รีวิวได้สนุกดีค่ะ อ่านไป ดูไป ยิ้มไป เพราะตัวเอกในเรื่องน่ารักดีค่ะ
รีวิวได้สนุกดีค่ะ อ่านไป ดูไป ยิ้มไป เพราะตัวเอกในเรื่องน่ารักดีค่ะ
น่ารักเชียวน้องอ้อเข้าใจบรรยายจัง อ่านแล้วขำ ฮิๆๆ![]()
[quote=teerasak;1063632351]Review กระทู้นี้เน้นขำขัน อาจโดนล็อคกระทู้ในเร็ววัน เนื่องจากสาระไม่ค่อยมี มาดูกิจกรรมสารพัดที่เจ้าตัวแสบสามารถทำได้ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด
หลักการ : - หลีกเลี่ยงห้างสรรพสินค้า
- ไม่มีคำว่า "กลัว" ไม่มีการหลอกหรือขู่เด็ก
แอบได้ยินบ่อยๆจาบรรดาคุณๆพี่เลี้ยง การขู่หรือ
ใช้ความกลัวเพื่อให้เด็กยอมตาม เป็นการปิดกั้น
การเรียนรู้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ
..ข้อเสียจากการที่ลูกไม่กลัวคือจะซนระดับแปดดาว
จึงต้องมีคำว่า การดูแลอย่างใกล้ชิด
กำกับไว้ด้วย นอกจากนี้ไม่พบข้อเสียใดๆ (^^)
น่ารักมากมากค่ะ ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคนนะคะ คุณแม่มือใหม่
ขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ด้วยนะคะ
ตัวเล็ก อายุ 2 ขวบแล้วค่ะ พี่เลี้ยงหลายคน (เนื่องจากที่บ้านอยู่กันเยอะ) ทุกคนขู่หมดเลย ไปตรงโน้นไม่ได้เจอจิ้งจก เจอแม่มด ไปตรงนี้ไม่ได้เจอ บ้องแบ๊ว(งงมากว่ามันคือตัวอะไร) ทำไงดี จะทันมั๊ยอ่ะคะ (จะไล่ออกก็ไม่ได้แล้วเพราะว่าลูกติดพี่เลี้ยงในระดับนึงแล้ว อีกอย่างเค้าเป็นพี่น้องกันหมด ไล่ออกไปเค้าก็ต้องยกกันออกทั้งบ้านแน่) ปรกติเลี้ยงเองนะคะ แต่ช่วงนี้ยุ่งเล็กน้อย บวก วันไหนหยุดเรียนเลยปล่อยให้อยู่บ้าน เลยคิดว่า ควรพาไปโรงเรียนจะดีกว่าปล่อยให้อยู่กับพี่เลี้ยงเวลาเราไม่อยู่บ้านเนอะ
พูดถึง บ้องแบ๊ว ไม่ว่าน้องจะซน วิ่งไปไหน ทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเจ็บตัว พี่เลี้ยงจะสมมุติชื่อขึ้นมาว่า บ้องแบ๊ว ลูกจะกลัวบ้องแบ๊วมากเลยค่ะ ปิดหูปิดตา ยอมทำตามทุกอย่าง(อยากรู้มากว่าไอ้เจ้า บ้องแบ๊ว หน้าตามันเป็นยังไง) เวลานอน ก็กลัว ไม่ยอมให้ปิดไฟค่ะ กลัวเอามากมาก ตอนนี้ต้องให้พี่เลี้ยงไปไกล ๆ เลยค่ะเวลากล่อมนอนจะพยายามกล่อมเองตลอด แล้วค่อยให้พี่เลี้ยงมาเฝ้าตอนหลับแล้วแทน......
ตอนทานข้าวก็ไม่ยอมทานเลย (ย้ำเลยนะคะ ว่าไม่ทานจริง ๆ) ต้องขู่ว่า เดี๋ยวหมอมาฉีดยานะ ไม่ทานปลา ทานไข่เดี๋ยวต้องนอนโรงพยาบาลนะ ไม่งั้นไม่ทานซักคำเลยจริง ๆ ค่ะ กลุ้มใจมาก![]()
ต่อไปต้องใช้วิธีปล่อย บ้างแล้ว
......แต่เค้าจะเอาแต่ใจตัวเองหรือป่าวคะ........
2 ขวบแล้ว แก้ไขจะทันมั๊ยคะเนี่ย อยากจะถามหลายอย่างเลย เกรงใจมั๊กมาย
ขอบคุณมากนะคะ ขอให้ลูกชาย และเด็กๆทุกคน สุขภาพแข็งแรงค่า![]()
**สมควรแก่เวลา ขอลบรูปออกคร๊า ****
ยินดีต้อนรับคุณ cotton chef ค่ะ..ขออนุญาติเรียกคุณฝ้ายนะคะ (จำได้เพราะว่าเคยเห็นในกระทู้ต่างๆอ่ะค่ะ) ขอออกเอี๊ยดก่อนว่า ความรู้อ้อก็เท่าหางอึ่งค่ะ ลองผิดลองถูกกันไป คำแนะนำต่อไปนี้ไม่มีสูตรตายตัวเป๊ะๆค่ะ เด็กแต่ละคนมี nature ต่างกัน คนเลี้ยงต้องคอยสังเกตุและปรับเปลี่ยนวิธีรับมือค่ะ
-อย่าทำให้เด็กกลัว : อันนี้สำคัญค่ะ ไม่มีเด็กวัยไหนจะขี้กลัวเท่าวัย1.5-2 ขวบอีกแล้ว ถ้ามีใครทำให้แกกลัวมีหวังต้องยุ่งกับแกอีกนาน การที่พี่เลี้ยงชอบหลอกอ้อแนะนำให้ใช้เรียกมาเคลียร์ เอ๊ย เรียกมาทำความเข้าใจจะดีกว่าค่ะ ว่าอย่าพยายามหลอกให้น้องกลัวอีก เพราะเมื่อเด็กกลัวแกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะโตไปเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเองได้ เพราะการทำแบบนั้นไม่ใช่การฝึกเด็ก ยิ่ง 2 ขวบนี่เป็นวัยที่กำลังสำรวจ กำลังซนเลยค่ะ (เข้าใจได้อยู่ ก็หนูเกิดมาไม่เคยได้เห็นเลยนี่นา) พี่เลี้ยงอย่าขี้เกียจค่ะ เป็นไปไม่ได้ที่น้องจะอยู่นิ่งๆกับที่ ให้คุณพี่เลี้ยงนั่งชิลล์แน่นอน แล้วถ้าจะห้ามไม้ให้ไปก็บอกเหตุผลไปเลยว่าเพราะอะไร แหย่ปลั๊กไปไม่ได้เพราะไฟจะดูดทำให้หนูเจ็บมาก บลา บลา ว่าไป เด็กวัยนี้เข้าใจเหตุผลได้บ้างแล้วค่ะ..พี่เลี้ยงต้องขยันหน่อยที่สำคัญต้องไวด้วย น้องบางคนชอบปีนป่ายชอบวิ่งไปมา พี่เลี้ยงก็ต้องคอยตามคอยสำรวจข้างหน้าที่น้องจะไป และคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหล่น หรือ วิ่งไปชนอะไรเข้าค่ะ ย้ำว่าต้องคอยระวังนะคะ ไม่ใช่ห้ามไปหมดทุกอย่าง บ้านคุณฝ้ายมีคนเยอะๆก็ดีแล้วค่ะ เมื่อทุกคน get concept ก็จะมีหลายๆหูหลายๆตาช่วยกันสอดส่อง บ้านก็ชายฉกรรจ์เพียบค่ะ...ทุกคนเข้าใจคอนเซ็ปตรงกัน เพราะฉะนั้นน้องไม่สนิทกับคำว่ากลัว แต่ต้องทำใจเนิ่นๆคือจะซนมาก วิ่งกระจายค่ะ เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรับค่ะ ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กค่อยๆปรับกันไป น่าจะยังทัน ตัวแสบที่บ้านไม่กลัวและพูดกันพอรู้เรื่องว่า ถ้าแม่ผู้นุ่มนวลเปลี่ยนเป็นแม่หน้ายักษ์เสียงดังขึ้นมา นั่นคือต้องหยุดแล้ว ก็มีบางทีที่ he มึนทำเป็นไม่สน...เช่นวันนี้เทการ์ดคำศัพท์(ที่แม่เอาไปเคลือบพลาสติกเรียบร้อยแล้ว)ลงพื้น อย่า ไม่ฟัง เรียกมาช่วยเก็บ ไม่มา--ซักพัก เหยียบการ์ดลื่นหัวโป๊กก คราวนี้ยอมฟังทั้งน้ำตา (วิธีนี้ไม่แนะนำนะคะ โหดไปหน่อย)แต่แอบกระซิบว่า การป้อนข้อมูล ป้อนคำสั่งใดๆตอนที่เจ็บตัวเนี่ย จำได้แม่นทีเดียว ไม่ใช่ซ้ำนะคะ ป้อนข้อมูลไปเลยว่า ทำไมถึงเทการ์ดไม่ได้ เพราะมันลื่น แล้วลูกก็จะ บลา บลา บลา
ส่วนเรื่องน้องทานข้าวยาก ขอมาต่อพรุ่งนี้นะคะ ตาปรือแล้วค่ะ แนะนำหนังสือคู่มือหน่อยค่ะ จริงๆมีเป็นสิบแต่เล่มนี้ข้อมูลเรื่องเด็กทานข้าวยากค่อนข้างแน่น หยิบใช้ได้ไม่ต้องกรองซักเท่าไร รายละเอียดหนังสือน่าจะลงได้ได้ไม่ผิดกฎเว็บ
หนังสือปกแข็งของ สนพ: หมอชาวบ้าน
ชื่อเรื่อง: สารานุกรมการเลี้ยงดูเด็ก มีเล่ม 1 และ 2
ผู้เขียน : นายแพทย์ มิชิโอะ มัตสุดะ
แปลและเรียบเรียงโดย : พรอนงค์ นิยมค้า
ราคา : เล่มละ 160
คุณฝ้ายซื้อเฉพาะเล่ม 2 ก็ได้ค่ะ เพราะน้อง 2 ขวบแล้ว ..เล่มแรกจะเป็นเด็กอ่อน ที่อ้อว่าไม่ค่อยปึ้กเท่าข้อมูลบ้านๆจากญาติโยมรอบๆตัวเรา เล่มสองสอยมาจาก ร้านนายอินทร์ สาขา พารากล้วย
น้องฝ้าย ต้องควบคุมพี่เลี้ยงหน่อยเป่าคะ เรื่องทำให้น้องกลัวเนี่ย สำคัญมาก ตอนเด็ก ๆ พี่โตมาแบบถูกหลอกให้กลัวนู่นนี่เหมือนกัน มันไม่ดีน่ะ ประมาณห้ามไปทุกอย่าง เด็กมันจะกลัวก่อนที่จะได้ลอง ลูกสาวพี่ อ่อนกว่าลูกน้องฝ้ายหน่อยนึง แต่ชีกล้ามาก ไปเพลกราวน์กัน พี่เป็นคนกลัวความสูง แต่ลูกพี่มันไปแล้ว ปีนไปเล่นสไลด์ตัวที่สูงที่สุด พี่แทบร้องไห้ เพราะพี่กลัวลูกตก ตอนนี้เลยพยายามจะให้พ่อเค้าเป็นคนพาไป เค้าไม่มีปัญหาเรื่องกลัวอะไร
ที่ไม่อยากให้หลอกเด็กว่าอย่าทำนั่นนะ อย่าทำนี่นะ มันเป็นการปลูกฝังให้เด็กเชื่อหรือกลัวอะไรที่มีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่กลัวไว้ก่อน เอาเป็นว่าโตมานี่พี่ยังถามตัวเองเลย ว่าไอ้ที่แม่เคยบอกว่า อย่านอนกินเด๋วเป็นงูเนี่ย มันยังไง ก็คือง่าย ๆ มันจะดูเหมือนคนขี้เกียจ นอนกินอย่างนั้นอย่างนี้ ตุ๊กแกจะมากินตับ หรือสร้างตัวละครให้เด็กกลัวหรืออะไรอีก ไม่ดีเลย
ถ้าลูกดื้อ ห้ามแล้วไม่ฟัง ก็ปล่อยให้เค้าได้ลอง (ถ้าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต) ปล่อยให้ทำค่ะ ถ้าเค้าเจ็บแล้วเค้าจะจำ แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ดึงลิ้นชักหนีบมือ ร้อง..... จำ เปิดตู้แล้วปิดกระแทกมือ ร้อง.....จำ etc. เด็กมันต้องได้ลองน่ะ ฉะนั้น คนเลี้ยงสำคัญ
พี่เลี้ยงลูกเอง แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างน้องฝ้ายนั่นแหละ หวงลูกมาก ก็นะ ลูกคนเดียวนี่ รักมากเป็นธรรมดา แต่ว่าอยากให้ปล่อยวางบ้าง อย่าโอ๋มาก เลี้ยงให้เค้าล้มแล้วลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ล้มแล้วเราวิ่งไปอุ้มหรือโอ๋เลย มันจะส่งผลถึงตอนโตน่ะ เป็นไรนิดหน่อย ก็อย่าพาไปหาหมอหรือ รพ.เลย ไม่สบาย ตัวร้อน ที่ทำได้ก็ให้ยาลดไข้ (สำหรับเด็ก) เด็กเล็กทำได้แค่นี้จริง ๆ ให้ทุก ๆ 4-6 ช.ม. คุมไม่ให้ไข้สูง ถ้าให้สองสามวันแล้วไม่ดีขึ้น อันนี้ถึงค่อยพาไปรพ. ลูกพี่ล้มตอน 6 เดือน คิ้วแตก พ่อเค้ายังไม่พาไปรพ. เลย ตอนนั้นพี่โมโห แต่สุดท้าย มันก็แห้งหายไปเอง ตอนนี้พี่มานึกดีใจที่เลี้ยงลูกที่เมกา อาจจะเป็นระบบ health care system ที่นี่มันห่วยแตกรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทำให้พี่เลือกที่จะอดทน หรือเลือกที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อน ที่จะพึ่งคนอื่น (โรงพยาบาล)
ปล. มีหลานที่ไทย เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้อง ปวดท้องนิดหน่อย (จริง ๆ ก็ปวดมากนั่นแหละ) แต่เค้าเป็นโรคกระเพาะ คือปวดท้องแทนที่แม่จะให้ยาลดกรด เด็กอาจจะเสียดท้อง หรือมีลมในกระเพาะมาก ก็ไม่ทำ บอกว่าลูกอยากไปรพ. สุดท้าย ลูกไปนอนรพ. หมอให้ยาลดกรด ลดลม แล้วก็หายปวด เสียเงินค่าหมอ ค่ารพ. โดยใช่เหตุ
ยังไงเอาใจช่วยนะจ๊ะ (เป็นเพียงความคิดพี่นะน้องฝ้าย ถ้าไม่ชอบยังไงพี่ขอโทษไว้ ก่อนนะจ๊ะ)