รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณคุณนีน่ามาก ๆ เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย
รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณคุณนีน่ามาก ๆ เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย
แครก .. แครก .....
ลากเก้าอี้ และ ป๊อปคอร์น มานั่งรอค๊าาา
มาเพิ่มเติมจ้า สำหรับเมืองไทย SPF 60 โลดค่ะ และทา 2 รอบเป็นอย่างต่ำ เพราะช่องว่างระหว่างโมเลกุลครีมกันแดดที่เราทาไม่ทั่วนี่แหละค่ะ ต้นเหตุการเกิดเจ้ากระดำๆหล่ะค่ะ แต่เลือกกันแดดแบบเนื้อแป้งนะคะ จะได้ไม่อุดตัน และใช้ Cleansing เช็ดออกด้วยนะคะ
ปล. ชอบห้องนี้จัง รู้สึกว่าตรง Specialty เพิ่งรู้ว่ามีนะเนี่ย![]()
มาต่อกันจาก 10 Step Beauty นะจ้ะเสต็ปแรกเลยคือ คอนซีลเลอร์
สำหรับการแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดนั้น ให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์, รองพื้น, และแป้งที่มีส่วนผสมของสีเหลือง เพราะเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเฉดสีเดียวกัยผิวแล้วจะช่วยทำให้การเกลี่ยนั้นเรียบเนียนและดูเป็นผิวมากขึ้น
ถ้าต้องการที่จะปกปิดรอยคล้ำใต้ดวงตา ให้ลง Concealer ใต้ดวงตาด้วยแปรงคอนซีลเลอร์ แล้วเกลี่ยให้ชิดแนวขนตาและหัวตาด้านใน หลังจากนั้นค่อยๆใช้นิ้วกดลงไปเบาๆเพื่อทำให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ส่วนคนที่มีรอยคล้ำใต้ดวงตามากกว่าปกติให้ลง Correcter ที่มีสีชมพู หรือสีส้มลงไปก่อน แล้วค่อยลง Concealer ทับลงไปอีกชั้นหนึ่ง
เคล็ดลับของ Bobbi Brown
Concealer ใต้ดวงตาควรจะสว่างกว่าโทนสีผิวหนึ่งเฉด ถ้าลงคอนซีลเลอร์ไปแล้วเป็นสีเทาแสดงว่าสีอ่อนไป แต่ถ้าเป็นสีเหลืองมากๆแสดงว่าสีเข้มไป และลง concealer ทับบริเวณรอยคล้ำของหัวตาด้านในจะช่วยให้ดวงตาดูสว่างสดใสขึ้นค่ะ
Step 2 Foundation
การเลือกสีรองพื้นให้เหมาะกลมกลืนกับผิวหน้านั้น ให้แต้มรองพื้น 2-3 สี บริเวณด้านข้างของใบหน้าแล้วเลือกสีในแสงธรรมชาติ โดยโทนสีทีกลืนไปกับผิวคือสีที่ถูกต้อง
ใช้นิ้วมือ หรือฟองน้ำ หรือแปรงเกลี่ยรองพื้นบริเวณที่ต้องการปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ (โดยเฉพาะรอบจมูกหรือปาก)
ถ้าต้องการปกปิดรอยต่างๆ ให้ใช้รองพื้นแบบแท่งหรือว่า คอนซีลเลอร์ที่มี "สีเดียวกับผิว" โดยใช้นิ้วมือเกลี่ยให้กลมกลืน
เคล็ดลับของ Bobbi Brown
ควรจะมีรองพื้นไว้ 2 เฉดสี โดยเฉดแรกเอาไว้ใช้ตอนหน้าหนาว และอีกเฉดหนึ่งซึ่งมีสีเข้มกว่าเล็ดน้อยเอาไว้ใช้ตอนหน้าร้อนเพราะเป็นช่วงที่สีผิวเข้มขึ้นมากกว่า
ทางเลือกของคนที่ชอบรองพื้นเนื้อบางเบาหรือผิวหน้าที่ไม่ต้องการการปกปิดมากให้ลองใช้ Tinted Mosturizer ในการปรับสภาพสีผิวดู
เพื่อช่วยให้ผิวแลดูมีชีวิตชีวาให้ใช้แปรงปัด "บรอนซิงพาวเดอร์" เบาๆลงบนบริเวณผิวที่ต้องแสงแดดอย่างเช่น แก้ม, หน้าผาก, จมูกและปลายคาง
รับทราบค่ะ รอสเต็ปที่สามต่อไป ผู้หญิงอย่าหยุดสวยนะคะ
จากเสต็ปที่ Concealer กับ Foundation เราก้อมาเริ่มขั้นตอนของแป้งกันนะจ้ะ
Step 3 Powder สำหรับใต้ดวงตา การไม่ให้ Concealer จับเป็นคราบแต่ว่าติดทนนานให้ลงแป้งฝุ่นสีออกเหลือง และใช้สีออกขาว สำหรับคนที่ผิวขาวมาก ทับลงไป Concealer โดยใช้แปรง eye blender หรือ mini powder puff
ปัดแป้งที่เหลือโทนสีเดียวกับผิวให้ทั่วหน้าส่วนที่เหลือด้วย Powder puff หรือแปรง powder
ถ้ารู้สึกว่าผิวแห้งให้ปัดแป้งเฉพาะบริเวณรอบๆจมูกและหน้าผากเท่านั้น
Step 4 Blush ใช้วิธีการยิ้มแล้วปัดสีแก้มโทนธรรมชาติลงบนบริเวณพวงแก้มด้วยแปรง blush ปัดขึ้นไปจนถึงไรผมและวปัดลงเพื่อให้สีกลมกลืน
เพื่อให้สีติดทนนาน ปัดแก้มในโทนสีสว่าง ลงบนพวงแก้มเท่านั้น ทับลงบนสีธรรมชาติที่ปัดไว้ครั้งแรก ถ้าต้องการเพิ่มความสดใสให้กับผิวให้ปัด Shimmer ลงบนโหนกแก้มด้วย
เคล็ดลับคือ เคาะสีปัดแก้มส่วนเกินออกจากแปรงก่อนที่จะปัดลงบนแก้ม สำหรับคนที่ผิวแห้ง blush แบบครีมก้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน
Step 5 Lipstick/Gloss เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดและทำให้ริมฝีปากเรียบเนียน โดยการที่ใช้ผ้าเปียกน้ำมาถูลงบนริมฝีปากเบาๆเพื่อขัดลอกเซลผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป
ลิปสติกโทนสีกลางๆ ลิปเชียร์ ลิปกลอส สามารถทาได้จากแท่งโดยตรง ส่วนสีที่เข้มๆหรือโทนสีที่สว่างให้ใช้แปรงในการทาเพื่อความเรียบเนียนของสี
Step 6 Lip liner เพื่อที่จะให้รอมฝีปากดูเป็นธรรมชาติและป้องกันไม่ให้สีของลิปสติกเลยขอบปาก ให้วาดขอบปากด้วยดินสอเขียนขอบปาก "หลังจาก" ทาลิปสติกแล้ว ใช้แปรงเกลี่ยและทำให้สีขอบที่เข้มดูเนียนขึ้น
เคล็ดลับ ใช้ริมฝีปากธรรมชาติ (ด้านใน) ของคุณเป็นแนวทางในการเลือกสีลิปสติก สีที่สวยทีสุดสำหรับคุณคือ สีที่เป็นสีเดียวกับริมฝีปากคุณหรือเข้มกว่าเล็กน้อย
สำหรับคนที่ริมฝีปากบาง เลือกใช้โทนสีลิปสติกใน โทนสีอ่อนหรือปานกลางและหลีกเลี่ยงโทนสีเข้มที่จะทำให้ปากคุณยิ่งดูเล็กลงไปอีก
ถ้าต้องการให้ลิปสติกหรือกลอสติดทนนานให้วาดขอบปากและเตอมสีด้านมนด้วยดินสอเขียนขอบปากก่อนทาลิปคัลเลอร์