Quote Originally Posted by oohio View Post

เราไม่ชอบ Ego เรามองว่าคนอีโก้จัดน่ากลัวจัง

ทีนี้มีคำถามน่ะค่ะ ถึงทั้งคุณแอมและน้องฝ้ายเลย ว่าที่ไทยมีโรงเรียนลักษณะนี้รองรับเด็กไปจนถึงอายุเท่าไรเอ่ย แล้วตัังใจจะส่งเสริมการเรียนการสอนลักษณะนี้ไปจนลูก ๆ อายุเท่าไรคะ ขอบคุณมากค่า
ถ้ายาวไปขอโทษนะคะ เขียนอย่างตั้งใจทุกตัวอักษรค่ะ

ตอบพี่โอ๋ค่ะ เรื่องการศึกษาต่อของลูก ตอนนั้นที่ฝ้ายไปสอบถามข้อมูลที่โรงเรียน ฝ้ายเตรียมคำถามไปประมาณ 2 หน้ากระดาษ
ทุกโรงเรียนฝ้ายไปมาหมดแล้ว ย่านสุขุมวิท ย่านเอกมัย
ที่ไหนที่เค้าว่าดี ฝ้ายไปหมด นานาชาติก็ไป

แต่พอมาโรงเรียนนี้ ฝ้ายต้องอึ้งกับคำตอบ และฝ้ายไม่สามารถยิงคำถามอย่างที่ฝ้ายเคยถามได้ ฝ้ายเคยข้องใจแบบที่พี่โอ๋ถามค่ะ ว่า
แล้วลูกเราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยกะเค้าได้มั๊ย
ฝ้ายลองถามครูที่ปัญโญทัยดู ครูได้ตอบฝ้ายมาว่า นั่นแหล่ะคือความคาดหวังในตัวลูก ที่ฝ้ายพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ถามว่า การเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อ จะเป็นสิ่งที่สูงสุดในชีวิตมั๊ย
คำตอบคือไม่ ครูให้ฝ้ายกลับมาถามใจตัวเองก่อนว่า รับได้มั๊ย
ถ้าลูกเรียนไม่ทันเด็กข้างบ้าน หรือ คนรอบข้างในครอบครัว
ครูตั้งคำถามว่า ฝ้ายโอเคมั๊ย ถ้าลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ ไม่ได้

ครูตอบฝ้ายไม่ได้หรอกว่าเด็กจะสอบเข้าที่ไหนได้บ้าง เพราะที่ผ่าน ๆ มา เด็กที่เรียนที่นี่ เรียนจบแล้ว สามารถดำรงอยู่ในสังคมไหนก็ได้ทั่วโลก เด็กจะปรับตัวได้ ทุกที่ ทุกสถานการณ์ ส่วนใหญ่ก็ต่อต่างประเทศ บางคนก็ทำงานอย่างทีชอบ พอถึงเวลานั้น เค้ารู้ว่าเค้าชอบอะไร เค้าก็จะไปเรียนเสริมเอาค่ะ

แต่เค้าก็ให้ฝ้ายถามตัวเองอีกว่าครอบครัวเป็นอย่างไร เค้าแนะนำว่าครอบครัวเราต้องหนักแน่นก่อน และที่สำคัญ ผู้เป็นแม่ ต้องไม่หวั่นไหว กับคำคอระหาใด ๆ ของเพื่อนรอบข้าง เมื่อวัยเด็กลูกเราวิชาการไม่เท่าเทียมคนอื่น) ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่า เพื่อนที่มาด้วยกัน เขวมากมาก (รวมทั้งตัวฝ้ายด้วย) ตอนนั้น ไม่รู้จักใครเลยที่มีลูกเรียนที่นั่น คิดจนหัวระเบิด กลับมาปรึกษาคนที่บ้าน ยิ่งโดนหนักเข้าไปใหญ่ จนฝ้ายไปเจอปัญโยทัย เลยแนะนำให้ลูกเพื่อนเข้า เค้าจะเข้าปีหน้า ยอมรับว่า จะคอยดูอยู่ห่าง ๆ เพราะลูกเราอายุยังไม่ถึง จะดูจนถึงลูกเรา 3 ขวบ (ตอนนี้ 2 ขวบค่ะ)

ส่วนเรื่อง อีโก้จัด ตอบพี่โอ๋ว่า ฝ้ายก็ไม่ชอบเอามากมาก พี่คนนึงในครอบครัวแฟน (ขอแอบเมาส์) เค้าเป็นคนอีโก้สูงมากกก เรียนตามสะเต็บ ป. 6 ได้ เกรด 4 ตลอด เข้า ม.1-ม.6 ก็ได้ที่หนึ่งตลอด จากนั้นเข้ามหาวิทยาลัย ก็ได้เกียรตินิยม อันดับ 1 เหรียญทอง จากนั้นไปต่อโทที่เมืองนอกจบมา 2 ปี
เข้าทำงานได้ตำแหน่งดีอยู่ที่เดิม 7 ปี ตื่นเช้ามาไปทำงานกลับบ้านนอน ไม่มีเพื่อนเลย อีโก้สูงมากกกกก ใครคิดเห็นไม่เหมือนเค้า ความหมายคือ เธอโง่ เธอไม่ได้เรื่อง เธอไม่มีความคิดอะไรประมาณนี้

นั่นคือผลพวงมาจากพ่อแม่บังคับทุกอย่างตั้งแต่เด็กจนโต ทุกวันนี้ ไม่เคยเห็นเธอยิ้มอย่างเต็มมุมปากเลยสักครั้ง ร้องเพลงห้ลูกฟังยังไม่เคย ทุกวันนี้ลูกเค้าพอเห็นฝ้ายกับแพรวา ก็จะร้องดึงแขนพี่เลี้ยง เดิน ๆ ๆ ตามมาที่บ้านฝ้าย จะรอเล่นกับแพรวาทุกวัน เหมือนแววตาเค้าไม่มีความสุข ฝ้ายสงสารค่ะ ถ้าเค้าต้องเดินตามรอยชีวิตที่อยู่ในกรอบแบบนั้น

ไม่ได้ แอนตี้นะคะ แต่เราคิดว่า เราเบื่อชีวิตแบบนี้ เราเลยอยากให้ลูกมีความสุข เราเลยไขว่คว้าหาข้อมูลทุกอย่างของลูกเท่าที่เราผู้เป็นแม่สามารถจะทำได้ค่ะ



Quote Originally Posted by srichardson View Post

น้องฝ้ายของลุกๆพี่ เราจะจัด Play group กันทุกวันศกร์หรือว่าเสาร์ เวียนกันไปตามบ้านของแต่ละคน และลูกพี่ตอนเด้กๆจะไปเล่นที่ Gymboree หรือ Little gym ค่ะ ทีเขียนมายาวๆเนี้ยเป็นความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆเลยนะค่ะ
ฝ้ายเรียน baby genious ค่ะพี่นีน่า เพราะใกล้บ้าน
อยากเรียน Little gym แต่หาที่เรียนไม่ได้ค่ะ Gymburee
ก็ไกลบ้านอีกค่ะ ลูกพี่จัด play group เพราะเรียนอินเตอร์ใช่มั๊ยคะ
แอบกระซิบว่า แม่ที่นั่น เครียดมาก เวลาลูกร้องเพลงไม่ได้เลย ลูกเคาะจังหวะไม่ได้เลย เปรียบเทียบลูกชั้นลูกเธอ ปวดหัวอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ท่องไว้ในใจเสมอค่ะ หนักแน่นฝ้ายหนักแน่นๆๆๆ

ตอบพี่เรื่องแบรนด์เนมค่ะ จะบอกว่า ฝ้ายก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
ทุกวันนี้ บ้าซื้อให้ลูกมาก ลูกกินแก้วอะไรก็ได้ ที่มีน้ำอยู่
(แต่แม่มันบ้า แฮะ แฮะ) เสื้อผ้า ก็ซื้อ ๆ ๆ ๆ น่ารักมากมาก ทุกแบบทุกลาย
แต่ช้ำใจมาก ลูกใส่อยู่ตัวเดียว เสื้อผ้ามัน ๆ (ตามตลาดนัด 50 บาท)
ลายช้างก้านกล้วย ต้องซื้อซ้ำให้อีก 1 ตัว เพราะลูกไม่ยอมถอดเลยค่ะ
ตอนพาไปอาบน้ำก็ไม่ยอมถอด ต้องรดน้ำใส่เสื้อลูก แล้วบอกว่า ก้านกล้วยเปียกน้ำนะ เอาไปตากแดดก่อน เฮ่อกุ้มมากค่ะ จนทุกวันนี้
เสื้อดีดีแพง ๆ ที่ซื้อให้ ของเล่น แก้วน้ำ กระติกจานชามลายการ์ตูน
ไม่มีความหมายซักเท่าไหร่ ตอนนี้เลยจะตัดใจ ไม่ซื้อให้ลูกแล้วไงคะพี่
ฝ้ายจะหันมาดูแลตัวเองแทน จะได้ไม่มีตังค์ซื้อให้ลูกค่ะ

โรงเรียนทีบอกฝ้ายว่าไม่เน้นแบรนด์คือบ้านหนูดี อัจริยะสร้างได้ ที่รังสิตค่ะ
แต่การ์ตูนยอมรับว่าฝ้ายก็เอามาล่อลูกเหมือนกัน ได้บ้าง ไม่ได้บ้างค่ะพี่นีน่า



Quote Originally Posted by amm View Post
ตอบพี่นีน่าเรื่องห้ามดูทีวีนะคะ เนื่องจากการสอนแนวนี้เชื่อว่า ทีวีมีผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ เด็กๆยังไม่สามารถคิดเองได้ เพราะฉะนั้นการดูทีวีจึงยังไม่เหมาะสมกับเด็กอ่ะค่ะ ถ้าห้ามดู คือต้องไม่ดูเ้ลย ไม่ใช่ไปบ้านญาติแล้วเค้าเปิดทีวี แล้วก็ให้เค้าไปนั่งดู ไม่ได้ค่ะ เพราะยังไงเด็กก็อยากดูทีวีอยู่แล้ว สิ่งเร้าในทีวีมันกระตุ้นเด็กได้ง่าย
ลูกแอ้มก็อยากดูนะคะ แต่เราให้เหตุผลเค้าว่า ยังไม่ถึงเวลา รายการที่มีในทีวียังไม่เหมาะกับวัยของลูก ลูกได้อะไรจากการดูการ์ตูน ลูกไปตีแบตฯกับแม่, พ่อไม่ดีกว่าเหรอ เราไปขี่จักรยานกันมั๊ย แค่นี้เค้าก็ไม่เคยเรียกร้องที่จะดูเลยค่ะ หรือเคยไปบ้านญาติแล้วเค้าเปิดทีวี เราก็ชวนลูกทำอย่างอื่นคะ ดึงเค้าออกมาจากทีวี อย่างที่บอกค่ะ การเลิกดูทีวี จะช่วยทำให้ครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นค่ะ ก็มีผู้ปกครองบางท่านที่ไม่ค่อยเห็นด้วย เช่นอยากให้เด็กดูสารคดีสัตว์ แอ้มก็เคยให้ลูกดูค่ะ เพราะเค้าชอบสัตว์มาก แต่คุณครูบอกว่า ให้คิดว่าให้ลูกดูเพื่ออะไร ถ้าต้องการให้เค้ามีความรู้ หาหนังสือมาอ่านก็ได้ พาไปสวนสัตว์ แต่จริงๆเค้ายังไม่ต้องรู้ตอนนี้ก็ได้ ไม่ต้องยัดเยียดความรู้ให้ลูก ฟังแล้วอึ้งไปเลยอ่ะค่ะ

แล้วการที่ถ้าเด็กในห้องดูทีวี เด็กจะมีพฤติกรรมที่กระทบกับเด็กทั้งห้องอ่ะค่ะ ไม่ว่าการพูด การเล่น มันจะออกมาหมด คุณครูบอกว่า สามารถบอกได้เลยว่า เด็กคนไหนดูทีวีมา โดยเฉพาะตอนช่วงปิดเทอม ^^'

อุปกรณ์ปกติที่ต้องเอาไปโรงเรียนของลูก ก็คือ หมวกกับกระติกน้ำค่ะ หมวก ก็คงเหมือนโรงเรียนลูกพี่นีน่า คือไว้สำหรับใส่ เวลาเล่นนอกห้องเรียน แล้วเด็กจะได้เรียนรู้ว่า เมื่อออกนอกห้องเรียน ไปที่สนามต้องใส่หมวก และรู้ว่านี่เป็นเวลาเล่น แล้วช่วงป.1-ป.4 เด็กจะไม่มีการบ้าน เพราะฉะนั้นสมุดเครื่องเขียนทุกอย่างอยู่ที่โรงเรียน ไม่ต้องเอากลับบ้านค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีหนังสือ การเรียนจะผ่านจากการเล่าเรื่องของคุณครูประจำชั้น แล้วก็จดใส่สมุด
ขอบคุณพี่แอมสำหรับข้อมูลเรื่องการดูทีวีค่ะ ฝ้ายเคยทำแล้ว ทะเลาะกับคุณตา (คุณพ่อของฝ้ายเอง) ทะเลาะกันแรงมาก เรื่องให้หลานดูทีวี ล่าสุดทะเลาะกับคุณทวด (คุณยายฝ้ายเอง)
ป่าป๊า (แฟนฝ้าย) จนฝ้ายปลงแล้ว เบื่อทีจะพูด เคยคิดจะพาลูกหนีไปอยู่กันสองคน 555 เคยทำด้วยนะคะ ตลกมากมาก สุดท้ายก็กลับบ้านมานอนสลบเหมือนเดิม

ฝ้ายไม่อยากให้ลูกดูเลยจริง ๆ ทุกวันนี้เลยพาลูกไปโรงเรียน เพราะเหตุผลที่ว่า เวลาลูกอยู่โรงเรียนจะได้ไม่ต้องดูทีวีด้วยส่วนนึง กลับบ้านมา พอถึงเวลานอนเราก็สั่งพี่เลี้ยงได้ค่ะ

พี่แอม ฝ้ายว่า วันที่ 4-5 มาเจอกันมั๊ยคะ จะได้ไม่ต้องพิมพ์ให้เมื่อยๆๆๆ ระ อิอิ