เรื่องของขึ้นเนี่ย บอกตรงๆ ว่าเป็นเรื่องของความเชื่อล้วนๆ ค่ะ บางคนก็บอกว่า เป็นเรื่องของอุปทาน คิดฝังใจตัวเองทุกวัน (สมมุติว่าสักยันต์เสือนะ) เราสักเสืออยู่ วันไหว้ครูเคยเห็นคนอื่นเป็น ก็คิดว่าเราอาจจะมีโอกาสก็ได้ และก็จะพยายามจำลักษณะอาการของคนที่ได้เห็นมา บางทีก็จำอาการท่าทางของเสือไว้ในใจ
เมื่อวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปในงาน จิตใจก็เตรียมพร้อมจะเป็นแบบนั้น เกิดความฮึกเหิม พอเห็นใครเป็นก็อยากจะเป็นบ้าง พอมีคนทักก็คิดว่าใช่ ก็ยิ่งมั่นใจ และยิ่งแสดงออกตามลักษณะที่คิดไว้ออกไป ทำให้คนอื่นที่เห็นคิดว่า สักแล้วของขึ้น เหมือนร่างทรงเก๊บางกลุ่ม แต่บางอย่างก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่า สิ่งที่เห็นในงานไหว้ครู เป็นของหลอกหลวงทั้งหมด แต่คิดว่าน่าจะมีของจริงบ้างเหมือนกัน เป็นเรื่องของศรัทธาค่ะ อย่าให้ความงมงายเข้ามาทดแทนเป็นดี
พระท่านเคยกล่าวไว้ว่า บางทีอาจจะเป็นเพราะผู้นั้นมีจิตที่อ่อน บวกกับเมื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์สิ่งที่สักมากับตัวเหล่านั้นก็มีพลังเหนือจิตเราขึ้นมาแล้วก็แสดงออกมาตามนั้น หรืออีกนัยนึงอาจจะพูดได้ว่าเราเอาจิตไปผูกอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ดูหนังหนังเศร้าก็ร้องไห้ หนังตลกก็หัวเราะ เห็นคนของขึ้นก็ขึ้นบ้างเป็นต้น ก็สุดแท้แต่เหตุผลที่จะว่ากันไป พระท่านสอนไม่ให้เราปรุงแต่ง คืออย่าเอาอารมณ์ไปยึดกับสิ่งที่เหล่านั้น เห็นก็กำหนดเห็น รู้สึกก็กำหนดรู้สึก ตามหลักอายตนะ ๖ ก็เหมือนกับรูปสัก เรากำหนดว่ามันคือรูปแล้วก็ผ่านไปไม่ยึดติด เป็นต้น ทุกอย่างมีจิตเราเป็นตัวกำหนดจริง ๆ
ส่วนบางคนที่เชื่อก็มองว่า เพื่อเป็นการแสดงอิทธิฤทธิ์ของครูบาอาจารย์ให้เกิดความเคารพศรัทธาในหมู่ลูกศิษย์เพื่อที่จะไม่กล้ากระทำความผิด ไม่เช่นนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะไม่คุ้มครองอีกต่อไป......