Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 2 of 3 FirstFirst 1 2 3 LastLast
Results 11 to 20 of 24

Thread: พฤติกรรมแบบนี้ มีแค่ลูกเป็นคนเดียวหรือเป็นวัยของเค้ากันแน่

  1. #11
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    80
    ทู้นี้เป็นประโยชน์มากมากอ่ะค่ะ อ่านแล้วกลัว ๆๆๆ

    ลูกเราก็เป็นเกือบทุกข้อเลยทำไงดีอ่ะคะ

    บางตำราก็ว่าห้ามตี

    บางตำราท่านก็ให้ตี

    ลูกเราอยู่บ้านเป็นแบบนี้มากมาก แต่พอไปโรงเรียนไม่เป็นเลยเรียบร้อยมากมาก บอกครู ครูไม่เชื่อค่ะ (สร้างภาพแต่เด็กเจงๆ ^___^)

    ปล. หรือว่าเป็นเพราะดูทีวีคะ แอบคิดอยู่นานมาก

    ขอฟังผู้รู้ด้วยคนค่ะ กลุ้มมานานแล้วววววว

  2. #12
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    ลูกสาวนีน่าพึ่งจะมาเป็นเร็วๆนี้แหล่ะค่ะ อายุ 8 ขวบแล้ว ใครแตะต้องไม่ได้เลย อยากได้อะไรก้จะ วี้ดๆเอา อะไรนิดอะไรหน่อยก้กรี้ด เรียกว่าเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็ร้องให้คร้ำครวญ เป็นที่น่ารำคาญและน่าตีของเราเป็นที่สุด นีน่าก็จะทำแบบนี้ตอนเค้าเล้กๆถ้าร้องให้มากๆ ก็จะจับเค้าแยกตัวออกมา พูดกับเค้าด้วยน้ำเสียงดีๆ บอกกับเค้าว่า "แม่รู้ว่าหนูไม่พอใจ และตอนนี้กำลังอารมณ์ไม่ดี เอาไว้ถ้าหนูอารมณ์ดีและอยากจะคุยกับแม่แล้วเราค่อยคุยกันนะจ้ะ นี่แม่อยู่ตรงนี้นะจ้ะ" แล้วปล่อยเค้าไว้จนกว่าเค้าจะใจเย็นลงและเลิกร้องให้ แต่เค้าสามารถมองเห็นเราอยู่อ่ะค่ะ คือทำให้รู้ว่าที่ เค้าทำลงไปคือ ร้องไห้ โวยวาย ทำร้ายตัวเองนั้นนะมันไม่มีประโยช์นหรอกนะ แต่ต้องพูดกับเค้าดีๆนะค่ะ ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด

    ตอนนี้โตก็ทำแบบเดิมนี่แหล่ะ บอกว่าถ้าเลิกกรี้ดเลิกโวยวายเมื่อไหรค่อยมาคุยกันเพราะว่าตอนนี้ฟังหนูพูดไม่รู้เรื่องเลย แล้วพอเค้าใจเย็นลงถึงค่อยมาพูดมาอธิบายให้เค้าฟังอีกถึงเหตุผลที่ทำไมเราถึงจับเค้าแยก แล้วทำไมหนูถึงร้องไห้โวยวาย และอธิบายว่าพฤติกรรมที่ลูกทำอย่างนี้มันไม่น่ารักเลยนะ อย่าคิดว่าเค้าไม่เข้าใจ เค้าเข้าใจค่ะ พูดกรอกหูไปเรื่อยๆเดี๋ยวเค้าก้ซึมซับเอง พร่ำพูดพร่ำบ่น พร่ำสอนไป เชื่อเถอะค่ะว่าเค้าจะรู้เอง

    ในกรณีที่คุณแม่อารมณ์ปรี้ดขึ้นนะค่ะ นี่น่าจะนับ 1-10 ในใจหรือไม่งั้นจะหนีเข้าห้องปิดประตูไว้จนกว่าเราจะใจเย็นพอแล้วค่อยออกมาคุยกับลูก ถ้าไม่งั้นยัยแม่ต้องฟาดลูกแน่ๆเลย อดทนไว้นะค่ะงานเลี้ยงลูกเป็นอะไรที่เหนื่อยและดีเทลเยอะ แต่ดอกและผลที่ได้ออกมามันคุ้มมากเลยค่ะ ของ จขกท ยังมีคนช่วยเลี้ยงของ นีน่านะเลี้ยงลูกเองคนเดียว (ตอนนั้นอยู่ต่างประเทศ) เพราะเราไม่อยากให้ใครมาเลี้ยงลูกเรา จนลูกอายุได้ 4 ขวบกับ 2 ขวบถึงได้มีพี่เลี้ยงค่ะ

  3. #13
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    Quote Originally Posted by maewmeawja View Post
    ทั้งหมด ก็คงอยู่ที่การเลี้ยงดูมากกว่า เพราะคนแก่เลี้ยงทั้งหมด ถ้าพี่สาวมาช่วยเลี้ยงก็จะมีการสอนบ้าง แต่คนแก่ก็จะเลี้ยงๆ ไม่ให้มันร้องดีที่สุด เดม ก็เลยเป็นเด็กแบบนี้ด้วยอ่ะคะ รู้ว่า ร้องเด่วก็ได้ เด่วก็มีคนสนใจ เลยเป็นนิสัย จะแก้ก็คงยาก นอกจากลงมือเลี้ยงเองทุกวัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะต้องทำงาน ก็คงต้องค่อยๆ พยายามแก้ไข เวลาที่เราเลี้ยงเองให้มากที่สุด
    คิดถูกแล้วค่ะก็พยายามแก้ไขไป คิดซ่ะว่าเรายังโชคดีที่มีคนช่วยเลี้ยง ลูกชายของน้องสาวก็เป็น ให้อาม่าเลี้ยงกับพี่เลี้ยงที่บ้านแล้วโดนตามใจเพราะว่าน้องสาวต้องทำงานเหมือนกันไม่มีเวลา คนแก่กับพี่เลี้ยงรำคาญเลยไม่อยากขัดใจ แต่ตอนนี้อายุ 2 ขวบครึ่งไปโรงเรียนแล้ว ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ

  4. #14
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    56
    ขอบคุณพี่นีน่ามากนะคะ ที่มาช่วยแนะนำ เพื่อนที่ออฟฟิตก็บอกค่ะ หมอบอกว่า เด่วเด็กเข้า รร. จะดีขึ้นค่ะ เพราะเค้าจะรู้จักกลัวครู แล้วรู้ว่า ไม่มีใครตามใจเค้าได้ตลอดเวลา ตอนนี้ก็พยายามทำใจเย็นๆ เวลาลูกร้อง บางครั้งก็ปล่อยให้เค้าร้องสักพัก แล้วก็อุ้มเค้ามาปลอบ บอกว่า อย่าเป็นแบบนี้นะลูก มันไม่ดี โน่นนี่นั่น แล้วก็พาเค้าไปเดินเล่น 2 คนแม่ลูก แต่กว่าจะยอมสงบได้ นี่ก็นานพอสมควรนะคะ อุ้มแล้วก็ยัง อารมณ์เสียอยู่เลยคะลูกอ่ะคะ ยังมีครางๆอยู่ไม่สงบ จนเค้าลืมอ่ะคะ เฮ้อ เหนื่อยจิงๆค่ะ แล้วก็มีดีเทลเยอะ อย่างที่พี่นีน่าบอกด้วยค่ะ เพราะบางวันก็เป็นแบบนึง อีกวันก็เป็นอีกแบบนึุง เหนื่อยค่ะ แต่ก็ทำไงได้ ลูกเรา เราก็ต้องเลี้ยงใ้ห้ดีที่สุดเท่าที่จะทำอะได้อ่ะคะ ก็จะพยายามใจเย็นๆ แล้วก็ หาอย่างอื่นให้เค้าสนใจ เวลาเค้าโมโห ที่สำคัญ ตอนนี้ เหมียวพยายามใจเย็นที่สุด และพุดกับลูกเพราะๆเท่าที่จะทำได้ ทั้งๆที่ จิงๆ แม่พูดจากระด้างมาก 5555

  5. #15
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    56
    Quote Originally Posted by teerasak View Post
    แวะมาเอาใจช่วยคุณแมวเหมียวจ้า เดี๋ยวจะหาเวลามาตอบยาวๆบ้าง ระหว่างนี้ สู้ๆนะคะ
    รอคำแนะนำจากคุณ teerasak อยู่นะคะ พิมพ์ยาวๆ ได้เลยนะคะ จะรออ่านอย่างเต็มที่ค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ สำหรับกำลังใจ เหนื่อยค่ะ แต่ก็ต้องทนเพราะเค้าก็คือลูกเรา

  6. #16
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    80
    จริงแล้วเรามีคำถามอยู่ในใจตั้งนานแล้วค่ะ

    เราอยากถามพี่ Amm มากเลยค่ะ เรื่องลูกดูทีวี มีผลหรือปล่าว

    รอพี่ Amm มาตอบก็ได้ค่ะ

    จะบอกว่าเมื่อกี๊เราเพิ่งรบกับเค้ามาเลยค่ะ

    ไปแอบแกะถุงโอวัลตินทานปล่าว ๆ ตอน 9.30 กลางดึก

    อยากจะกรี๊ด เราเลยแย่งออกมาจากมือค่ะ

    ปรากฎว่าลูกกรี๊ดๆๆๆ ตีเราตอบใหญ่เลยค่ะ เหอ เหอ กลุ้ม ๆๆๆ

    เป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนนะคะ

  7. #17
    Drmoonoi's Avatar
    Drmoonoi is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    782
    ยังไม่มีลูก และก็ยังไม่มีครอบครัวเช่นกัน แต่จะมาบอกว่า จากที่ดูพวกรายการ Nanny show ที่นี่ ซึ่งเป็นคล้ายๆกับรายการที่ให้ความช่วยเหลือ และคำแนะนำกับครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องลูกมีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว เค้าจะมีผู้เชี่ยวชาญไปสังเกตพฤติกรรมและให้คำแนะนำในการปรับแก้นิสัยของเด็กๆนะคะ ที่ทางอเมริกาเค้าจะใช้วิธีที่เรียกว่า time out คล้ายๆกับที่พี่นี่น่า ทำอยู่เลยค่ะ ถ้าเด็กเริ่มมีอาการงอแงแบบไม่มีเหตุผลขึ้นมา หรือเริ่มมีการเหวี่งทางทางอารมณ์และร่างกาย คุณพ่อคุณแม่ จะให้เด็กไปนั่งสงบอารมณ์ในห้องของตัวเอง หรือ ที่มุมห้อง แล้วต้องพยายามไม่ใช้อารมณ์ อธิบายให้เค้าฟังว่าที่เค้าทำอยู่ไม่ถูกต้อง ไม่น่ารัก ให้เค้าใช้เวลากับตัวเองตรงมุมห้องนั้น ทำอารมณ์ให้เย็นลง แล้วค่อยกลับมาพูดกันใหม่ ถ้าพร้อมที่จะรับฟังแล้ว อาจดูเหมือนยากสำหรับเด็กเล็ก แต่หมูน้อยว่า สามารถปรับใช้ได้นะคะ อย่างเช่นถ้าน้องตีคุณพ่อคุณแม่ ก็พยายามเลี่ยงที่จะดุ แต่ให้เปลี่ยนโทนเสียงเป็นแบบเรียบๆ แต่เน้นย้ำว่า ที่หนูทำอยู่ไม่ถูกต้อง เพราะหนูทำให้คุณแม่เจ็บนะ ถ้าหนูอารมณ์ไม่ดี หนูพูดดีๆ กับคุณแม่ก็ได้ หนูเข้าไปนั่งอยู่ในห้อง (ควรเป็นสถานที่ๆไม่มีทีวี และของเลานนะคะ เพราะมันจะดูไม่เหมือนการทำโทษนะคะ) แล้วถ้าหนูพร้อมที่จะขอโทษคุณแม่เมื่อไหร่ ค่อยออกมาคุยกัน แล้วให้ตบท้ายทุกครั้งว่า แม่รักหนู อะไรประมาณนี้นะคะ และก็ที่สำคัญ พยายามอย่าทะเลาะ หรือใช้เสียงดังให้เด็กเห็นนะคะ เพราะบางทีเค้าก็จดจำสิ่งที่เราทำมาใช้นะคะ

    http://www.childdevelopmentinfo.com/.../timeout.shtml

    ส่วนเรื่องดูทีวี ที่รู้ๆมาก็คือ ถ้าเด็กเล็กๆดูทีวีมากๆ จะมีผลต่อการพัฒนาของสมองค่ะ ส่วนเรื่องพฤติกรรม นั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของเนื้อหาที่ให้ดูมากกว่า ที่ว่ามีผลต่อการพัฒนาของสมองนั้นก็เนื่องมาจากว่า การดูทีวีเป็นการรับสารข้างเดียว เด็กจะมีการพัฒนาเรื่อง active and creative thinking น้อยนะคะ เพราะฉะนั้นพวกวิดีโอต่างๆที่ตอนนี้พ่อแม่ฝรั่งให้ลูกดูกัน ก็จะเป็นลักษณะที่ว่่า ให้เด็กได้มีส่วนร่วม มีการให้นับเลข ชวนร้องเพลง กระตุ้นให้เด็กได้คิดได้พูดตลอดเวลาที่ดูนะคะ



    เอาใจช่วยคุณแม่ทุกๆคนนะคะ


  8. #18
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    5
    ตอบได้พอประมาณนะคะ^^
    - การเลี้ยงดูบุตรขึ้นกับแต่ละช่วงอายุคะ เพราะเด็กแต่ละช่วงอายุจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกันค่ะ
    เช่นช่วงวัย 1-3 ขวบจะเป็นช่วงautonomy คือตัวเองเป้นหลัก ตังเองเป็นใหญ่ ชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง แต่เป้นช่วงอายุที่สำคัญทีจะเริ่มfixเป็นนิสัยในอนาคต ช่วงอายุนี้ต้องสอนให้ดีค่ะ(the young child's actual experiences through this stage have a deep effect on the unconscious and behaviours and preferences in later life.) การพูด การอธิบายเด็กยังไม่เข้าใจอะไรเป็นนามธรรมไม่ได้ เวลาสอนหรือบอกต้องเป็นคำสั้นๆที่เด้กเข้าใจง่ายค่ะ แต่ถ้าเป้นช่วงอายุที่โตขึ้นหรือ school ageถ้าเด็กทำผิดจะใช้time out ให้เวลาเด็กได้คิดค่ะ
    - ส่วนมากพฤติกรรมของเด็กที่ผิดปกติจะมาจาก 1. การเลี้ยงดู 2. โรคทางพฤติกรรม โดยเด็กบางคนอาจจะดูแยกกันยากค่ะ แต่โดยมากแล้วจะเป็นการเลี้ยงดูเป็นส่วยใหญ่ค่ะ
    - จากที่อ่านจาก จขกทแล้วนะคะ น่าจะเป็นจากการเลี้ยงดูมากกว่านะคะ เป็นลักษณะที่เริ่มมีพฤติกรรมแบบtamper tantamค่ะคือร้องหรือลงไปดิ้นกับพื้นเอให้ได้สิ่งที่ตนพอใจ เจอเยอะค่ะ โดยเฉพาะในช่วงอายุเท่านี้ ส่วนมากเป้นจากการตามใจเด็กโดยผู้เลี้ยงบางครั้งมักไม่ทันรู้ตัวว่าเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมเด็กในทางที่ผิดนะคะ โดยมากต้องเริ่มจาตัวผู้เลี้ยงเองค่ะต้องทำความเข้าใจกันในบ้านก่อนนะคะ ว่าการเอาใจเด้กการชื่นชมทำได้ และครทำหากเด้กทำในพฤติกรรมที่ถุกต้องเช่นเข้าห้องน้ำเองได้ ปวดฉี่แล้วไปเข้าห้องได้ เล่นของเล่นแล้วเก็บเข้าที่ การชมในทางที่ถุกจะทำให้เด้กเริ่มมีself-confidenceค่ะ แต่หารเด็กเริ่มมีร้องโวยวายจะเอาให้ได้ถ้าไม่ได้ก็จะดิ้นอยู่กับพื้น--> ช่วงแรกให้ปล่อยเลยค่ะ ไม่ต้องสนใจ ให้ทำจนเด็กพอใจและเริ่มรู้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล แต่ระหว่างที่ไม่สนใจจะต้องดูด้วยนะคะว่าสภาวะสิ่งแวดล้อมรอบข้างต้องปลอดภัยสำหรับตัวเด้กด้วย ไม่ใช่ดิ้นอยู่ใกล้เตาร้อน หรือวัตถุแหลมคม ช่วงแรกอากต้องเข้าใจว่าเด็กจะยิ่งร้องหากเราไม่สนใจและคงยังทำเหมือนเดิมเพราะคิดว่าทุกครั้งเคยได้ ครั้งนี้ก็ต้องเป้นเหมือนทุกครั้ง ช่วงแรกอาจใช้เวลาสั้นๆที่ไม่สนใจแล้วปล่อยให้ร้อง แต่หลังจากนั้นต้องคุยกับเด้ก เน่นว่าไม่ใช่ตามใจนะคะ คุยใช้คำสั้นๆเจข้าใจง่ายว่า ทำไม่ได้ เอาไม่ได้ ไม่ถูก ไม่น่ารัก และชวนไปทำกิจกรรมอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่ตามใจในสิ่งที่เด้กอยากได้หรือต้องการ เด้กก็จะเริ่มเข้าใจและซึมวับว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ผล และต่อไปจะเข้าใจว่าทำอย่างนี้ไม่ควรทำ


    - ส่วนมากจะแนะนำว่าลูกเราอยากให้เราเลี้ยงเอง เพราะในทางทฤษดีแล้วลูกระเรามีการเลียนแบบพ่อแม่เหมือนเป็นrole modelให้เค้า และจะเริ่มtrustค่ะ

    - เห้อซะยาวเลยค่ะ จนเหนื่อย ถ้าไม่ไหวจริงๆแนะนำว่าพาไปพบคุณหมอพัฒนาการเด็ก แต่ต้องพาคนเลี้ยงไปด้วยโดยเฉพาะคนที่ตามใจเด็กค่ะ ซึ่งจะมีวิธีการปรับเปลี่ยนและส่งเสริมพํฒนาการได้อย่างถุกต้องเหมาะสมตามวัยค่ะ ลุกแต่ละบ้านไม่เหมือนกันค่ะ เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีตามพื้นฐานนิสัยเด้กแต่ละคนด้วยแต่ต้องส่งเสริมไปในทางที่ดีนะคะ บางบ้านจะเป็นeasy childว่านอนสอนง่าย บางบ้านก็เป็นdifficult childไม่ใช่สอนยากนะคะแต่ดื้อหน่อย^^

  9. #19
    nonglilly's Avatar
    nonglilly is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    123
    เพิ่งถึงบางอ้อวันนี้เลยคะ
    เราเคยใช้วิธีtime outกับลูก
    ตอนเค้าอายูประมาณ1ขวบ
    ผลที่ได้รับคือ
    เค้าไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นอีก
    1.ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
    แต่เค้าจะลองแหย่แหย่ดู แบบ
    ลองดูว่าหม่าม้าจะว่ามั้ย
    2.คืนวันที่โดนtime outเค้าจะนอนละเมอ
    เป็นเสียงสะอื้น และมีน้ำตาไหลออกมา
    เราเลยไม่กล้าใช้วิธีtime outอีกเพราะกลัวเค้าจะเก็บกด


    เราเคยถามหมอเด็กตอนพาลูกไปฉีดวัคซีน
    ว่าเวลาลูกไม่ได้ดังใจแล้วร้องไห้ กรี๊ด โวยวาย
    จะทำยังไงดีคะ หมอบอกว่า ให้บอกลูกว่า
    คุณแม่ไม่ชอบฟังแบบนี้นะคะ คุณแม่จะไม่ฟังไม่ดูนะคะ
    เดี๋ยวหนูหยุดแล้วเรามาคุยกันนะคะ แล้วให้คุณแม่เดินหนีไปเลย
    สำหรับลูกเราวิธีนี้workคะ กับเราถ้าเราทำถ้าเดินออกไปปุ๊บ
    ลูกเราจะหยุดเลยคะ แต่คนอื่นในบ้านไม่กล้าทำนะคะ
    เพราะกลัวหลานไม่รักคะ
    อ้อ แล้วก่อนที่เราจะตีลูกทุกครั้งเราจะบอกเค้าก่อนคะ
    วาาเค้าทำไรผิด หม่าม้ารักหนูเลยต้องตีหนูเพื่อลงโทษนะคะ
    เราตีลูกไม่บ่อยนะคะแต่เจ็บแน่นอน. เราถือว่าตีไม่เจ็บอย่าตีดีกว่า

  10. #20
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    Quote Originally Posted by cottonchef View Post
    จริงแล้วเรามีคำถามอยู่ในใจตั้งนานแล้วค่ะ

    เราอยากถามพี่ Amm มากเลยค่ะ เรื่องลูกดูทีวี มีผลหรือปล่าว

    รอพี่ Amm มาตอบก็ได้ค่ะ

    จะบอกว่าเมื่อกี๊เราเพิ่งรบกับเค้ามาเลยค่ะ

    ไปแอบแกะถุงโอวัลตินทานปล่าว ๆ ตอน 9.30 กลางดึก

    อยากจะกรี๊ด เราเลยแย่งออกมาจากมือค่ะ

    ปรากฎว่าลูกกรี๊ดๆๆๆ ตีเราตอบใหญ่เลยค่ะ เหอ เหอ กลุ้ม ๆๆๆ

    เป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนนะคะ
    น้องฝ้ายลูกพี่ก็เป็นชอบแกะโอวัลตินผงกินเปล่าๆ แต่พี่ก็ให้กินนะโดยมีข้อแม้ว่า เราแกะและเทให้เองทีละนิดๆๆ และก้บอกว่า "ลูกกินได้แต่ว่านิดหน่อยนะลูกเพราะว่ามันจะหวานเดี๋ยวฟันผุ แล้วลูกต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ" ลูกๆพี่เค้ากลัวฟันผุกันนะค่ะเลยยอม

    ลูกกรี้ดตีเหรอค่ะ พี่จะตีกลับทันที (แต่แค่แปะเบาๆ) แล้วถามเค้าว่า "หนูเจ็บไมค่ะ นี่หม่ามี๊เจ็บนะเพราะฉะนั้นเราอย่าตีกันเลยดีกว่า" ลูกพี่จะ งง ทุกทีเลยถ้าโดนแม่ตีกลับเนี้ย เค้าจะอึ้งๆและเลิกตีอ่ะค่ะ อิๆๆ ดูเหมือนโหดๆเนอะ แต่ของพี่ได้ผลนะ

    ทีวีเหรอ โอ้ย...ลูกพี่ก็ติดนะ แต่พี่ก็ดูว่าถ้าเป็นอะไรที่ไม่รุนแรงก้ให้ดู แต่ส่วนมากลูกพี่จะเปิดไว้เอาเสียงเป็นเพื่อนมากกว่า ตอนหลังๆพี่เลยเปิดเพลงให้ฟังแล้วช่วยกันร้องช่วยกันแดนซ์กระจายมากกว่าแหล่ะ

    แนะนำว่าให้มีอีกซักคน พอเค้าโตรู้ความแล้วเราจะสบายล่ะเพราะว่าเค้าจะเล่นกันเอง พ่อกับแม่ไม่ต้องเอนเตอร์เทนมากจ้ะ ฮิๆๆ

Page 2 of 3 FirstFirst 1 2 3 LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •