
- ***จริงหรือเปล่านี่****
-
โดย อัญชะลี ไพรีรัก4 พฤศจิกายน 2552 15:56 น.
ช่วงนี้เที่ยววุ่นวายไปช่วยพี่น้อง “การรถไฟฯ” กับ “มาบตาพุด” ต่อสู้กับความอยุติธรรม และช่วยพันธมิตรฯ ผู้หญิงจัดงาน “ร้อยบุปผาบานสะพรั่ง ร้อยพลังผู้หญิงไทยสู่การเมืองใหม่” เลยได้พบได้เห็นได้ยินแต่เรื่องน่าเขียนทั้งนั้น
คงจำกันได้ว่า พี่น้องพันธมิตรฯ แห่งเมืองดัลลัส เท็กซัส กลุ่มหนึ่งที่ไปรอรับนักการเมืองคนที่คุณก็รู้ว่าเขาเป็นใคร ที่สนามบินดัลลัส ในวันที่เขาโผเผไปหาหมอรักษามะเร็งที่ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง
พี่น้องของเรากลุ่มนี้ได้ชูป้ายต่อต้านเขาหลายป้าย หนึ่งในนั้นที่โดนใจพันธมิตรฯทั่วทุกสารทิศมากที่สุด คือ ป้าย “เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า”
ผลที่เกิดขึ้น ณ สนามบินในวันนั้นคือ ปลายรองเท้าราคาแพงของนักการเมืองชื่อกระฉ่อนคนนั้น พุ่งเข้าใส่พี่น้องพันธมิตรฯ ของเรา ยังมีพิษไม่สิ้นฤทธิ์แม้เจ้าตัวแทบจะพยุงร่างกายไม่ไหวแล้วก็ตามที...เวร กรรมจริงๆ
ขณะที่หนี้เลือดกำลังรอคอยการชดใช้ เจ้าตัวผู้ก่อเวรกรรม กลับนอนนิ่งไม่ไหวติงในโรงพยาบาลใหญ่กลางกรุงเทพฯ ด้วยร่างกายผอมซูบแต่ท้องโตเพราะตับเสียขับของเสียไม่ได้แล้ว สมองไม่ทำงานแล้ว แต่ลมหายใจยังรวยริน ทุกข์-ทรมานกับโรคร้าย ที่กำลังกัดกินร่างกายและวิญญาณของเขา
สิ้นเดือนตุลาคมแล้ว ญาติพี่น้องหวังว่าจะสิ้นคำเสียดสี...เวรกรรมได้ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์เสียที...อโหสิอีกหน
อีกด้านหนึ่งของซีกโลก มีพันธมิตรฯ สายหมอเล่าว่า ชายอีกคนหนึ่งกำลังทนทุกข์อยู่กับโรคร้ายที่มาเยือนด้วยความปวดร้าว ปากคอของเขาที่เคยปลิ้นปล้อนกับคนไทย กำลังทำหน้าที่สามหาวพ่นใส่คณะแพทย์ และพยาบาลที่ถูกเงินฟาดหัวเพื่อไปผดุงรักษาชีวิตของเขาถึง “ดูไบ”
& nbsp; คำหนึ่งก็ไอ้พวกหมอเสื้อเหลือง อีกคำก็ก่นด่าว่า ไอ้หมอทรยศ
เพราะการรักษาไม่เป็นตามเป้าหมาย โรคร้ายจึงลุกลาม ปากคอเราะรายของเขาก็สาดใส่ว่า พวกหมอเสื้อเหลือง-ไร้จรรยา-กลั่นแกล้ง
ร้อนถึงเหล่าบริวารต้องตระเวนหาผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งถึงยุโรป พร้อมจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์บางอย่างถึงเยอรมนี ไปติดต่อหมอกี่รายต่อกี่รายก็ได้แต่หมอส่ายหัว ส่วนเครื่องมือแพทย์ที่ถมซื้อเข้าไปกลายเป็นเหล็กเย็นเจี๊ยบในห้องแอร์ หรูหรา ...เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า - อย่างไร -โปรดติดตาม
แม้ใครต่อใครที่แห่กันไปเยี่ยมเยียนรีดไถ จะพากันบอกว่า ดูไบแข็งแรงไม่มีโรคร้ายมากล้ำกราย...ปากแข็ง
เพราะวงการแพทย์เขากระซิบกันปากต่อปากว่า อิริเดียมที่หมอใส่ไปในต่อมลูกหมากเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรงนั้น เกิดแตกอยู่ภายใน นี่นับว่าเป็น 1 ในล้าน ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เมื่อธาตุผลิตรังสีมีปัญหา ผลคือ เม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดขาว ปรวนแปร
ร้อนถึงหมอไทยใจแดงต้องกลับมาติดต่อซื้อเลือดไปแก้ไข แรกๆ ก็ดีขึ้น เติมเลือดไม่มากไม่มายแค่ 3 เดือนครั้ง ต่อมาการรักษาไม่ดีดังใจนึก หมอต้องย่นระยะเวลาเข้ามาอีก และเข้ามาอีก ซื้อมาซื้อไป ซื้อเร็วไปหน่อย เลยถูกจับได้ว่าเลือดบริจาคถูกซื้อไปใช้ในต่างแดน
ผิดกฎผิดระเบียบอย่างจัง เพราะเลือดมีไว้ใช้กับคนไข้ในประเทศ เท่าที่มียังน้อยไปด้วยซ้ำ จนบางครั้งแทบไม่พอใช้ ต้องเรียกบริจาคกันวุ่นวายให้พบเห็นอยู่ออกบ่อย
ทำไปทำมาหาเลือดใหม่ไปให้ไม่ได้ หมอเสื้อกราวด์แดงเลยออกไอเดียบร รเจิดให้เจาะเลือดจาก “ทาสในเรือนเบี้ย” ที่คอยมาแทะมารีดไถไม่เว้นแต่ละเดือนเอาเสียเลย
เข้าทำนองมึงสูบเลือดจากกูได้ ทำไมกูจะสูบกลับมาไม่ได้เล่า แต่เขาคงชะล่าใจ เพราะเลือดฟรีมีให้กับคนดี แต่กับคนอย่างนี้ “เลือดมีไว้ขาย” เท่านั้น
ดังนั้น กระบวนการสูบเลือดสูบเนื้อจากคนดูไบจึงยังดำเนินต่อไป กลายเป็นธุรกิจข้ามชาติที่ทำเงินให้ “ทาส” เป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะพวกกรุ๊ปเดียวกัน เหมือนได้โชคทองโดยไม่ต้องส่งซองมาม่าไปลุ้นรับ เพราะพี่แกเล่นเรียกค่าถ่ายเลือดเหมากรุ๊ปเที่ยวละ 1 ล้านบาท กรุ๊ปแรกเพิ่งผ่านไปหมาดๆ แบ่งกันกินกันใช้ ได้ตังค์กันมาหลายคนทีเดียว
กว่าจะหาย หรือตาย พี่ดูไบคงถูกไถหมดเนื้อหมดตัว...เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้าจริงๆ
Posting Permissions
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
Forum Rules