Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 9 of 9

Thread: แผลจากพ่อ ......บทความน่าอ่านครับ ..

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking แผลจากพ่อ ......บทความน่าอ่านครับ ..

    แผลจากพ่อ โดย บุญรักษา

    "เจ้าคือดาวดวงน้อย... ของพ่อ จับมือพ่อเอาไว้

    พ่อจะพาเจ้าเดิน... ข้ามไป สู่ปลายทางที่ดี

    แม้ยามร้องไห้คอยปลอบ... ยามเหน็บหนาวให้ผ้าห่ม...

    เห็นเธอนั้นมีความสุข... ลำบากตายก็ทนไหว...

    เป็นสายสัมพันธ์... ที่ไม่มีวันสิ้นลงแม้วันตาย... "


    ใกล้วันพ่อเข้ามาทุกที...

    เสียงเพลงที่กล่าวถึงความรักที่งดงาม ความปรารถนาดี ที่พ่อคนหนึ่งมีต่อลูกสาวตนเอง

    ถูกเปิดตามคลื่นวิทยุ และร้านรวงต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ

    เพลง...ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่สามารถที่จะฟังจนจบโดยไม่ร้องไห้ได้เลยสักที...

    ฉันเองก็เป็นคนนึงที่เติบโตมากับครอบครัวที่แตกร้าว

    พ่อเจ้าชู้ มีลูกกับหลาย ๆ ภรรยา ไม่เอาการเอางาน ติดการพนันอย่างแรง

    เผด็จการ เจ้าโมโห อารมณ์รุนแรง ชอบลงไม้ลงมือกับลูกเมีย ฯลฯ

    ตั้งแต่เริ่มรู้ความ ก็พยายามบอกให้แม่เลิกกับพ่อ

    เพราะชีวิตแบบที่เป็นอยู่มันทำให้เราทุกข์มาก

    บอกแม่อยู่บ่อย ๆ ว่า ถ้าแม่กลัวว่าลูกจะไม่มีพ่อ..

    แม่ไม่ต้องกลัวเลยน้า.... มีพ่ออย่างนี้ สู้ไม่มีดีกว่า !

    กว่าพ่อแม่จะเลิกกันได้ ฉันก็โตเป็นสาว เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว

    การเลิกกันของพ่อแม่ต้องแลกด้วยการที่ฉันเกือบเสียชีวิต

    เพราะถูกทำร้ายโดยภรรยาน้อย ดีกรี massage doctor ของพ่อ

    โดยพ่อเลือกที่จะช่วยภรรยาใหม่ให้พ้นจากคดี

    ดังนั้นความสัมพันธ์ของพ่อและแม่จึงเป็นอันสิ้นสุดลง

    โชคดีที่แม่เป็นผู้หญิงเก่ง เข้มแข็ง และรักลูกมาก

    จึงพาลูกทั้งสองคนฝ่าคลื่นพายุมาได้

    แต่มันยังคงทิ้งแผล และร่องรอยแห่งความเจ็บปวดไว้อยู่เสมอ

    แผลที่หนักสุดสุดและไม่เคยคิดว่าจะหายได้เลย.. ก็คือเรื่องของพ่อ

    พ่อ เป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรักและเทิดทูนที่สุด

    แม้พ่อจะเป็นคนที่ร้ายกาจสักเพียงไหนในสายตาคนอื่น

    แต่ฉันก็มีพ่อ มีแม่ เพียงแค่อย่างละคน

    และถึงแม้พ่อจะไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีเท่าไร..

    แต่ฉันก็เชื่อว่า พ่อรักลูกคนนี้ยิ่งกว่าใคร

    เพราะฉะนั้น... ไม่เป็นไร... พ่อก็คือพ่อ

    แต่ก็เหมือนโลกถล่มทลายลงไปตรงหน้า

    ความไว้ใจ ความเชื่อมั่น ที่ลูกคนหนึ่งจะมีให้พ่อได้นั้น..มลายไปเสียสิ้น

    เสมือนปราสาททรายอันวิจิตรที่พ่อบรรจงสร้างตั้งแต่วันที่ลูกเกิด

    และบอกว่านี่พ่อสร้างไว้ให้ลูกนะ

    ได้ถูกทำลายลงด้วยเท้าของพ่อเองฉะนั้น

    ก็เมื่อครั้งที่ภรรยาน้อยของพ่อยิงฉัน จนแทบเอาชีวิตไม่รอด

    แต่พ่อกลับเลือกที่จะช่วยเขาให้รอดจากคดี

    เพียงเพื่อต้องการเอาชนะแม่ !

    เพียงแค่พ่ออยากเอาชนะแม่..

    พ่อเลือกเอาชีวิตลูกรักคนนี้ป็นเดิมพัน !

    ฉันไม่รู้ว่าจะมีคนเข้าใจสักกี่คน

    กับการที่ลูกสาวคนนึง ผู้ซึ่งจิตใจเติบโตมาได้ด้วยความเชื่อว่าพ่อรักมาก

    แต่วันหนึ่ง กลับถูกหักหลังโดยพ่อของตัวเอง

    พ่อ...ผู้ที่ลูกเชื่อว่าเป็นผู้ชายคนแรก และคนสุดท้ายที่จะรักลูกจริง !

    รอยแผลสาหัสนี้ ยังคงออกฤทธิ์สร้างความเจ็บปวดสุดทนเป็นระยะ ๆ

    แม้แต่ตอนที่ตัดสินใจจบชีวิตคู่ของตัวฉันเองในครั้งแรกลง

    ทั้ง ๆที่คู่ของฉันก็เป็นคนดีในระดับหนึ่ง และเราก็รักกัน

    ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถูกอดีตที่เลวร้ายของพ่อและแม่ตามมาหลอกหลอนอยู่เสมอ

    ทำให้เป็นคนที่อ่อนแอ ไม่พร้อมที่จะสู้เพื่อชีวิตคู่เลย

    แต่แล้ว...

    ฉันโชคดีที่พบพระธรรม และมีกัลยาณมิตรที่ดีมาก

    สามสี่ปีที่ผ่านมา จิตใจได้รับการเยียวยาจากธรรมโอสถ

    แผลที่เป็นก็ค่อย ๆ สมานตัวที่ละแผล ๆ

    แต่แผลใหญ่ที่สาหัส และรุนแรง "แผลจากพ่อ" นั้น

    ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลือนไปได้ง่าย ๆ

    ทุกครั้งที่สวดมนต์...

    สัพเพ สัตตา ... ทำไมพ่อถึงทำกับลูกอย่างนี้ ?

    อะเวราโหนตุ... ทำไมพ่อถึงเลือกคนอื่น ?

    อัพพะยาปัชฌา โหนตุ ... ลูกเกลียดพ่อ

    อะนีฆา โหนตุ... ลูกเกลียดเธอ

    สุขีอัตตานัง ปริหะรันตุ... ฉันขอจองเวรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร.........

    ทุกครั้งที่เผลอสติ.. ใจฉันจะไปเกาะเกี่ยวอยู่กับพ่อและอนุของพ่อเสมอ

    คิดแต่ว่าเมื่อไหร่บุญเขาจะหมด

    คิดแต่ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้รับกรรมที่เค้าทำกับเรา

    กระนั้นก็ดี.. ด้วยตระหนักดีว่าชีวิตนี้สั้นนัก

    ฉันจึงเร่งทำทาน ศีล ภาวนา ให้มาก เท่าที่สถานการณ์จะเอื้ออำนวย

    หนังสือเอย ซีดีเอย ทั้งอ่าน ทั้งฟัง มากเท่ามาก

    ด้วยศรัทธาว่า นี่แหละจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราหลุดจากวงจรนี้..

    จนมาวันนึง...

    วันที่ปลดปล่อยฉันหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งการจองเวรพ่อนี้...

    ก็เมื่อ... ภายในใจของเรา มันเห็นและเชื่อ อย่างแท้จริง ว่า...

    สิ่งที่เราได้รับ และเผชิญ อยู่ทุกวันนี้ ทั้งทุกข์และสุข

    หาได้เกิดจากผู้อื่นกระทำ หรือ บันดาลให้เป็นไปไม่

    หากแต่เกิดจากเราเองในกาลก่อนนั่นแหละ บันดาลให้เป็นไป

    กรรมจะจัดฉาก ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สถานการณ์ ใดใด

    เพื่อมาสนอง และ ทดสอบเรา ว่าเราจะมี re-action กลับไปเช่นไร

    หากยัง คิด พูด และทำตามกิเลส ไปเรื่อย ๆ

    วงจรนี้ไม่มีทางสิ้นสุด !

    เราจะผลัดกันเป็น ผู้ทำ และ ผู้ถูกกระทำอยู่ร่ำไป

    ฉันกับพ่อเอง ก็เช่นกัน...

    พวกเราก็ต้องเคยพบกับมา ผลัดกันทำ ถูกทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

    เพียงแต่บทที่ได้ในชาตินี้ ฉัน แม่ และน้อง เป็นผู้ถูกกระทำเท่านั้นเอง

    และฉัน ต้องการหาตัวการคนแรก เพื่อหยุดเค้า

    จึงได้สาวต้นตอ..

    พ่อเหรอ ?

    แม่เหรอ ?

    ภรรยาน้อยของพ่อเหรอ ?

    ตัวฉันเองเหรอ ?

    ฯลฯ ?

    ใจฉันกลับตอบว่า เปล่าเลย ไม่ใช่ใครทั้งหมดในที่นี้เลย

    ตัวการในครั้งนี้ คือ "ความไม่รู้" ต่างหาก

    นี่แน่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เจ้าตัว"ไม่รู้" ฉันขอเขกกระโหลกเธอหน่อยเถอะ

    มาหลอก มาแกล้ง ให้ฉันทุกข์อยู่ได้

    ต่อไปนี้ฉันจะไม่เป็นเหยื่อของเธออีกแล้ว ฉันพอแล้ว ฉันหยุดแล้ว...

    ทุกท่านคะ..

    ทันทีที่ฉัน จับตัวการของฉันได้

    ฉันก็นึกถึงพ่อทันที

    โอ... หลงโกรธ หลงแค้น พ่อมานาน

    ที่แท้แล้วพ่อก็มีตัวไม่รู้เสียยิ่งกว่าเรา

    แถมชีวิตพ่อยังน่าสงสารกว่าฉันมากมาย...

    ...พ่อเติบโตมาในครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ จึงไม่รู้จัก ไม่เคยสัมผัส ความรัก ความอบอุ่น

    ...พ่อ ผู้ซึ่งไม่เคย "รัก" ใครเป็นอย่างแท้จริง แม้แต่ตัวเอง

    ...พ่อ ผู้ซึ่งมองไปทางไหนก็พบเพียงแต่เพื่อนพาลที่ชวนกันไปในทางเสื่อม
    ทางอบาย

    มองหากัลยาณมิตรที่ชี้ทางพ้นทุกข์ไม่เจอสักคน

    ...พ่อ ผู้ซึ่งอาจไม่เคยถามตัวเองเลยว่า "ชีวิตนี้ เกิดมาทำไม ?"

    ...อนิจจา พ่อ ผู้ถูกพัดพาไปด้วยกิเลส และ ความไม่รู้ โดยแท้

    จากความโกรธ ความอาฆาตแค้น ความจองเวรทั้งหมดในใจ

    เปลี่ยนมาเป็นถามตัวเองว่า "ทำอย่างไรถึงจะทำให้พ่อรู้ อย่างที่เรารู้ ?"

    เพราะแม้ว่าพ่อจะไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีสักเท่าไร

    แต่พ่อก็ยังให้ชีวิตแก่ฉันมา

    จริงอยู่ล่ะ.. ที่เมื่อก่อนก็เคยคิดว่า พ่ออาจไม่ได้ตั้งใจ "สร้าง" ลูกขึ้นมาก็ได้

    ลูกอาจจะเกิดมาจาก ความชื่นชอบในกาม ความสนุกส่วนตัวของพ่อเองหรือเปล่า..

    แต่เรื่องของเรื่องก็คือ...

    ความเป็น "มนุษย์" นั้น ได้มาโดยยากแท้

    และกรรมในอดีตของเราต่างหาก ที่เป็นตัวเลือกพ่อแม่ ไม่ใช่พ่อแม่เลือกเรา

    ไม่ว่าเราจะเกิดมาจากเจตนาชนิดไหนของพ่อแม่ก็ตามทีเถอะ....

    เพียงหนึ่งชีวิตที่พ่อและแม่ให้มาก็เพียงพอแล้วจริง ๆ

    นอกจากนั้นแล้ว.. การได้เกิดมาเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์ ไม่พิการ

    ก็จัดว่ามีบุญมาไม่น้อยแล้ว

    และสิ่งที่พวกเรามีอีกสองอย่าง ซึ่งถือว่าต้องเป็นบุญมหาศาลก็คือ

    การที่เราได้พบพระพุทธศาสนา และ เป็นผู้ที่มีใจไม่มืดบอด !

    ทุกวันนี้ฉันเพียรปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

    เพื่อให้ตนเองเป็นที่พึ่งของตนได้

    ความเชื่อมั่นในตนเอง จิตใจที่ดีงาม ก็ค่อยก่อร่างสร้างตัวเพิ่มด้วย

    ฉันจะพลิก "ละคร" ฉากนี้ของฉันด้วย "น้ำดี" ที่หมั่นเติมลงไปวันแล้ววันเล่า

    สำหรับฉันแล้ว...

    การพบกันแบบคู่เวรคู่อาฆาต ของพ่อ แม่ อนุของพ่อ และฉัน ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้าย !

    หวังใจว่าเมื่อวันนึงที่พ่อ เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีงามของฉันที่เกิดจากธรรมะแล้ว...

    พ่อจะอยากหันทิศทางชีวิตเข้ามาสู่ดินแดนอันร่มเย็น สุขสงบแห่งนี้

    และเป็นเพื่อนร่วมเดินทางสู่ความพ้นทุกข์อีกคนนึงของฉันได้ในวันหนึ่ง...
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking ให้อภัย

    ฉันเกิดมาในครอบครัวมีฐานะปานกลาง

    พ่อทิ้งแม่ไปตั้งแต่พวกเรา ๓คนพี่น้องซึ่งเป็นผู้หญิงล้วนยังเป็นเด็ก

    ภาพที่พวกเราเห็นคือภาพของแม่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผอมเกร็ง

    ที่ทำงานตื่นตั้งแต่ดึกเพื่อเตรียมวัตถุดิบของก๋วยเตี๋ยว

    ที่แม่เปิดร้านเล็กๆ อยู่ในมุมของถนนสายหนึ่งแม่มีอาหารให้เราทุกมื้อ

    ไม่มีอด แต่พวกเราก็ไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อของฟุ่มเฟือย

    หลังแม่โค้งลงเมื่อเวลาผ่านไป ริมฝีปากแม่ปิดสนิท

    หากใครคนใดคนหนึ่งเอ่ยถึงพ่อขึ้นมาดวงตาเฉยชาคู่นั้น

    บอกให้ลูกรับรู้ถึงความเจ็บปวดร้าวใจลึก ๆ ของแม่พวกเราเติบโตมา

    ด้วยความรู้สึกอย่างนั้น..............

    ในที่สุด ลูก ๆ ทุกคนก็จบการศึกษา มีงานทำพอให้ได้ชีวิตสุขสบายขึ้น

    พวกเราเริ่มเก็บหอมรอมริบแล้วซื้อทาวเฮ้าส์เล็ก ๆ ไว้เป็นของเรา

    วันเวลาผ่านไปได้ค่อยๆลบรอยร้าวในดวงตาของแม่ลงได้บ้าง

    พวกเราสามารถเห็นประกายระยับปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว

    ความสุขเล็กๆ ของแม่นั้นเอง... !!!

    และแล้ววันหนึ่ง พวกเรากลับมาบ้านก็เห็นความผิดปกติของแม่

    อีกคราวนี้ดูแปลกและร้อนรน แม้แม่จะพยายามเก็บความรู้สึกไว้

    พวกเรารู้ดีว่ามีเงาแห่งปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา

    อีกแล้ว....ใจของฉันวูบลงด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง....

    ‘ ....พ่อเขาจะกลับมาอยู่กับครอบครัวเราอีก....เขาลำบากมากลูก....

    ทางโน้นทิ้งเขาไปหลายปีตอนนี้พ่อป่วยเป็นโรคไตอยู่

    ทรมานมาก ต้องฟอกไตอยู่เรื่อยๆ เขาต้องมีคนดูแลเขาไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว...... '

    หูของฉันดับไป เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นว่าชิงชังพ่อแค่ไหน.....

    โกรธและผูกโกรธมานานหนักหนา....

    ตั้งแต่นั้นหัวใจของฉันก็ถูกเมฆหมอกสีดำมืดทะมึนแห่งความโกรธ

    ปกคลุมไว้ตลอด เวลาความคิดที่เป็นบาปเกิดขึ้นกับฉันเป็นระยะ ๆ

    ตามผุดขึ้นในมโนสำนึกของฉันบางทีความคิดฝ่ายดีก็เกิดขึ้นห้ามปราม

    แต่ก็สู้เหตุผลของโทสะกิเลสไม่ได้เลย

    ‘ ทำไมพ่อจึงทิ้งเราไป.. !!‘ ทำไมพ่อจึงทำกับพวกเรา ทำกับแม่ได้ขนาดนี้.. !!

    ‘ ทำไมพ่อจึงต้องกลับมา กลับมาทำไม เวลาที่พวกเราต้องการพ่อ ทำไมพ่อไม่กลับ ?

    เงินสักบาทไม่เคยได้จากพ่อเลย..คราวนี้พ่อต้องมาให้พวกเราให้แม่จ่ายเงินเป็นค่ารักษา ค่าฟอกไต.. ' ทำไม...ทำไม...???

    ฉันบาปหรือเปล่าหนอ ? แต่ก็คิดดูเถอะใครอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้

    จะทำใจได้อย่างไร...

    พวกเราเริ่มอึดอัดกับภาระทางการเงินที่อยู่ ๆ ก็จู่โจมขึ้นมา

    ฉันกลัวว่าฉันจะสูญเสียเงินไปหมดความตระหนี่ก็บีบคั้นจิตใจมาเรื่อย ๆ

    ฉันเป็นทุกข์ทุรนทุรายในเงียบ ๆ คนเดียวยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นไปหมด

    อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีโอกาสพบคน ๆ หนึ่ง ซึ่งน้องสาวได้พาฉันไปพบ

    เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินอะไรบางอย่าง..... เหมือนมีมีดบางเฉียบเชือด

    เฉือนกรีดผ่านสำนึกของฉันไป

    ‘ อภัยเพื่อรักษาใจของเราเถอะนะ.... ที่เราให้อภัยไม่ได้

    เพราะอำนาจความโกรธความหวงแหน ความริษยาของเราเอง

    เรากลัวว่าคนอื่นจะได้ดีถ้าเราให้อภัย...เราจึงให้ไม่ได้ '

    ‘ ผ่านความทุกข์มายาวนาน เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดอย่างไรเสียเราก็ควรกตัญญูต่อเขา
    เรารักตัวเองแค่ไหนใยจึงรังเกียจคนที่มอบให้ชีวิตเราได้เล่า ?... '

    ‘ บางทีพ่อของคุณกำลังรออะไรบางอย่าง... รอการให้อภัย
    และการยอมรับจากลูก ๆเพื่อท่านจะได้จากไปอย่างสงบ ไม่ทุรนทุราย.... '

    ‘ ลองคิดดูว่า ในขณะที่มีโอกาสแล้วเราไม่ทำ
    หากเวลาล่วงเลยไปไม่มีวันเรียกวันคืนให้หวนกลับมาได้

    คุณจะตอบตัวเองอย่างไรในเวลาที่เหลือ....คุณอาจจะคิดได้แต่ก็อาจ

    จะสายเกินไป.... ทำวันนี้ให้เป็นมงคลของชีวิตเถิดแล้วคุณจะข้ามพ้น

    กำแพงใจที่ตัวคุณเป็นคนสร้างขึ้นมา..

    ฉันรู้ถึงความรู้สึกว่า ตัวมันเบาขึ้น ใจก็เบาขึ้นอย่างประหลาดไม่เคยรู้

    ตัวเลยจนถึงขณะนั้นว่าตัวแบกอะไรไว้มานานหนักหนา...

    แบกความโกรธความคับแค้นที่แสนหนักอึ้ง...

    ฉันตัดสินใจไปซื้อพวงมาลัยมะลิสีขาวละมุนมากราบพ่อ

    ที่นอนป่วยอยู่ มากราบขอโทษที่รู้สึกไม่ดีมา

    ขอโอกาสไถ่บาปของตัวมีคำพูดนับร้อยที่ประเดประดังเข้ามาในใจ

    ของฉันว่าฉันตั้งใจจะพูดอะไรกับพ่อดีแต่ครั้นเมื่อเดินเข้าใกล้เตียงของพ่อ

    ร่างที่เหลือแต่กระดูกนั้นสะเทือนใจฉันเป็นที่สุด

    มีเพียงคำเดียวที่ยากที่สุดในชีวิตที่สามารถหลุดรอดริมฝีปากของฉันออกมา เสียงมันพร่าจนพ่อลืมตามาดู

    “ พ่อ.... ” ..... ได้แค่นั้นเอง.... อะไร ๆ ที่ตั้งใจจะพูดหาได้ออกมาไม่..

    ฉันวางพวงมาลัยมะลิในมือพ่อให้พ่อถือไว้ แต่แล้วฉันก็ปล่อยโฮออกมา

    เหมือนทำนบพังเสียใจอย่างที่สุด ความรู้สึกตอนนั้นมันบอกไม่ถูก

    ฉันสะอื้นอยู่จนรู้สึกถึงมือที่อ่อนล้าของพ่อมาลูบศีรษะฉันไม่มีเสียง

    อะไรเล็ดลอดออกมาจากปากพ่อมีเพียงน้ำตาที่ไหลรินเป็นสาย

    ผ่านโหนกแก้มลึกตอบเท่านั้นเอง.... น้ำตาของพ่อ...ฉันคิดว่าพ่อ

    ดีใจ... ดีใจที่ลูกยอมรับพ่อแล้ว !

    พี่สาวกับน้องสาวค่อยๆ เดินเข้ามาสมทบ ทุกคนก้มลงกราบพ่อ...

    รู้สึกเป็นสุขเหลือเกิน เรื่องง่าย ๆ ที่ทำได้แสนยาก

    วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ พวกเราพบพ่อร่างเย็นเฉียบ

    ใบหน้าดูมีความสุขพ่อได้จากไปอย่างสงบ

    ฉันนึกถึงคำพูดของคน ๆ นั้น เย็นหลังวาบขึ้นมาอีกครั้ง...

    คุณอาจจะคิดได้แต่ก็อาจจะสายเกินไป ทำวันนี้ให้เป็นมงคลของชีวิตเถิด....

    ขอบคุณสำหรับคำพูดนั้น ขอบคุณที่ฉันมีโอกาสในวันวาน...

    ฉันรู้สึกเหมือนคนข้ามผ่านกำแพงหนาทึบออกมาได้

    แต่หลังจากนั้นฉันกลับรู้สึกถาโถมไปกับความเสียใจ.......

    .เสียใจกับความรู้สึกที่ไม่ดีของตัวเองตลอดคิดโทษตัวเองว่าทำไม่ดี

    คิดไม่ดีต่อพ่อ..ทำไมมีเวลาให้ฉันทำอะไรดีๆน้อยเหลือเกิน....?

    ในที่สุดฉันจึงโทรศัพท์ไปหาคนๆนั้นเล่าเรื่องทั้งหมดจนถึง

    เรื่องที่พ่อเสียชีวิตและความรู้สึกทรมานใจของตัวเองในขณะนั้น..

    ฉันรู้สึกแห้งผากอยากหาคนปลอบใจให้ฉันหายจากความรู้สึกเช่นนั้น.....

    คุณโชคดีที่มีโอกาสได้ให้อภัยคนอื่น.....เอาละ...ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว..ถึงเวลาที่คุณจะต้องให้อภัยตัวเองบ้าง.....

    ฉันจึงรู้ว่าการให้อภัยคนอื่นนั้นว่ายากแล้ว...

    แต่การให้อภัยตัวเองนั้นกลับยากกว่าเป็นไหนๆ......

    แต่......แต่ฉันเริ่มรู้สึกรักตัวเองและคนทั้งโลกเลยละ... !!!!
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    Join Date
    May 2010
    Posts
    4,386
    ขอบคุณค่ะ คุณลุงบทความนี้ดีมาก ๆ

  4. #4
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    ขอบคุณมากค่ะคุณฮัท บทความนี้ดีมากๆ

    อภัยทาน คือทานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะมันแสดงว่าเราเอาชนะใจตัวเองได้ เอาชนะทิฏฐิ(สะกดถูกมั้ยเนี่ย)ทั้งหลายได้แล้ว

    คุณโชคดีที่มีโอกาสได้ให้อภัยคนอื่น.....เอาละ...ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว..ถึงเวลาที่คุณจะต้องให้อภัยตัวเองบ้าง.....
    เห็นด้วยที่สุดค่ะ
    การให้อภัย จะช่วยลดกรรมลงไปได้มากๆ เลยค่ะ
    .
    ...กรรมอยู่ที่เจตนา... ทำด้วยความตั้งใจดี แม้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่หวั่นไหว ไม่ต้องกลัวอะไร... ไม่ต้องดิ้นรนไปเรียกร้องอะไรด้วย...คนที่จิตใจพัฒนาแล้ว ย่อมแยกแยะได้ และในที่สุดคนพาลที่เจตนาไม่ดีก็ย่อมแพ้ภัยตัวเอง...

    วิธีตั้งกระทู้ตรวจสอบที่ได้ผล เพื่อคำตอบที่รวดเร็ว และมั่นใจ
    วิธีทำให้อ่านความเห็นได้เยอะๆ ต่อหนึ่งหน้า กระทู้นึงจะได้ไม่ต้องยาวเป็นยี่สิบหน้า อ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=51805


  5. #5
    KAN's Avatar
    KAN is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,782
    ขอบคุณมากค่ะ...มีบางอย่างที่เหมือนชีวิตเราจังเหอ...
    ก้อคงยังมีอีกหลายคนเนอะที่เป็นเหมือนๆเรา...ในโลกกลมใบนี้...การให้อภัย หรือ การถอยหลัง
    เพื่อหยุดคิดนี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้โลกน่ามองขึ้นเยอะเลยค่ะ
    [IMG]file:///C:/DOCUME%7E1/Owner/LOCALS%7E1/Temp/moz-screenshot-9.png[/IMG]
    ไม่มีไพร่ ไม่มีำอำมาตย์ มีแต่...พสกนิกร ปวงชนชาวไทย

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    44
    ขอบคุณนะคะที่นำบทความดีๆมาให้อ่านค่ะ



    Quote Originally Posted by Meesook View Post
    ขอบคุณมากค่ะคุณฮัท บทความนี้ดีมากๆ

    อภัยทาน คือทานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เพราะมันแสดงว่าเราเอาชนะใจตัวเองได้ เอาชนะทิฏฐิ(สะกดถูกมั้ยเนี่ย)ทั้งหลายได้แล้ว
    น่าจะเป็นอย่างนี้นะคะคุณทินี " ทิฐิ"
    [SIGPIC][/SIGPIC]

  7. #7
    Papae is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    10
    อ่านแล้วรู้สึกดีจริงๆค่ะ อภัยทาน
    ขอบคุณมากๆนะคะ

  8. #8
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    5,294
    สุดยอด คับลุง
    กว่าจะอ่านจบ
    แต่ซึ้งดีจริงเลย

  9. #9
    noo_pizza's Avatar
    noo_pizza is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,683
    ขอบคุณค่าลุงฮัท
    __________________________

    "ทำเสียงอย่างนี้ ซื้อมาอีกใบแล้วสิ"

    #### รู้ทันอีกแล้ว เซ็ง ####

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •