Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 13

Thread: เด็กขี้ขโมย........

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking เด็กขี้ขโมย........

    'อย่าหนีนะ เจ้าเด็กขี้ขโมย'

    เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น
    พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่าน
    ฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว
    ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น
    แค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า

    'อ้าวนั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ'

    'ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันละ'

    ป้าคนนั้นชื่อว่า 'ป้าหนอม'เป็นแม่ค้าขายของชำ
    สารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่มีฐานะ
    จัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
    และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ
    แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของ
    มากเกินไปหรือถามราคาแล้วไม่ซื้อป้าแกจะโวยวาย
    ชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

    เสียงเอะอะดังมากขึ้นฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือ
    เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบไล่เลี่ยกับฉัน
    ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือ
    แม่จึงเดินเข้าไปถาม

    'พี่หนอม มีไรหรอคะ'

    'ก็คุณเด็กเวรนี่นะสิ มันมา ทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ
    พอฉันหยิบส่งให้ มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย'

    พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที
    และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

    'ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ
    แล้วนี่จะทำไงต่อ'

    แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

    'เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย
    พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็รึจะเป็นขโมยซะแล้ว
    ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินหละ'

    ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อยๆ
    ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่าแม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น
    ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
    แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า

    'อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอมเด็กมันคงอยากซื้อยา
    แต่ไม่มีเงินนะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะกี่บาทกันละ'

    ในที่สุดเรื่องก็จบลงโดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายา
    แก้ปวดกับยาธาตุแล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด
    แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่

    'ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ'

    แม่ไม่ได้ตอบอะไรแต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า

    'ทำไมหนูขโมยของป้าเขาละ'

    เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

    'แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอผมก็เลยต้อง...'

    แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยืนผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็ก
    คนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า

    'ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ
    น้าชื่อสมพรเปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆนี่เองถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้า
    แทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิคนป่วยนะต้อง
    กินผลไม้มากๆ จะได้หายไวๆ รู้มั้ย'

    แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับส้ม
    พร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป

    หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที

    'ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนันด้วยละ รู้จักกันหรอจ้ะ'

    แม่ยิ้มแล้วตอบฉันว่า

    'ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขาย
    อยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่แกคงจำแม่ไม่ได้หรอกแม่ซื้อขนม
    แกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง'

    'แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่'

    ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า

    'แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่าๆกับลูก
    จะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบรู้คุณค่าของเงินทุกบาท
    ทุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหนและคนที่มี
    ความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
    เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น'

    ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า

    'แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า'

    'ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร

    'แล้วแม่ไม่เสียดายเงินหรอบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือน
    บ้านป้าหนอมเขานะแม่'

    'ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนักแต่การที่ได้ช่วยเหลือคน
    ที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุขแล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ
    แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว ไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก'

    แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า

    'จำไว้นะลูก คนเรานะต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคน
    อื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น..แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะ
    รักคุณแม่ของแกจริงๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้'

    แล้วแม่ก็พูดต่อว่า

    'ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งทีผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้ง
    คน เราก็ต้องมองด้านอื่นๆบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทอง
    ตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ'

    หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่นๆกันต่อ
    ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย
    จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
    ทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตา
    ว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริงๆ

    หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏ
    แห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานในตัวจังหวัดนั้นเอง
    เงินเดือนก็พอประมาณ สามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก
    ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้าง
    หลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20ปีเพื่อส่งฉันเรียน แม่ยอมปิดร้าน
    แต่ก็ยังรับงานเล็กๆ น้อยๆของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน
    แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้อง
    ยอมตามใจแม่

    ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายเริ่มจาก
    ปวดหัวบ่อยขึ้น ช่วงแรกๆไม่กี่วันก็หายหลังจากนั้นก็เริ่ม
    เป็นนานขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอแล้วฉันก็พาแม่
    ไปหาหมอในเมืองหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนัก
    มากเกินไปหมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมากๆ
    จะได้หายเร็วๆ

    หลังจากกินยาตามที่หมอสั่งอาการปวดหัวของแม่ก็หายไป
    ฉันเริ่มสบายใจขึ้น แต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน
    แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีกคราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว
    ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย

    ฉันกังวลใจมากพอถามหมอหมอก็บอกว่าต้องไปตรวจ
    ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่า
    โรงพยาบาลต่างจังหวัด

    หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯทันที
    ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า
    มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับ
    เส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรง
    ถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากของให้หมอผ่าตัดให้ทันทีแต่หมอบอกว่า
    โรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอก
    ในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า

    ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้น ฉันก็ตกลง
    หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว
    แม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจ
    อยู่ด้านนอก ทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอ
    ที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้

    หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมาก
    โอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัด
    จะประสบความสำเร็จก็ตาม
    อีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาท
    เมื่อรวมกับค่ายาระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราวๆ ห้าแสนบาท

    ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน
    ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย
    แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หายส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

    หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลงเป็นโชคดีของแม่ทีการผ่าตัด
    ประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆทางโรงพยาบาล
    บอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้

    ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่า
    เป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาทเป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

    ฉันแปลกใจมากจึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่า
    คุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้ บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่
    โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ

    ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ
    นางพยาบาลบอกว่าหลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัว
    ไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
    ผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่

    โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉัน
    พร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของทางโรงพยาบาล
    ในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

    เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น

    เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

    เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

    ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์

    ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

    ค่าผ่าตัด 0 บาท
    ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
    ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
    รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

    ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว

    เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวดยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

    ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนานๆ นะครับคุณน้า

    นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking

    10 อันดับของสังฆทาน ที่พระจะได้ประโยชน์มากที่สุด (สกู๊ปรายการจุดเปลี่ยน)

    '10 อันดับของสังฆทาน ที่ทำแล้วพระท่านจะได้ประโยชน์มากที่สุด'
    อันเนื่องมาจากมีการสำรวจของในถังสังฆทานสำเร็จรูป (ถังเหลือง)
    ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไป พบว่า กว่า 50 % เป็นของที่ไม่มีคุณภาพ
    ใช้งานจริงไม่ได้ เช่น ผ้าจีวรสั้นและบางจนแทบจะเป็นผ้าซีทรู
    ใบชาเหม็นผงซักฟอกที่วางมาข้างๆ (กลายเป็นใบชารสโอโม่)
    กระดาษชำระหยาบและมีกลิ่นเหม็น
    แปรงสีฟันแข็งจนพระค่อนประเทศเป็นโรคเหงือกอักเสบ,
    สบู่ แชมพู ที่ถวายมีกลิ่นหอมแรง และผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์
    ทำให้พระผิดศีลต้องปลงอาบัติกันทุกวัน
    (มีศีลข้อหนึ่งห้ามการประทินผิวและใช้เครื่องหอม
    ไม่แน่ใจว่าศีลข้อที่ 6,7 หรือ 8 นี่แหละ8ครับ)
    เครื่องชงดื่มมักหมดอายุ ถ่านไฟฉายหมดอายุ แบตเยิ้ม ฯลฯ
    หรือแม้แต่ตัวภาชนะที่ใส่ คือถัง ก็ยังทำจากพลาสติกคุณภาพต่ำ
    ใส่อะไรได้แป๊บเดียวก็ฉีก แตก พัง เป็นต้นค่ะ
    รายการจุดเปลี่ยนจึงได้ไปสอบถามพระสงฆ์จำนวนหนึ่ง
    แล้วจัดอันดับสิ่งของสังฆทาน ตามความจำเป็นในการใช้งาน
    รวม 10 อันดับ ซึ่งเรียงจากจำเป็นมากสุดไปน้อยที่สุดไ ด้ ดังนี้

    1. เครื่องเขียน สมุด ปากกา ดินสอ

    เนื่องจากพระสมัยนี้ต้องเรียนพระปริยัติธรรม
    และจดกำหนดนัดหมายต่างๆ ช่วยจำบางรูปท่าน
    เป็นเหรัญญิกดูแลค่าใช้จ่าย ยิ่งต้องใช้มาก
    แต่ไม่ค่อยมีใครถวายเครื่องเขียนเหล่านี้
    พระท่านจึงต้องไปเดินหาซื้อเองเสมอ หากเราถวายไป
    พระท่านจะได้ใช้อย่างแน่นอน
    อันดับ 1 จึงตกเป็นของ 'เครื่องเขียน'
    ไปอย่างพลิกความคาดหมาย (หรือว่าคุณทายถูกล่ะ ? เอ้อ)


    2. ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อยินเลส

    เนื่องจากพระต้องโกนผมทุกวันโกน แต่ใบมีดยี่ห้ออื่น
    พระใช้โกนผมแล้วเลือดสาด !!! (>_<)
    ท่านจึงใช้ได้แค่ 2 ยี่ห้อนี้เท่านั้น
    อนึ่ง ใบมีดตราขนนกจะคมกว่ายินเลส ใช้ในการโกนครั้งแรก
    ส่วนยินเลสจะใช้เก็บความเรียบร้อยอีกครั้ง
    หากท่านใดถวายใบมีด ก็ได้ชื่อว่า
    ช่วยไม่ให้พระต้องเสียเลือดเนื้อทุกวันโกน
    ข้าพเจ้าเห็นว่าได้บุญดีกว่าให้ยาอีกนะท่าน (-_- )'''


    3. ผ้าไตรจีวร ที่มีความยาวพอที่จะนุ่งห่มได้ มีความหนาพอเหมาะสม

    เพราะผ้าที่ติดมากับถังเหลือง มันทั้งสั้น ทั้งเต่อ ทั้งบาง
    ทำให้พระท่านลำบากใจเวลาสวมใส่
    ขาดความมั่นใจ และเสียภาพลักษณ์ที่ดีของสงฆ์
    ผู้ใดถวายผ้าไตรจีวร จึงได้อานิสงส์มากนัก
    นี่ถ้าก็ใกล้จะถึงเทศกาลเข้าพรรษาแล้ว
    เตรียมผ้าอาบน้ำฝนไปถวายพระกันเถอะนะ

    4. หนังสือธรรมะ สารคดี นิตยสาร หรือที่ให้ความรู้ด้านอื่นๆ

    เนื่องจากพระสงฆ์ มีหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
    จึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ที่แตกฉาน ทั้งทางธรรม
    และรู้ทันข่าวสารบ้านเมือง เพื่อจะได้สาธก
    ยกตัวอย่างให้ชาวบ้านเข้าใจได้แจ่มแจ้ง การถวายหนังสือเหล่านี้
    จึงถือเป็นต้นทุนแห่งธรรมทาน ให้พระท่านได้นำไปต่อยอด
    กระจายสู่ผู้คนได้อีกมาก ทั้งยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง
    แถมได้ผลตอบแทนสูง น่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
    ( ใครติดหุ้นอยู่น่าจะลองไปถวายหนังสือธรรมะแก้เคล็ดนะ ก๊ากกกก)

    5. รองเท้า

    (ยกเว้นพระนิกายธรรมยุตต์นะจ๊ะ สังเกตให้ดีล่ะว่าวัดที่เราไป
    พระท่านใส่รองเท้ากันหรือเปล่า)
    พระท่านต้องเดินบิณฑบาตร, ธุดงค์, ไปเรียนหนังสือ,
    ไปกิจนิมนต์ตามที่ต่างๆ, บางรูปต้องทำงานที่ใช้แรงงานในวัด
    เช่น ก่อสร้าง ทำสวน สิ่งที่ต้องรับภาระหนักก็คือ
    'รองเท้า' ที่มักจะขาด เสียหาย อยู่บ่อยๆ นั่นเอง
    รองเท้าจึงถือเป็นอีก item หนึ่งที่มีความสำคัญอย่างสูง

    6. ยาหลักๆ ที่จำเป็น

    ยาสามัญประจำบ้าน ยาแก้ปวดหัว ปวดท้อง ยาแก้ไอ
    แก้ไข้ ลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาใส่แผลสด แผลเปื่อย
    แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลพุพอง เป็นหนอง
    ผิวหนังอักเสบ เป็นหนอง ใช้ ....................
    (เรารู้นะว่าคุณเติมคำในช่องว่างได้ อิอิอิอิ ต้องไปดูโฆษณา สสส.)

    7. ผ้าขนหนูสีสุภาพ ไม่ต้องสีเหลืองก็ได้

    เพราะผ้าขนหนูที่ติดมากับถังเหลืองมักหยาบ เล็ก
    และคุณภาพต่ำ จนเอามาใช้ไม่ได้ในชีวิตจริง


    8. ชุดคอมพิวเตอร์

    อู้วววว ไฮโซไปนิดนึง แต่ถ้าใครรวบรวมเงินได้เป็นกอบเป็นกำอย่างกฐิน
    ผ้าป่า ก็น่าพิจารณา ถวายคอมพิวเตอร์แด่วัดที่ขาดแคลน ..
    ถ้าเป็นวัดที่อินเตอร์เน็ตเข้าไม่ถึงจะดีมากๆ ค่ะ
    (แอบห่วง กลัวเป็นต้นเหตุของข่าวพระนักแชท)

    9. น้ำยาเช็ดพื้น

    เหอ... งงไปเลย พระท่านจะเอาน้ำยาเช็ดพื้นไปทำอะไร ??
    เฉลย ก็เอาไปผสมน้ำ ถูกุฏิ ศาลา อุโบสถ ไง
    เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนแรงในการทำความสะอาด
    สลายคราบแล้ว บางยี่ห้อยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในมูลนกพิราบ
    ฉี่หมา ฉี่แมว ฉี่หนู เห็บ หมัด ของหมาวัดได้อีกด้วย
    (เอ...แล้วถ้าพระ 'ฆ่า' เชื้อโรคนี่จะผิดศีลข้อปาณาฯ มั้ยคะคุณ ??)


    10. แชมพู

    อ๊ากกกกก !!! พระท่านไม่มีผมแล้วจะเอาแชมพูไปทำไมเนี่ย
    แถมยังฮอตฮิตติดท็อปเท็นของที่มีประโยชน์อีกด้วย
    แซงหน้าไมโล โอวัลติน ชาเขียว ขิงผง สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน
    ทิชชู่ ฯลฯ ที่เห็นสลอนอยู่ในถังเหลืองซะด้วยซี
    คืองี้ เมื่อพระท่านไม่มีผมมาปกป้องหนังศีรษะเนี่ย
    ทั้งความร้อน ฝุ่นละออง เชื้อโรคต่างๆ
    ก็จะเข้าถึงหนังศีรษะของท่านได้โดยตรง
    แถมการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของหนังศีรษะก็จะเสียไป
    เพราะไม่มีผมปกคลุม ทำให้หนังศีรษะของพระ มักจะแห้ง
    และเกิดโรคผิวหนังอยู่เสมอ เช่น ชันตุ เป็นต้น
    สิ่งที่จะช่วยบรรเทาได้ก็คือ แชมพู ยา ที่มีส่วนผสมปกป้องหนังศีรษะ
    รักษาสมดุล สังเกตง่ายๆ ที่ฉลากจะมีคำว่า 'Scalp' เป็นสำคัญ
    ยี่ห้อที่เป็นแบบนี้ก็มักจะเป็นพวก แชมพูขจัดรังแค อย่างคลินิค,
    แพนทีน, Head & Shoulder, ไนโซรัล เป็นต้น
    แต่น่าเศร้าใจ ที่ไม่มีใครถวายแชมพู พระท่านจึงจำต้องใช้สบู่แก้ขัด
    ซึ่งทำให้ยิ่งคันหัว ศีรษะแห้งไปกันใหญ่ ดังนั้นจึงขอท่านโปรดจำไว้
    ว่าเราควรซื้อแชมพูไปถวายพระ แต่ก็เลือกสูตรกันนิดนึงนะ
    ให้เป็นสูตรดูแลหนังศีรษะ เพราะถ้าเกิดเราเลือกสูตร
    'เพื่อผมนิ่มสลวยดำเงางาม' ไปถวายท่าน...
    ท่านอาจเข้าใจผิด คิดว่าเราแซวได้...

    การทำสังฆทาน นอกจากจะถวายเป็นสิ่งของแล้ว
    อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ
    การบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ เพื่อช่วยเหลือพระภิกษ ุที่อาพาธ............
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    speedy_lockit is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    14
    [FONT="Arial Black"]ซาบซึ้งตรึงใจ อ่านแล้วอึ้งค่ะ
    ทำตัวให้เหมือนท้อง อย่าเหมือนปาก แปลว่า ท้องยังรู้สึกอิ่ม แต่ปากนั้นเคี้ยวได้ตลอดเวลา (คำสอนจาก ไทซือ)

  4. #4
    ratkatu's Avatar
    ratkatu is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    173

    Red face

    เรื่องแรกเราอ่านทีไรร้องให้ทุกทีเลยค่ะ ซึ้งมากกกกกกกกกก
    AcHTuNg BiSSiGeR HuNd!!!!!

  5. #5
    iamluckygirl is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    4
    เรื่องแรกอ่านแล้วแอบน้ำตาหยด +++

  6. #6
    ai-kanom's Avatar
    ai-kanom is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    สุดยอดเลยค่ะ ทั้งหมอและป้าผู้ใจดี

  7. #7
    latoonce's Avatar
    latoonce is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    347
    เรื่องแรก ซึ้งมากค่ะ TT

    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
    ~` P i a n o . . Fo R . . J a zZ `~

  8. #8
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    อย่างเรื่องแรก ถ้าสังคมเรายังมีคนดีๆมีน้ำใจอย่างนี้อยู่เยอะๆก้อดีซิเนอะ
    [SIGPIC][/SIGPIC]


    Good friends are like stars..... You don't always see them, but you know they are always there.

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    10

    Talking

    ขอบคถุณมากๆค่ะ
    เรื่องแรกอ่านแล้วซึ้งมากๆ
    แต่เรื่อง2 ฮากระจาย
    [SIGPIC][/SIGPIC]

    จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
    จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
    จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
    จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

  10. #10
    huahorm's Avatar
    huahorm is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2,880
    ใบมีดโกนตราขนนก (Feather) หรือยี่ห้อยินเลส

    เพิ่งรู้ว่าต้องยี่ห้อนี้ ปกติซื้อที่โลตัสไม่ได้ดูยี่ห้อเลย ขอบคุณค่ะ

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •