Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 10

Thread: จะสุขหรือทุกข์ อยู่ที่ใจเลือก

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking จะสุขหรือทุกข์ อยู่ที่ใจเลือก

    ความสุขและความทุกข์ของคนเรา อยู่ที่การเลือกที่จะรับรู้

    ใจเราเป็นทุกข์เพราะเราเลือกที่จะรับรู้ในด้านที่ไม่ดี
    ด้านที่ไม่สดใส แต่เราลืมนึกไปว่ายังมีอีกด้านหนึ่ง
    ที่ควรค่าแก่การมองเช่นเดียวกัน

    ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
    ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะคนเรามักเลือกมองในสิ่งที่ไม่ดี
    สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ หรือสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ต่อชีวิตของเรา
    เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอุปสรรคหรือเป็นสิ่งที่ขัดขวาง
    ไม่ให้เราเดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้ แต่เราลืมนึกไปว่า


    สิ่งเหล่านั้นอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ก็จริง
    แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องถูกทำลายไปด้วย

    เพราะท้ายที่สุดแล้วตัวที่ทำลายความรู้สึกต่างๆ ของเรา
    ไม่ใช่ปัจจัยเหล่านั้น แต่เป็นตัวเราเองต่างหาก ที่คิดย้ำหรือ
    มุ่งความสนใจไปกับความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองของเรา
    หรือเลือกที่จะมองในสิ่งที่ควรมอง แทนที่การมอง
    ในสิ่งที่บั่นทอนจิตใจหรือความรู้สึกเราได้
    เมื่อนั้นเราก็จะมีความสุขกับชีวิตของเรามากขึ้น ตัวอย่างง่ายๆ
    ที่เราทำได้ เช่น มีคนขับรถปาดหน้าเราหรือแซงเรา
    แน่นอนว่าเราอาจโกรธ แต่เราเปลี่ยนมุมมองที่เลือก
    มองเสียใหม่ แทนที่จะคิดว่า ทำไมคนๆ นี้ถึงนิสัยไม่ดี
    หรือทำอะไรที่ไม่เข้าท่า เป็น
    “เขาคงมีธุระจำเป็นที่จะต้องไป ให้เขาไปเถอะ”
    หรือ คนบางคนชอบพูดจาไม่ดีกับเราเราอาจรู้สึกแย่ และคิดว่า
    “ทำไมคนๆ นี้ถึงไม่รู้จักมารยาท หรือหัดพูดจาดีๆกับคนอื่นเสียบ้าง”
    เราก็เปลี่ยนความคิดเสียใหม่เป็น
    “การพูดในโลกนี้มีหลายแบบ นี่ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่ง
    ที่ช่วยทำให้เราเปิดโลกทัศน์เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น”

    การเปลี่ยนมุมมอง หรือพยายามหามุมมองที่เราควรเลือกมองนั้น
    ไม่ได้หมายความว่า เรากำลังหลอกตัวเองอยู่
    แต่เป็นวิธีการที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น
    เมื่อเรารู้สึกดีขึ้นเราก็จะมีความสุขมากขึ้น

    เหมือนกับตัวอย่างของ โทมัส เอดิสัน ครับ ห้องทดลองของเขา
    ได้ถูกไฟไหม้ในช่วงเดือนธันวาคม ของปี ค.ศ. 1914
    ถึงแม้ว่ามูลค่าความเสียหายจะสูงถึง 2 ล้านเหรียญก็ตาม
    แต่ตัวอาคารก็ได้รับเงินประกันเพียงแค่
    238,000 เหรียญเท่านั้น ทั้งนี้เพราะตัวตึกทำมาจากคอนกรีต
    ที่ทำให้คิดว่าน่าจะป้องกันไฟได้เป็นอย่างดี

    ผลงานส่วนใหญ่ของ โทมัส เอดิสัน ได้รับความเสียหาย
    และมอดไหม้ไปในกองเพลิงในคืนนั้น ในช่วงที่
    ไฟกำลังลุกโชนอยู่นั้น ชาลี ลูกชายวัย 24 ของ เอดิสัน
    ได้พยายามค้นหาพ่อของตนภายใต้กลุ่มควันที่พวยพุ่ง
    และซากปรักหักพังที่ร่วงหล่นลงมา ในท้ายที่สุด
    ชาลีก็ได้พบกับพ่อของตน ที่กำลังยืนมองดูไฟที่
    ลุกโ่หมหนัก ในเสี้ยววินาทีนั้น ชาลีรู้สึกว่า
    ตนเองเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกินกับสิ่งที่พ่อของตนได้รับ
    เพราะว่า เอดิสันในขณะนั้นอายุอานามก็ปาเข้าไป 67 ปี
    แล้วและผลงานสิ่งประดิษฐ์ต่างๆก็มอดไหม้ไปใน
    กองเพลิงทั้งหมด

    แต่เมื่อ เอดิสันเห็นลูกของตนเท่านั้น ก็ได้เอ่ย ขึ้นว่า
    “ชาลี แม่ของแกอยู่ที่ไหน” และเมื่อชาลีบอกว่าตน
    เองไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ไหน เอดิสันก็บอกให้ชาลีรีบไปตามแม่ของตนมา
    พร้อมทั้งพูดว่า “รีบไปตามแม่มา
    เธอคงไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้ตราบนานเท่านานที่เธอมีชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้”

    รุ่งเช้าหลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ได้สงบลง
    เอดิสันได้มองดูซากปรักหักพังและพูดขึ้นว่า

    “นี่เป็นคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ในหายนะที่เกิดขึ้น
    เพราะว่าความผิดพลาดที่เราได้ทำไว้
    ถูกเผาไหม้ไปหมดเรียบร้อยแล้ว
    ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้เราได้เริ่มต้นใหม่”

    หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ประมาณ 3 สัปดาห์
    เอดิสันก็ได้ประดิษฐ์ ตู้เพลงเครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ

    จากเรื่องที่นำมาเล่าให้ท่านได้อ่าน สะท้อนให้เห็นว่า
    ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความโหดร้าย ปัญหาหรือ
    อุปสรรคอะไรก็ตาม ถ้าเราเลือกมองในสิ่งที่เรามองแล้วสบายใจ
    ความสุขก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก

    แต่ถ้าเรามัวแต่มุ่งไปที่ปัญหา ฟูมฟายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
    เศร้าเสียใจ โอกาสที่เราจะกลับมาเริ่มใหม่ก็ยากครับ
    สภาวะทางจิตของเราก็จะค่อยๆ จมหายไปเรื่อยๆ
    มีแต่ความทุกข์เข้ามาแทนที่ แล้วชีวิตที่เหลือจะอยู่ได้อย่างไรกัน

    “You can’t direct the wind, but you can adjust the sail.”

    “เราบังคับทิศทางลมไม่ได้ แต่เราปรับเปลี่ยนใบเรือได้”

    ...ความสุขของเราขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับเปลี่ยนตัวเรา
    ให้เข้ากับสภาพที่เป็นอยู่ได้ดีมากน้อยแค่ไหน
    ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆที่อยู่แวดล้อมตัวเรา
    เพราะนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราไม่มีความสุขอย่างแท้จริง...


    ได้อ่านหนังสือ " คิดสุข ทุกข์จาง Slim Up Your Life "
    จบแล้ว รู้สึกว่าความสุขนั้นอยู่ใกล้เรานิดเดียวเอง


    มันอยู่กับเราตลอดเลย อยู่ที่ว่าเราจะมองหามันเจอไหม..แค่นั้นเอง
    อยากให้เพื่อนๆได้ลองไปหามาอ่านกันดูนะ
    แล้วจะรู้ว่าความสุขนั้นง่ายแค่พลิกฝ่ามือ...จริงๆ
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking

    อย่าลืมว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่เราเป็นสำคัญ
    ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรือเหตุอื่น...

    -------------------------------------


    ชีวิตไม่อาจเป็นไปดังหวังได้หมด
    เปรียบไปก็ไม่ต่างกับเกมกีฬาที่ต้องมีแพ้ชนะ
    ใครที่หวังชัยชนะไปเสียทุกครั้งก็เตรียมตัวทุกข์ใจไว้ได้เลย
    พูดเช่นนี้มิได้หมายความว่า
    ให้เตรียมตัวเป็นผู้แพ้แต่อยู่ในมุ้ง
    หามิได้ ใครที่คิดเช่นนั้นก็คงงอมืองอเท้าตั้งแต่แรก

    ...................


    คนเราควรพากเพียรอย่างเต็มที่ แต่ใครเล่าที่จะกำหนดผลสำเร็จไปได้หมด
    คนที่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ต้องรู้จักแพ้ให้เป็น ฉันใด ในยามที่ชีวิตตกต่ำ
    บัณฑิตพึงรู้จักทำใจให้เป็นฉันนั้น
    แต่คนเรามักทำใจไม่ได้ เพราะคอยหวนคะนึงถึงวันคืนอันชื่นบาน
    สมัยยังมั่งมีศรีสุข หรือยังมีหน้ามีตา
    แต่อดีตมีไว้เพื่อเป็นฐานหนุนส่งให้เกิดปัจจุบัน เพื่อก้าวไปสู่อนาคต
    ใครที่เอาอดีตมาเหนี่ยวรั้งตนไว้ไม่ให้ไปข้างหน้า
    ก็เท่ากับเป็นนักโทษในกรงขังของตัวเอง

    ...................


    ชีวิตนั้นให้รางวัลก็แต่ผู้ที่อยู่กับปัจจุบัน เพราะปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของจริง
    จริงอยู่บ่อยครั้งที่ปัจจุบันมีแต่เรื่องระทมทุกข์ อดีตนั้นน่าพิสมัยมากกว่า
    แต่ถ้าเราจะหวนไปหาอดีตบ้างก็ควรเป็นชั่วครู่ชั่วขณะ
    เพื่อชุบชูจิตใจให้ชื่นบานจะได้มีกำลังมาฟันฝ่าชีวิตในปัจจุบัน
    อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าชีวิตจะสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่เราเป็นสำคัญ
    ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรือเหตุอื่น เช่นเดียวกับความจนและความรวยนั้น
    อยู่ที่มุมมองของเรา

    ..................


    คนไทยเป็นอันมากกำลังทุกข์เพราะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองยากจนลง
    ตราบใดที่ยังจมอยู่กับความคิดแบบนี้ก็ไม่มีวันคลายทุกข์ไปได้
    แต่เราลืมไปแล้วหรือว่า
    ชีวิตความเป็นอยู่ของเราตอนนี้ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าบางช่วงในอดีต
    ลองมองไปรอบตัวจะพบว่าข้าวของในบ้านหลายชิ้น
    เคยเป็นของสุดเอื้อมสมัยเรายังเด็กหรือเป็นหนุ่มเป็นสาว
    รถยนต์ แก้วแหวนเงินทอง วีดีโอ สเตอริโอ ซีดี ฯลฯ
    มองในแง่นี้เราไม่ได้จนลงแต่รวยขึ้นต่างหาก ยิ่งถ้าเปรียบกับคนอีกมากมายตอนนี้
    ไม่ว่าจะมองลงไปข้างล่างหรือมองขึ้นข้างบน เราก็ยังสบายกว่ามาก

    ............................

    คนที่ถูกยึดรถไปสมควรแล้วที่จะคิดว่าตัวเองโชคดีกว่าคนที่กิจการล้มละลาย
    ส่วนคนที่กิจการล้มละลายก็ยังโชคดีกว่านักธุรกิจพันล้านที่มีหนี้ท่วมหัว
    แต่ถึงจะเป็นหนี้เป็นสินมากแค่ไหน
    เราก็ยังมีสิทธิเลือกได้ว่าตัวเองจะทุกข์หรือไม่ทุกข์
    เพราะถึงที่สุด สุขหรือทุกข์ไม่ได้อยู่ที่จำนวนทรัพย์หรือหนี้สิน
    หากอยู่ที่ใจของเรา
    ถ้าเราคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวแย่แล้วๆ นรกก็เกิดขึ้นทันตาเห็น
    เรามีสิทธิที่จะคิดว่าตัวเองไม่แย่
    แต่สิทธินี้เราจะใช้หรือไม่อยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง
    กระนั้นก็ตาม นอกจากวิธีคิดหรือมุมมองแล้ว คุณภาพจิตของเราก็สำคัญ
    ถ้าเราเป็นคนรู้จักสันโดษ ยินดีในสิ่งที่ตัวเองได้มาหรือมีอยู่
    มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อ รู้จักแสวงหาความสงบในจิตใจ
    วิกฤตของสังคมหรือวิกฤตการณ์อื่นๆของชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่
    ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยที่จะฟันฝ่าไปได้
    __________________________________
    จาก ร่มไม้และเรือนใจ โดย พระไพศาล วิสาโล
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    5,294
    กำลังทุกข์อยู่เลย
    เพราะมองอดีตมากไป
    เลยทำให้ปัจจุบันไม่มีความสุข
    พลอยทำให้คนรอบข้างพลอยไม่มีความสุขไปด้วย

    ขอบคุณลุงฮัท จิงๆๆมาทันเวลา
    คิดฟุ้งซ่านมากมาย

  4. #4
    Join Date
    May 2010
    Posts
    4,386
    ขอบคุณค่ะ คุณลุง

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3
    ข้อคิดดีๆอีกแล้ว
    ขอบคุณค่ะ...
    **คิดดี ทำดี มองโลกในแง่ดี**

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    ขอบคุณค่ะ

  7. #7
    KAN's Avatar
    KAN is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,782
    ขอบคุณนะค่ะ ลุง คนเรามักจะทุกข์เพราะอดีต และมันก้อกลับไปแก้ไขไม่ได้
    เหมือนเดิม "หาหัวใจให้เจอก้อเป็นสุข" อิ...อิ....
    [IMG]file:///C:/DOCUME%7E1/Owner/LOCALS%7E1/Temp/moz-screenshot-9.png[/IMG]
    ไม่มีไพร่ ไม่มีำอำมาตย์ มีแต่...พสกนิกร ปวงชนชาวไทย

  8. #8
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดี ๆ
    ไม่มีใครทำให้เราเป็นทุกข์ได้ เท่ากับตัวเราเอง
    ไม่มีใครทำให้เราเป็นสุขได้ เท่ากับตัวเราเอง
    สุขทุกข์อยู่ที่ใจ มิใช่หรือ
    ถ้ายึดถือ ที่เป็นสุข ไม่ทุกข์ใจ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

  9. #9
    huahorm's Avatar
    huahorm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2,880
    สาธุจ้า ^()^

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    16

    ขอบคุณค่ะ

    ตรงใจมากๆเลยค่ะ กำลังลำบากเลยค่ะ
    ว่าจะต้องแยกบ้านกับแฟนที่คบอยู่ รักเค้ามากๆค่ะ
    แต่ด้วยเหตุผล หลายสิ่งอย่าง
    เศร้าค่ะ แต่ว่าไม่มีใครทำให้เราเศร้าได้นอกจากเราเอง
    อยากให้ทุกอย่าง ดีขึ้นค่ะ

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •