ้น เราจึงไม่สนใจที่จะช่วยเหลือเผื่อแผ่ให้แก่สิ่งเหล่านั้น

    นั่นแสดงว่า ที่เราทำบุญกันมากมายก็เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ ดังนั้น ยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตตากรุณาต่อผู้ทุกข์ยากมีแต่จะน้อยลง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำบุญแบบนี้กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง แน่นอนว่าประโยชน์ย่อมเกิดแก่ผู้รับอยู่แล้ว เช่น หากถวายอาหาร อาหารนั้นย่อมทำให้พระสงฆ์มีกำลังในการศึกษาปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น แต่อานิสงส์ที่จะเกิดแก่ผู้ถวายนั้นย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะเจือด้วยความเห็นแก่ตัว ยิ่งถ้าทำบุญ 100 บาท เพราะหวังจะได้เงินล้าน บุญที่เกิดขึ้นย่อมน้อยลงไปอีกเพราะใช่หรือไม่ว่านี่เป็นการ "ค้ากำไรเกินควร"

    บุญที่ทำในรูปของการถวายทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเงินก็ตาม จุดหมายสูงสุดอยู่ที่การลดความยึดติดถือมั่นในตัวกูของกู ยิ่งลดได้มากเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้นิพพานอันเป็นประโยชน์สูงสุดที่เรียกว่า "ปรมัตถะ" ซึ่งสูงกว่าสวรรค์ในชาติหน้า (สัมปรายิกัตถะ) หรือความมั่งมีศรีสุขในชาตินี้ (ทิฏฐธัมมิกัตถะ) แต่หากทำบุญเพราะหวังแต่ประโยชน์ส่วนตน อยากได้เข้าตัวมากๆ แทนที่จะสละออกไป ก็ยิ่งห่างไกลจากนิพพานหรือกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นนิพพานด้วยซ้ำ อันที่จริงอย่าว่าแต่นิพพานเลย แม้แต่ความสุขในปัจจุบันชาติก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก เพราะจิตที่คิดแต่จะเอานั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์

    ในทานมหัปผลสูตร อังคุตตรนิกาย พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระสารีบุตรว่า
    ทานที่ไม่มีอานิสงส์มากได้แก่ "ทานที่ให้อย่างมีใจเยื่อใย ให้ทานอย่างมีจิตผูกพัน ให้ทานอย่างมุ่งหวังสั่งสมบุญ" รวมถึงทานที่ให้เพราะต้องการเสวยผลในชาติหน้า เป็นต้น พิจารณาเช่นนี้ก็จะพบว่าทานที่ชาวพุทธไทยส่วนใหญ่ทำกันนั้นหาใช่ทานที่พระองค์สรรเสริญไม่ นอกจากทำด้วยความมุ่งหวังประโยชน์ในชาติหน้าแล้ว ยังมักมีเยื่อใยในทานที่ถวาย กล่าวคือทั้งๆที่ถวายให้พระสงฆ์ไปแล้วก็ยังไม่ยอมสละสิ่งนั้นออกไปจากใจ แต่ใจยังมีเยื่อใยในของชิ้นนั้นอยู่ เช่น เมื่อถวายอาหารแก่พระสงฆ์แล้ว ก็ยังเฝ้าดูว่าหลวงพ่อจะตักอาหาร "ของฉัน" หรือไม่ หากท่านไม่ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ คิดไปต่างๆ นานา นี้แสดงว่ายังมีเยื่อใยยึดติดผูกพันอาหารนั้นว่าเป็นของฉันอยู่ ไม่ได้ถวายให้เป็นของท่านอย่างสิ้นเชิง

    เยื่อใยในทานอีกลักษณะหนึ่งที่เห็นได้ทั่วไปก็คือ การมุ่งหวังให้ผู้คนรับรู้ว่าทานนั้นๆ ฉันเป็นผู้ถวาย ดังนั้นตามวัดวาอารามต่างๆทั่วประเทศของใช้ต่างๆ ไม่ว่า ถ้วย ชาม แก้วน้ำ หม้อ โต๊ะ เก้าอี้ ตลอดจนขอบประตูหน้าต่างในโบสถ์ วิหารและศาลาการเปรียญจึงมีชื่อผู้บริจาคอยู่เต็มไปหมด กระทั่งพระพุทธรูปก็ไม่ละเว้นราวกับจะยังแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ หาไม่ก็หวังให้ผู้คนชื่นชมสรรเสริญตน การทำบุญอย่างนี้จึงไม่ได้ละความยึดติดถือมั่นในตัวตนเลย หากเป็นการประกาศตัวตนอีกแบบหนึ่งนั่นเอง

    การทำบุญแบบนี้แม้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยอุปถัมภ์วัดวาอารามและพระสงฆ์ให้ดำรงอยู่ได้ แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ไม่ส่งเสริมให้ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากหรือไร้อำนาจวาสนา ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองไทยมีวัดวาอารามใหญ่โตและสวยงามมากมาย แต่เวลาเดียวกันก็มีคนยากจนและเด็กถูกทอดทิ้งเป็นจำนวนมาก ไม่นับสัตว์อีกนับไม่ถ้วนที่ถูกละเลย หรือถูกปลิดชีวิตแม้กระทั่งในเขตวัด

    อันที่จริงถ้ามองให้กว้างกว่าการทำบุญก็จะพบปรากฏการณ์ในทำนองเดียวกัน นั่นคือคนไทยนิยมทำดีกับคนที่ถือว่าอยู่สูงกว่าตน แต่ไม่สนใจที่จะทำดีกับคนที่ถือว่าต่ำกว่าตน เช่น ทำดี กับเจ้านาย คนรวย ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวกันคือคนเหล่านั้นให้ประโยชน์แก่เราได้ (หรือแม้เขาจะให้คุณได้ไม่มาก แต่ก็สามารถให้โทษได้) ประโยชน์ในที่นี้ไม่จำต้องเป็นประโยชน์ทางวัตถุอาจเป็นประโยชน์ทางจิตใจก็ได้ เช่น คำสรรเสริญ หรือการให้ความยอมรับ ประการหลังคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยขวนขวายช่วยเหลือฝรั่งที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่ แต่กลับเมินเฉยหากคนที่เดือดร้อนนั้นเป็นพม่า มอญ ลาว เขมร หรือกะเหรี่ยง ใช่หรือไม่ว่าคำชื่นชมของพม่าหรือกะเหรี่ยงความหมายกับเราน้อยกว่าคำสรรเสริญของฝรั่ง

    บุคคลจะได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญไม่ใช่เพราะนิยมทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตนเท่านั้น หากยังยินดีที่จะทำบุญกับสิ่งที่เสมอกับตนหรืออยู่ต่ำกว่าตนอีกด้วย แม้เขาจะไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่ตนได้ ก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ ทั้งนี้เพราะมิได้หวังผลประโยชน์ใดๆนอกจากความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ นี้คือกรุณาที่แท้ในพุทธศาสนา การทำดีโดยหวังผลประโยชน์หรือยังมีการแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติอยู่ย่อมไม่อาจเรียกว่าทำด้วยเมตตากรุณาอย่างแท้จริง

    จะว่าไปแล้วไม่เพียงความใจบุญหรือความเป็นพุทธเท่านั้น แม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ก็วัดกันที่ว่า เราปฏิบัติอย่างไรกับคนที่อยู่ต่ำกว่าเราหรือมีอำนาจน้อยกว่าเรา หาได้วัดที่การกระทำต่อคนที่อยู่สูงกว่าเราไม่ ถ้าเรายังละเลยเด็กเล็ก ผู้หญิง คนชรา คนยากจน คนพิการ คนป่วย รวมทั้งสัตว์เล็กสัตว์น้อย แม้จะเข้าวัดเป็นประจำ บริจาคเงินให้วัด อุปถัมภ์พระสงฆ์มากมายก็ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนใจบุญ เป็นชาวพุทธ หรือเป็นมนุษย์ที่แท้ ไม่ผิดหากจะกล่าวว่านี้เป็นเครื่องวัดความเป็นศาสนิกที่แท้ในทุกศาสนาด้วย แม้จะปฏิบัติตามประเพณีพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเคร่งครัด แต่เมินเฉยความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ หรือยิ่งกว่านั้นคือกดขี่บีฑาผู้คนในนามของพระเจ้า ย่อมเรียกไม่ได้ว่าเป็นศาสนิกที่แท้ จะกล่าวไปใยถึงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

    ในแง่ของชาวพุทธ การช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อน ทั้งๆที่เขาไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่เราได้ เป็นเครื่องฝึกใจให้มีเมตตากรุณาและลดละความเห็นแก่ตัวได้เป็นอย่างดี ยิ่งทำมากเท่าไร จิตใจก็ยิ่งเปิดกว้าง อัตตาก็ยิ่งเล็กลง ทำให้มีที่ว่างเปิดรับความสุขได้มากขึ้น ยิ่งให้ความสุขแก่เขามากเท่าไร เราเองก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น สมดังพุทธพจน์ว่า
    "ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข" เป็นความสุขที่ไม่หวังจะได้รับ แต่ยิ่งไม่อยากก็ยิ่งได้ ในทางตรงข้ามยิ่งอยากก็ยิ่งไม่ได้

    เมื่อใจเปิดกว้างด้วยเมตตากรุณา เราจะพบว่าไม่มีใครที่อยู่สูงกว่าเราหรือต่ำกว่าเรา ถึงจะเป็นพม่า มอญ ลาว เขมร กะเหรี่ยง ลัวะ ขมุ เขาก็มีสถานะเสมอเรา คือเป็นเพื่อนมนุษย์และเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย กับเรา แม้แต่สัตว์ก็เป็นเพื่อนเราเช่นกัน จิตใจเช่นนี้คือจิตใจของชาวพุทธ และเป็นที่สถิตของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง การทะนุบำรุงพุทธศาสนาที่แท้ก็คือการบำรุงหล่อเลี้ยงจิตใจเช่นนี้ให้เจริญงอกงามในตัวเรา ในลูกหลานของเราและในสังคมของเรา หาใช่การทุ่มเงินสร้างโบสถ์วิหารราคาแพงๆ หรือสร้างพระพุทธรูปให้ใหญ่โตที่สุดในโลกไม่

    ดังนั้น เมื่อใดที่เราเห็นคนทุกข์ยากไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน เชื้อชาติอะไร ต่ำต้อยเพียงใด อย่าได้เบือนหน้าหนี ขอให้เปิดใจรับรู้ความทุกข์ของเขาแล้วถามตัวเองว่าเราจะช่วยเขาได้หรือไม่ และอย่างไร เพราะนี้คือโอกาสดีที่เราจะได้ทำบุญ ลดละอัตตาตัวตน และบำรุงพระศาสนาอย่างแท้จริง

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ขอเชิญร่วมงาน "รวมพลคนฉลาดสุข" วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2552 เวลา 10.00-17.15 น. ณ ศาลาพระเกี้ยว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในงานจะได้ฟังปาฐกถาธรรมจากพระไพศาล วิสาโล ฟังการเสวนา "สุขอยู่ไม่ไกล ถ้าวางใจเป็น" จาก คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์, คุณหมอปิโยรส ปรียานนท์, คุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล, คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ ฟังดนตรีจากน้าหงา คาราวาน และนักร้องรับเชิญอีกมากมาย


    ภายในงานมีอาหารกลางวันและเครื่องดื่มบริการ งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โทรศัพท์ลงทะเบียนก่อนได้ที่ 0-2424-7409, 08-0450-8890, 08-9670-4059 ***ท่านใดที่ลงทะเบียน จะได้รับของที่ระลึก***
    "อย่าแตะต้องอดีตมาริยงของพ่อ ให้สายน้ำดำเนินต่อไป

    มาริยงจะสมรักแต่แผ่นดินจะสูญสิ้น มาริยงจะสูญเสียแต่แผ่นดินจะสมดุล

    ไปกับอนาคตได้แต่ต้องไม่ลืมอดีต... อดีตต้องเป็นมิตรกับปัจจุบัน... ปัจจุบันต้องเป็นฉันท์มิตรกับอนาคต

    หากเรารู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะไปอย่างไร จะจบอย่างไร แล้วชีวิตเราจะมีความหมายอะไร"
    _____________________________________________________________________
    บทภาพยนตร์ทวิภพ ฉบับสุรพงษ์ พินิจค้า พ.ศ.๒๕๔๗

  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986
    Warning Points:
    0/5

    Talking

    ขอบคุณบทความดี ๆ ครับ
    ขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุครับ
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    6
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาฝากนะคะ
    เดี๋ยวนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆค่ะ ทำบุญกับสิ่งที่สูงกว่าอย่างเดียว และทำแบบหวังผล

    เคยรู้จักผู้ใหญ่ท่านนึง ชอบทำบุญมากๆ แต่กลับตระหนี่กับคนใกล้ตัว เวลาทำบุญ แกจะชอบทำบุญแบบให้ทุนการศึกษามากๆ เพราะแกว่ามันสามารถนำมาหักภาษีได้ (>o<)
    *.:。✿*゚‘゚・✿.。.:**.:。✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:*

    (✿◡‿◡) When U smile... (◡‿◡✿)
    [SIGPIC][/SIGPIC]
    (✿◕‿◕)
    The whole world smiles with U... (◕‿◕✿)

    *.:。✿*゚‘゚・✿.。.:**.:。✿*゚‘゚・✿.。.:* *.:。✿*゚’゚・✿.。.:*

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2
    Warning Points:
    0/5
    เป็นสัจจะธรรมไปแล้วค่ะ เรื่องการทำบุญ แต่ไร้น้ำใจ
    ตอนนี้เราก็คิดเหมือนกัน เราเลยต้องหันมาทำทานกับคนด้อยโอกาสบ้าง
    และกำลังดูแล "บ้านโฮมฮัก" อยู่ห่าง ๆ เพราะรัก และเมตตาต่อเด็ก ๆ พวกนั้นอย่างจริงใจ

  5. #5
    preeyanan's Avatar
    preeyanan is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    7
    Warning Points:
    0/5
    ชอบบทความนี้ค่ะ ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ
    .
    "ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ . สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว"

  6. #6
    ratkatu's Avatar
    ratkatu is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    173
    Warning Points:
    0/5

    Thumbs up

    เป็นบทความที่ดีมากๆค่ะ
    ขออนุโมทนาค่ะ
    AcHTuNg BiSSiGeR HuNd!!!!!

  7. #7
    Jannilicious's Avatar
    Jannilicious is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    808
    Warning Points:
    0/5
    อ่านแล้วเห็นด้วยทุกประการค่ะ
    สมัยนี้เป็นแบบนี้กันเยอะ อยากให้คนเรา นอกจากทำบุญกันแล้ว น่าจะทำทาน มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน
    หรือแค่ ไม่คิดอคติ หลอกลวง คดโกง และ ทำร้าย คนอื่น ก็ดีมากแล้วค่ะ
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่นำมาเผยแพร่ เป็นธรรมทาน นะคะ
    อนุโมทนาค่ะ

  8. #8
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    Warning Points:
    0/5
    ขอบคุณมากค่ะที่เอามาฝาก

    เห็นด้วยกับกระทู้นี่มากๆ ค่ะ
    .
    ...กรรมอยู่ที่เจตนา... ทำด้วยความตั้งใจดี แม้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่หวั่นไหว ไม่ต้องกลัวอะไร... ไม่ต้องดิ้นรนไปเรียกร้องอะไรด้วย...คนที่จิตใจพัฒนาแล้ว ย่อมแยกแยะได้ และในที่สุดคนพาลที่เจตนาไม่ดีก็ย่อมแพ้ภัยตัวเอง...

    วิธีตั้งกระทู้ตรวจสอบที่ได้ผล เพื่อคำตอบที่รวดเร็ว และมั่นใจ
    วิธีทำให้อ่านความเห็นได้เยอะๆ ต่อหนึ่งหน้า กระทู้นึงจะได้ไม่ต้องยาวเป็นยี่สิบหน้า อ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=51805


  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    14
    Warning Points:
    0/5
    เมื่อสักครู่หนึ่งพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกือบ10บันทัด
    แต่กดโพสท์ไม่ได้สงสัยคนที่หนึ่งพาดพิงถึงเค้าคงไม่ต้องการให้พิม
    ก็เลยดลใจให้โพสท์ไม่ได้ เอาเป็นว่าเห็นด้วยมั๊กๆเลยค่ะ
    กับพฤติกรรมการทำบุญเอาหน้าของคนเราในยุคปัญจุบันนี้

  10. #10
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    Warning Points:
    0/5
    ข้อมูลนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่นำมาให้อ่านกัน
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •