Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 23

Thread: Review สารพัดกิจกรรมสำหรับน้องวัย 0-16 เดือน

Hybrid View

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    น่ารักเชียวน้องอ้อเข้าใจบรรยายจัง อ่านแล้วขำ ฮิๆๆ

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    80
    [quote=teerasak;1063632351]Review กระทู้นี้เน้นขำขัน อาจโดนล็อคกระทู้ในเร็ววัน เนื่องจากสาระไม่ค่อยมี มาดูกิจกรรมสารพัดที่เจ้าตัวแสบสามารถทำได้ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด


    หลักการ : - หลีกเลี่ยงห้างสรรพสินค้า
    - ไม่มีคำว่า "กลัว" ไม่มีการหลอกหรือขู่เด็ก
    แอบได้ยินบ่อยๆจาบรรดาคุณๆพี่เลี้ยง การขู่หรือ
    ใช้ความกลัวเพื่อให้เด็กยอมตาม เป็นการปิดกั้น
    การเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ
    ..ข้อเสียจากการที่ลูกไม่กลัวคือจะซนระดับแปดดาว
    จึงต้องมีคำว่า การดูแลอย่างใกล้ชิด
    กำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ไม่พบข้อเสียใดๆ (^^)




    น่ารักมากมากค่ะ ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคนนะคะ คุณแม่มือใหม่
    ขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ด้วยนะคะ

    ตัวเล็ก อายุ 2 ขวบแล้วค่ะ พี่เลี้ยงหลายคน (เนื่องจากที่บ้านอยู่กันเยอะ) ทุกคนขู่หมดเลย ไปตรงโน้นไม่ได้เจอจิ้งจก เจอแม่มด ไปตรงนี้ไม่ได้เจอ บ้องแบ๊ว (งงมากว่ามันคือตัวอะไร) ทำไงดี จะทันมั๊ยอ่ะคะ (จะไล่ออกก็ไม่ได้แล้วเพราะว่าลูกติดพี่เลี้ยงในระดับนึงแล้ว อีกอย่างเค้าเป็นพี่น้องกันหมด ไล่ออกไปเค้าก็ต้องยกกันออกทั้งบ้านแน่) ปรกติเลี้ยงเองนะคะ แต่ช่วงนี้ยุ่งเล็กน้อย บวก วันไหนหยุดเรียนเลยปล่อยให้อยู่บ้าน เลยคิดว่า ควรพาไปโรงเรียนจะดีกว่าปล่อยให้อยู่กับพี่เลี้ยงเวลาเราไม่อยู่บ้านเนอะ

    พูดถึง บ้องแบ๊ว ไม่ว่าน้องจะซน วิ่งไปไหน ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเจ็บตัว พี่เลี้ยงจะสมมุติชื่อขึ้นมาว่า บ้องแบ๊ว ลูกจะกลัวบ้องแบ๊วมากเลยค่ะ ปิดหูปิดตา ยอมทำตามทุกอย่าง(อยากรู้มากว่าไอ้เจ้า บ้องแบ๊ว หน้าตามันเป็นยังไง) เวลานอน ก็กลัว ไม่ยอมให้ปิดไฟค่ะ กลัวเอามากมาก ตอนนี้ต้องให้พี่เลี้ยงไปไกล ๆ เลยค่ะเวลากล่อมนอนจะพยายามกล่อมเองตลอด แล้วค่อยให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าตอนหลับแล้วแทน......

    ตอนทานข้าวก็ไม่ยอมทานเลย (ย้ำเลยนะคะ ว่าไม่ทานจริง ๆ) ต้องขู่ว่า เดี๋ยวหมอมาฉีดยานะ ไม่ทานปลา ทานไข่เดี๋ยวต้องนอนโรงพยาบาลนะ ไม่งั้นไม่ทานซักคำเลยจริง ๆ ค่ะ กลุ้มใจมาก

    ต่อไปต้องใช้วิธีปล่อย บ้างแล้ว

    ......แต่เค้าจะเอาแต่ใจตัวเองหรือป่าวคะ........


    2 ขวบแล้ว แก้ไขจะทันมั๊ยคะเนี่ย อยากจะถามหลายอย่างเลย เกรงใจมั๊กมาย

    ขอบคุณมากนะคะ ขอให้ลูกชาย และเด็กๆทุกคน สุขภาพแข็งแรงค่า

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    94
    **สมควรแก่เวลา ขอลบรูปออกคร๊า ****

    ยินดีต้อนรับคุณ cotton chef ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณฝ้ายนะคะ (จำได้เพราะว่าเคยเห็นในกระทู้ต่างๆอ่ะค่ะ) ขอออกเอี๊ยดก่อนว่า ความรู้อ้อก็เท่าหางอึ่งค่ะ ลองผิดลองถูกกันไป คำแนะนำต่อไปนี้ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆค่ะ เด็กแต่ละคนมี nature ต่างกัน คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตุและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือค่ะ


    -อย่าทำให้เด็กกลัว : อันนี้สำคัญค่ะ ไม่มีเด็กวัยไหนจะขี้กลัวเท่าวัย1.5-2 ขวบอีกแล้ว ถ้ามีใครทำให้แกกลัวมีหวังต้องยุ่งกับแกอีกนาน การที่พี่เลี้ยงชอบหลอกอ้อแนะนำให้ใช้เรียกมาเคลียร์ เอ๊ย เรียกมาทำความเข้าใจจะดีกว่าค่ะ ว่าอย่าพยายามหลอกให้น้องกลัวอีก เพราะเมื่อเด็กกลัวแกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะโตไปเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่การฝึกเด็ก ยิ่ง 2 ขวบนี่เป็นวัยที่กำลังสำรวจ กำลังซนเลยค่ะ (เข้าใจได้อยู่ ก็หนูเกิดมาไม่เคยได้เห็นเลยนี่นา) พี่เลี้ยงอย่าขี้เกียจค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะอยู่นิ่งๆกับที่ ให้คุณพี่เลี้ยงนั่งชิลล์แน่นอน แล้วถ้าจะห้ามไม้ให้ไปก็บอกเหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร แหย่ปลั๊กไปไม่ได้เพราะไฟจะดูดทำให้หนูเจ็บมาก บลา บลา ว่าไป เด็กวัยนี้เข้าใจเหตุผลได้บ้างแล้วค่ะ..พี่เลี้ยงต้องขยันหน่อยที่สำคัญต้องไวด้วย น้องบางคนชอบปีนป่ายชอบวิ่งไปมา พี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามคอยสำรวจข้างหน้าที่น้องจะไป และคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหล่น หรือ วิ่งไปชนอะไรเข้าค่ะ ย้ำว่าต้องคอยระวังนะคะ ไม่ใช่ห้ามไปหมดทุกอย่าง บ้านคุณฝ้ายมีคนเยอะๆก็ดีแล้วค่ะ เมื่อทุกคน get concept ก็จะมีหลายๆหูหลายๆตาช่วยกันสอดส่อง บ้านก็ชายฉกรรจ์เพียบค่ะ...ทุกคนเข้าใจคอนเซ็ปตรงกัน เพราะฉะนั้นน้องไม่สนิทกับคำว่ากลัว แต่ต้องทำใจเนิ่นๆคือจะซนมาก วิ่งกระจายค่ะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรับค่ะ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กค่อยๆปรับกันไป น่าจะยังทัน ตัวแสบที่บ้านไม่กลัวและพูดกันพอรู้เรื่องว่า ถ้าแม่ผู้นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นแม่หน้ายักษ์เสียงดังขึ้นมา นั่นคือต้องหยุดแล้ว ก็มีบางทีที่ he มึนทำเป็นไม่สน...เช่นวันนี้เทการ์ดคำศัพท์(ที่แม่เอาไปเคลือบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว)ลงพื้น อย่า ไม่ฟัง เรียกมาช่วยเก็บ ไม่มา--ซักพัก เหยียบการ์ดลื่นหัวโป๊กก คราวนี้ยอมฟังทั้งน้ำตา (วิธีนี้ไม่แนะนำนะคะ โหดไปหน่อย)แต่แอบกระซิบว่า การป้อนข้อมูล ป้อนคำสั่งใดๆตอนที่เจ็บตัวเนี่ย จำได้แม่นทีเดียว ไม่ใช่ซ้ำนะคะ ป้อนข้อมูลไปเลยว่า ทำไมถึงเทการ์ดไม่ได้ เพราะมันลื่น แล้วลูกก็จะ บลา บลา บลา

    ส่วนเรื่องน้องทานข้าวยาก ขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ตาปรือแล้วค่ะ แนะนำหนังสือคู่มือหน่อยค่ะ จริงๆมีเป็นสิบแต่เล่มนี้ข้อมูลเรื่องเด็กทานข้าวยากค่อนข้างแน่น หยิบใช้ได้ไม่ต้องกรองซักเท่าไร รายละเอียดหนังสือน่าจะลงได้ได้ไม่ผิดกฎเว็บ

    หนังสือปกแข็งของ สนพ: หมอชาวบ้าน
    ชื่อเรื่อง: สารานุกรมการเลี้ยงดูเด็ก มีเล่ม 1 และ 2
    ผู้เขียน : นายแพทย์ มิชิโอะ มัตสุดะ
    แปลและเรียบเรียงโดย : พรอนงค์ นิยมค้า
    ราคา : เล่มละ 160

    คุณฝ้ายซื้อเฉพาะเล่ม 2 ก็ได้ค่ะ เพราะน้อง 2 ขวบแล้ว ..เล่มแรกจะเป็นเด็กอ่อน ที่อ้อว่าไม่ค่อยปึ้กเท่าข้อมูลบ้านๆจากญาติโยมรอบๆตัวเรา เล่มสองสอยมาจาก ร้านนายอินทร์ สาขา พารากล้วย

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    94
    Quote Originally Posted by wawe View Post
    รีวิวได้สนุกดีค่ะ อ่านไป ดูไป ยิ้มไป เพราะตัวเอกในเรื่องน่ารักดีค่ะ
    เลี้ยงลูกนี่แอบเครียดค่ะพี่แหวว เลยต้องใช้อารมณ์ขันเข้าข่ม

    Quote Originally Posted by srichardson View Post
    น่ารักเชียวน้องอ้อเข้าใจบรรยายจัง อ่านแล้วขำ ฮิๆๆ
    พี่นีน่าเข้ามาเจิมด้วย ดีอกดีใจ (^_^)

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    80
    Quote Originally Posted by teerasak View Post
    ลืมไปว่าลบรูปใน photobucket แล้วรูปจะหาย..เดี๋ยวขออนุญาติอัพใหม่อีกรอบนะคะ

    ยินดีต้อนรับคุณ cotton chef ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณฝ้ายนะคะ (อ้อจำได้เพราะว่าเคยเห็นในกระทู้ต่างๆอ่ะค่ะ) ขอออกเอี๊ยดก่อนว่า ความรู้อ้อก็เท่าหางอึ่งค่ะ ลองผิดลองถูกกันไป คำแนะนำต่อไปนี้ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆค่ะ เด็กแต่ละคนมี nature ต่างกัน คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตุและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือค่ะ


    -อย่าทำให้เด็กกลัว : อันนี้สำคัญค่ะ ไม่มีเด็กวัยไหนจะขี้กลัวเท่าวัย1.5-2 ขวบอีกแล้ว ถ้ามีใครทำให้แกกลัวมีหวังต้องยุ่งกับแกอีกนาน การที่พี่เลี้ยงชอบหลอกอ้อแนะนำให้ใช้เรียกมาเคลียร์ เอ๊ย เรียกมาทำความเข้าใจจะดีกว่าค่ะ ว่าอย่าพยายามหลอกให้น้องกลัวอีก เพราะเมื่อเด็กกลัวแกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะโตไปเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่การฝึกเด็ก ยิ่ง 2 ขวบนี่เป็นวัยที่กำลังสำรวจ กำลังซนเลยค่ะ (เข้าใจได้อยู่ ก็หนูเกิดมาไม่เคยได้เห็นเลยนี่นา) พี่เลี้ยงอย่าขี้เกียจค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะอยู่นิ่งๆกับที่ ให้คุณพี่เลี้ยงนั่งชิลล์แน่นอน แล้วถ้าจะห้ามไม้ให้ไปก็บอกเหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร แหย่ปลั๊กไปไม่ได้เพราะไฟจะดูดทำให้หนูเจ็บมาก บลา บลา ว่าไป เด็กวัยนี้เข้าใจเหตุผลได้บ้างแล้วค่ะ..พี่เลี้ยงต้องขยันหน่อยที่สำคัญต้องไวด้วย น้องบางคนชอบปีนป่ายชอบวิ่งไปมา พี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามคอยสำรวจข้างหน้าที่น้องจะไป และคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหล่น หรือ วิ่งไปชนอะไรเข้าค่ะ ย้ำว่าต้องคอยระวังนะคะ ไม่ใช่ห้ามไปหมดทุกอย่าง บ้านคุณฝ้ายมีคนเยอะๆก็ดีแล้วค่ะ เมื่อทุกคน get concept ก็จะมีหลายๆหูหลายๆตาช่วยกันสอดส่อง บ้านอ้อก็คนงานเพียบค่ะ...ทุกคนเข้าใจคอนเซ็ปตรงกัน เพราะฉะนั้นน้องไม่สนิทกับคำว่ากลัว แต่ต้องทำใจเนิ่นๆคือจะซนมาก วิ่งกระจายค่ะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรับค่ะ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กค่อยๆปรับกันไป น่าจะยังทัน ตัวแสบที่บ้านไม่กลัวและพูดกันพอรู้เรื่องว่า ถ้าแม่ผู้นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นแม่หน้ายักษ์เสียงดังขึ้นมา นั่นคือต้องหยุดแล้ว ก็มีบางทีที่ he มึนทำเป็นไม่สน...เช่นวันนี้เทการ์ดคำศัพท์(ที่แม่เอาไปเคลือบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว)ลงพื้น อย่า ไม่ฟัง เรียกมาช่วยเก็บ ไม่มา--ซักพัก เหยียบการ์ดลื่นหัวโป๊กก คราวนี้ยอมฟังทั้งน้ำตา (วิธีนี้ไม่แนะนำนะคะ โหดไปหน่อย)แต่แอบกระซิบว่า การป้อนข้อมูล ป้อนคำสั่งใดๆตอนที่เจ็บตัวเนี่ย จำได้แม่นทีเดียว ไม่ใช่ซ้ำนะคะ ป้อนข้อมูลไปเลยว่า ทำไมถึงเทการ์ดไม่ได้ เพราะมันลื่น แล้วลูกก็จะ บลา บลา บลา

    ส่วนเรื่องน้องทานข้าวยาก อ้อขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ตาปรือแล้วค่ะ แนะนำหนังสือคู่มือหน่อยค่ะ จริงๆมีเป็นสิบแต่เล่มนี้ข้อมูลเรื่องเด็กทานข้าวยากค่อนข้างแน่น หยิบใช้ได้ไม่ต้องกรองซักเท่าไร รายละเอียดหนังสือน่าจะลงได้ได้ไม่ผิดกฎเว็บ

    หนังสือปกแข็งของ สนพ: หมอชาวบ้าน
    ชื่อเรื่อง: สารานุกรมการเลี้ยงดูเด็ก มีเล่ม 1 และ 2
    ผู้เขียน : นายแพทย์ มิชิโอะ มัตสุดะ
    แปลและเรียบเรียงโดย : พรอนงค์ นิยมค้า
    ราคา : เล่มละ 160

    คุณฝ้ายซื้อเฉพาะเล่ม 2 ก็ได้ค่ะ เพราะน้อง 2 ขวบแล้ว ..เล่มแรกจะเป็นเด็กอ่อน ที่อ้อว่าไม่ค่อยปึ้กเท่าข้อมูลบ้านๆจากญาติโยมรอบๆตัวเรา เล่มสองอ้อสอยมาจาก ร้านนายอินทร์ สาขา พารากล้วย
    ร้านนายอินทร์นี่ขาประจำกันเลยค่ะ
    คุณอ้อบรรยายภาพได้ฮามากค่ะ ขอบอก อ่านแล้วนึกภาพออก บวกกับนึกถึงจอมซนที่บ้าน อิอิ แต่ก็เป็นความปวดหัวที่ทำให้เรายิ้มมมได้มากมาย เมื่อยามนึกถึง คือเบบี๋เรานี่แหล่ะค่ะ

    ขอบคุณมากมากค่ะคุณอ้อ เด๋วจะรอชมภาคต่อไปนะคะ

  6. #6
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    142
    น้องฝ้าย ต้องควบคุมพี่เลี้ยงหน่อยเป่าคะ เรื่องทำให้น้องกลัวเนี่ย สำคัญมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โตมาแบบถูกหลอกให้กลัวนู่นนี่เหมือนกัน มันไม่ดีน่ะ ประมาณห้ามไปทุกอย่าง เด็กมันจะกลัวก่อนที่จะได้ลอง ลูกสาวพี่ อ่อนกว่าลูกน้องฝ้ายหน่อยนึง แต่ชีกล้ามาก ไปเพลกราวน์กัน พี่เป็นคนกลัวความสูง แต่ลูกพี่มันไปแล้ว ปีนไปเล่นสไลด์ตัวที่สูงที่สุด พี่แทบร้องไห้ เพราะพี่กลัวลูกตก ตอนนี้เลยพยายามจะให้พ่อเค้าเป็นคนพาไป เค้าไม่มีปัญหาเรื่องกลัวอะไร

    ที่ไม่อยากให้หลอกเด็กว่าอย่าทำนั่นนะ อย่าทำนี่นะ มันเป็นการปลูกฝังให้เด็กเชื่อหรือกลัวอะไรที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลัวไว้ก่อน เอาเป็นว่าโตมานี่พี่ยังถามตัวเองเลย ว่าไอ้ที่แม่เคยบอกว่า อย่านอนกินเด๋วเป็นงูเนี่ย มันยังไง ก็คือง่าย ๆ มันจะดูเหมือนคนขี้เกียจ นอนกินอย่างนั้นอย่างนี้ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรือสร้างตัวละครให้เด็กกลัวหรืออะไรอีก ไม่ดีเลย
    ถ้าลูกดื้อ ห้ามแล้วไม่ฟัง ก็ปล่อยให้เค้าได้ลอง (ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ปล่อยให้ทำค่ะ ถ้าเค้าเจ็บแล้วเค้าจะจำ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ดึงลิ้นชักหนีบมือ ร้อง..... จำ เปิดตู้แล้วปิดกระแทกมือ ร้อง.....จำ etc. เด็กมันต้องได้ลองน่ะ ฉะนั้น คนเลี้ยงสำคัญ

    พี่เลี้ยงลูกเอง แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างน้องฝ้ายนั่นแหละ หวงลูกมาก ก็นะ ลูกคนเดียวนี่ รักมากเป็นธรรมดา แต่ว่าอยากให้ปล่อยวางบ้าง อย่าโอ๋มาก เลี้ยงให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ล้มแล้วเราวิ่งไปอุ้มหรือโอ๋เลย มันจะส่งผลถึงตอนโตน่ะ เป็นไรนิดหน่อย ก็อย่าพาไปหาหมอหรือ รพ.เลย ไม่สบาย ตัวร้อน ที่ทำได้ก็ให้ยาลดไข้ (สำหรับเด็ก) เด็กเล็กทำได้แค่นี้จริง ๆ ให้ทุก ๆ 4-6 ช.ม. คุมไม่ให้ไข้สูง ถ้าให้สองสามวันแล้วไม่ดีขึ้น อันนี้ถึงค่อยพาไปรพ. ลูกพี่ล้มตอน 6 เดือน คิ้วแตก พ่อเค้ายังไม่พาไปรพ. เลย ตอนนั้นพี่โมโห แต่สุดท้าย มันก็แห้งหายไปเอง ตอนนี้พี่มานึกดีใจที่เลี้ยงลูกที่เมกา อาจจะเป็นระบบ health care system ที่นี่มันห่วยแตกรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทำให้พี่เลือกที่จะอดทน หรือเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน ที่จะพึ่งคนอื่น (โรงพยาบาล)

    ปล. มีหลานที่ไทย เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้อง ปวดท้องนิดหน่อย (จริง ๆ ก็ปวดมากนั่นแหละ) แต่เค้าเป็นโรคกระเพาะ คือปวดท้องแทนที่แม่จะให้ยาลดกรด เด็กอาจจะเสียดท้อง หรือมีลมในกระเพาะมาก ก็ไม่ทำ บอกว่าลูกอยากไปรพ. สุดท้าย ลูกไปนอนรพ. หมอให้ยาลดกรด ลดลม แล้วก็หายปวด เสียเงินค่าหมอ ค่ารพ. โดยใช่เหตุ

    ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ (เป็นเพียงความคิดพี่นะน้องฝ้าย ถ้าไม่ชอบยังไงพี่ขอโทษไว้ ก่อนนะจ๊ะ)

  7. #7
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    80
    Quote Originally Posted by oohio View Post
    น้องฝ้าย ต้องควบคุมพี่เลี้ยงหน่อยเป่าคะ เรื่องทำให้น้องกลัวเนี่ย สำคัญมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โตมาแบบถูกหลอกให้กลัวนู่นนี่เหมือนกัน มันไม่ดีน่ะ ประมาณห้ามไปทุกอย่าง เด็กมันจะกลัวก่อนที่จะได้ลอง ลูกสาวพี่ อ่อนกว่าลูกน้องฝ้ายหน่อยนึง แต่ชีกล้ามาก ไปเพลกราวน์กัน พี่เป็นคนกลัวความสูง แต่ลูกพี่มันไปแล้ว ปีนไปเล่นสไลด์ตัวที่สูงที่สุด พี่แทบร้องไห้ เพราะพี่กลัวลูกตก ตอนนี้เลยพยายามจะให้พ่อเค้าเป็นคนพาไป เค้าไม่มีปัญหาเรื่องกลัวอะไร

    ที่ไม่อยากให้หลอกเด็กว่าอย่าทำนั่นนะ อย่าทำนี่นะ มันเป็นการปลูกฝังให้เด็กเชื่อหรือกลัวอะไรที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลัวไว้ก่อน เอาเป็นว่าโตมานี่พี่ยังถามตัวเองเลย ว่าไอ้ที่แม่เคยบอกว่า อย่านอนกินเด๋วเป็นงูเนี่ย มันยังไง ก็คือง่าย ๆ มันจะดูเหมือนคนขี้เกียจ นอนกินอย่างนั้นอย่างนี้ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรือสร้างตัวละครให้เด็กกลัวหรืออะไรอีก ไม่ดีเลย
    ถ้าลูกดื้อ ห้ามแล้วไม่ฟัง ก็ปล่อยให้เค้าได้ลอง (ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ปล่อยให้ทำค่ะ ถ้าเค้าเจ็บแล้วเค้าจะจำ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ดึงลิ้นชักหนีบมือ ร้อง..... จำ เปิดตู้แล้วปิดกระแทกมือ ร้อง.....จำ etc. เด็กมันต้องได้ลองน่ะ ฉะนั้น คนเลี้ยงสำคัญ

    พี่เลี้ยงลูกเอง แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างน้องฝ้ายนั่นแหละ หวงลูกมาก ก็นะ ลูกคนเดียวนี่ รักมากเป็นธรรมดา แต่ว่าอยากให้ปล่อยวางบ้าง อย่าโอ๋มาก เลี้ยงให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ล้มแล้วเราวิ่งไปอุ้มหรือโอ๋เลย มันจะส่งผลถึงตอนโตน่ะ เป็นไรนิดหน่อย ก็อย่าพาไปหาหมอหรือ รพ.เลย ไม่สบาย ตัวร้อน ที่ทำได้ก็ให้ยาลดไข้ (สำหรับเด็ก) เด็กเล็กทำได้แค่นี้จริง ๆ ให้ทุก ๆ 4-6 ช.ม. คุมไม่ให้ไข้สูง ถ้าให้สองสามวันแล้วไม่ดีขึ้น อันนี้ถึงค่อยพาไปรพ. ลูกพี่ล้มตอน 6 เดือน คิ้วแตก พ่อเค้ายังไม่พาไปรพ. เลย ตอนนั้นพี่โมโห แต่สุดท้าย มันก็แห้งหายไปเอง ตอนนี้พี่มานึกดีใจที่เลี้ยงลูกที่เมกา อาจจะเป็นระบบ health care system ที่นี่มันห่วยแตกรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทำให้พี่เลือกที่จะอดทน หรือเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน ที่จะพึ่งคนอื่น (โรงพยาบาล)

    ปล. มีหลานที่ไทย เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้อง ปวดท้องนิดหน่อย (จริง ๆ ก็ปวดมากนั่นแหละ) แต่เค้าเป็นโรคกระเพาะ คือปวดท้องแทนที่แม่จะให้ยาลดกรด เด็กอาจจะเสียดท้อง หรือมีลมในกระเพาะมาก ก็ไม่ทำ บอกว่าลูกอยากไปรพ. สุดท้าย ลูกไปนอนรพ. หมอให้ยาลดกรด ลดลม แล้วก็หายปวด เสียเงินค่าหมอ ค่ารพ. โดยใช่เหตุ

    ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ (เป็นเพียงความคิดพี่นะน้องฝ้าย ถ้าไม่ชอบยังไงพี่ขอโทษไว้ ก่อนนะจ๊ะ)

    พี่โอ๋ เปลี่ยน avater กับ Signature จนหนูจำไม่ได้เลยอ่ะค่ะ
    ดีนะจำนางฟ้าองค์น้อยของพี่ได้

    พูดถึง นอนกินเดี๋ยวเป็นงู หนูก็ยังงงถึงตอนนี้นะคะ แบบว่า อะไรกันเนี่ย
    จะบอกว่าหนูก็ยังเชื่อนะคะ แล้วก็ ห้ามพูดตอนทำแกงจืดมะระ ไม่งั้นจะขม
    (มันอะไรกันเนี่ย) 555

    แล้วก็ไอ้หง่าว หนูกลัวไอ้หง่าวจนถึงทุกวันนี้ คุณยายหลอกประจำเวลาหนูแอบขึ้นไปข้างบนบ้านคนเดียว เซ็งยายมากมาก
    ทุกวันนี้กว่าจะหายกลัว เลิกวิ่งตอนขึ้นบันได ใช้เวลานานมากเลยค่ะ (แต่ตอนนี้ไม่กลัวแย้ว)

    ส่วนลูก .... เรื่องมันยาวค่ะพี่โอ๋ มีมี story แยะ
    หนูโพสต์ที่กระทู้คุณ my_nim ตั้งแต่เช้า

    เพิ่งจะมาเห็นทู้พี่โอ๋ตอนดึกเนี่ยเลยค่ะ ขอเล่าให้พี่ฟังเพิ่มว่า
    หนูคิดผิดเลยที่คลอดลูกที่ไทย (เฉพาะสำหรับตัวหนูคนเดียวนะคะ)
    ครอบครัวอื่น ๆ อาจไม่คิดเหมือนหนูคร่า)

    ตอนแรกคลอดที่ ตปท. ก็ดีอยู่แล้ว แต่กลัวโน่นกลัวนี่
    แถมหนูก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเลยต้องกลับมาคลอดที่ไทย
    พี่อยู่ต่างประเทศ ระบบเค้าดีมากมาก คนส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยไปโรงพยาบาลกันเลย
    แล้วรัฐบาลก็ support เต็มที่เรื่องการหยุดงาน
    การดูแลเด็กก็ดี เฮ่อคิดแล้วเสียดายค่ะ
    อยากจะเอาลูกใส่ท้องเข้าไปใหม่ซะจริง
    หนูเคยจะไปซื้อยา ต้องไปศูนย์อะไรซักอย่างต้องรอบัตรคิว
    (จ่ายตังค์ก่อนด้วยนะ) เพื่อขอคำปรึกษาจากแพทย์
    เพื่อนำใบแพทย์ ไปซื้อยาตามร้านขายยาข้างทาง
    แสดงว่า การจ่ายยาของต่างประเทศ ต้องเข้มงวดมากมาก
    แต่พี่คะ เมืองไทยบ้านเรา มันง่ายกว่าปลอกกล้วยเข้าปากอีกค่ะ
    ที่บ้านเลยต้องพึ่งหมอกันหมด แถมค่าเงินบ้านเราน้อย
    เราเลยคิดว่า นอนโรงพยาบาล มีประกันสุขภาพ คุ้มสุด
    อยู่ใกล้มือหมอด้วยอีกต่างหาก

    สุดท้ายเข้าประเด็นที่ว่า พี่เลี้ยงหลอกให้ลูกกลัว
    ต้องบอกแล้วค่ะ ต่อไปนี้จะต้องย้ำแล้วด้วย เซ็งจิตจริง ๆ
    เลี้ยงเองดีที่สุดค่ะ คอนเฟิร์ม บางทีไม่รู้จะทำไง
    ยิ่งตอนหัดขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน
    เค้าชอบกระโดดมานั่งหน้าพวงมาลัย เปิดเสื้อเราจะกินนม
    รถจะชนหลายครั้งแล้วค่ะพี่ พี่เลี้ยงจับก็โดนลูกตบ
    พี่เลี้ยงเลยต้องขู่ว่าตำรวจจะมาจับตัว ถึงจะยอม

    ยังไงก็สู้ ๆ อยู่แล้วค่ะพี่
    ขอบคุณพี่มากนะคะ ฝากBig Kiss Angle น้อยด้วยจ้า

Similar Threads

  1. Replies: 53
    Last Post: 03-08-2021, 03:13 PM
  2. ที่มาของชื่อเดือน ทั้ง 12 เดือน
    By jaew_waw in forum MARS; Study, Work, Sport, Travel ความก้าวหน้า กีฬา ท่องเที่ยว
    Replies: 7
    Last Post: 11-19-2010, 03:34 PM
  3. ให้เช่าห้องที่นิรันดร์เรสิเด้นท์ราม 2 เพียง 2,500/เดือน
    By s.phattarika in forum อสังหาริมทรัพย์ และหาเพื่อนร่วมหอพัก
    Replies: 0
    Last Post: 06-25-2010, 10:17 AM
  4. Replies: 0
    Last Post: 03-22-2010, 05:46 PM
  5. วันนี้วันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8
    By PREZZO in forum WORLD; Around you เรื่องราวส่วนรวมรอบตัว
    Replies: 4
    Last Post: 07-03-2009, 01:49 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •