เฮ้อ....ยิ่งอ่านเรื่องของคุณย่าพี่แหวว + น้องนาตาลี แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้ จะฝากผี ฝากไข้ กับหมอไม่ได้เลย (แล้วจะไปฝากชีวิตกับใครดีล่ะ)
เพราะถ้าคนไข้ หรือ แม้กระทั่งคนปกติทุกคน สามารถวินิจฉัยโรคเองได้ จ่ายยาเองได้ ก็คงไม่ต้องไปพึ่งหมอกันแล้วล่ะค่ะ
จริงๆคนที่คิดจะเป็นหมอแล้ว ต้องมีความเสียสละอย่างมากถึงมากที่สุดเลยนะคะ เพราะตั้งใจอุตส่าห์ร่ำเรียนมาก็เพื่อจุดประสงค์และเป้าหมายหลักของอาชีพเค้า คือ ให้การรักษา แต่ทำไมหมอหลายๆคน พอถึงเวลาทำงานจริงๆกับไม่เอาใจใส่ หรือ ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้สมกับที่คนไข้และญาติคนไข้ทุกคนเค้าไว้วางใจฝากชีวิตไว้กับเรา (ทั้งๆที่ค่าตอบแทนที่ได้รับ ก็มากกว่า คนที่ทำอาชีพอื่นๆ หลายเท่า)
ของมลก็มีเคสเกี่ยวกับหมอเหมือนกัน แต่เป็นเคสของพนักงานที่ร้านที่ใช้ประกันสังคมค่ะ พนักงานคนนี้ป่วยตลอด มาทำงานวัน หยุด 2 วัน ไปหาหมอ หมอก็ถามอาการ แล้วก็จ่ายยาตามอาการที่เราบอก ไม่มีแม้แต่กระทั่งจะตรวจ ฟัง ส่อง หรือ คลำ อะไรเลย แถมระหว่างตรวจ มีโทร.เข้ามา คุณหมอก็รับโทร.แล้วก็บอกคนไข้ว่ารอแป๊บนะ แล้วก็เดินออกไปคุยโทร.นอกห้อง ฟังแล้วจี๊ดมาก
ถัดมาอีกอาทิตย์นึง พนง.ป่วยหนัก มาทำงานไม่ได้เลย เพราะลุกขึ้นเดินไม่ไหว เนื่องจากบ้านหมุน พอจะลุกเดิน ก็รู้สึกเหมือนจะล้ม เซ เค้าโทรมาลางาน มลเลยบอกให้เค้า นัดหมอเฉพาะทางด้านประสาท แล้วตรวจแบบไม่ต้องใช้ประกันสังคม จะได้รู้ว่าเป็นไรกันแน่ เพื่อที่จะได้รักษาถูกทาง สุดท้ายหมอตรวจแล้วพบว่า เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้เกิดอาการ บ้านหมุน อาเจียน เสียการทรงตัว ตอนนี้ก็ดีขึ้น กลับมาทำงานได้ตามปกติแล้วค่ะ
เจอแบบนี้ ก็เซ็งเหมือนกันเนอะ
ปล. พี่น้ำ มาเขียนเล่าให้ฟังได้แล้ว แสดงว่าไม่ค่อยเครียดแล้วเนอะ แต่ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยเน้อ น้องคงดีขึ้นตามลำดับเรื่อยๆนะคะ