อ่า.. ก่อนแรกต้องขอบคุณคุณดิวมากนะคะสำหรับที่เตือนเพื่อนๆ
ขออนุญาตเสริมนิดนึง เพราะพอดีเป็นคนนึงที่กิน vitamin C เกือบทุกวัน แล้วก็ชอบทานกุ้งมาก โดยเฉพาะกุ้งอบเกลือนี่ของโปรด กินเป็นหม้อเลย
ตอนได้อ่านข่าวนี้แปลกใจ และ งง นิดหน่อย
ข่าวนี้ดังมากค่ะ...
แต่
หลังจากนั้นพักนึงได้มีกระแสข่าวออกมาอีก ไม่ว่าจะเป็นจากหมอ หรือจากนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ และอื่นๆ รวมถึงได้มีการลงหนังสือพิมพ์เป็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว
ขออนุญาตอ้างอิงข้อมูลจากเว็บ: http://www.innovaclub.net/SMF-Board/...e;topic=3667.0
หัวข้อ: Re: vitamin c vs shrimp กลายเป็นสารหนู จริงหรือเปล่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ชลพนา ที่ ตุลาคม 22, 2007, 08:58:19 am
--------------------------------------------------------------------------------
บางส่วนจากคมชัดลึกวันนี้
จากข้อความดังกล่าว"คม ชัด ลึก" สอบถามไปยัง รศ.ดร.เอมอร วสันตวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง รศ.ดร.เอมอร กล่าวว่า เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสื่อมวลชนหลายแขนงสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกุ้งกับวิตามินซีว่า เป็นไปตามที่อีเมลสยองฉบับข้างต้นกล่าวอ้างจริงหรือไม่ซึ่งก็ได้ค้นข้อมูลรายงานการวิจัยและรายงานวิชาการจากองค์กรอนามัยโลก (ฮู) ปรากฏว่าไม่พบรายงานหรือข้อมูลอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เชื่อมโยงระหว่างปฏิกิริยาทางเคมีของการกินกุ้งกับวิตามินซีแต่อย่างใด และเมื่อปรึกษาไปยังผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษจากอาหาร ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่อ้างถึงเรื่องนี้มาก่อน
ผอ.สถาบันวิจัยโภชนาการกล่าวต่อว่า เมื่อได้อ่านอีเมลสยองดังกล่าวอย่างละเอียดก็พบจุดน่าสงสัย 4 ประการคือ 1.ไม่มีชื่อหญิงชาวไต้หวันที่เสียชีวิต 2.ไม่มีชื่อและสถาบันของผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวช 3.ไม่มีชื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก และ 4.มีการอ้างปฏิกิริยาเคมีที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทำให้เชื่อว่าเป็นเพียงอีเมลหลอกลวงที่เขียนขึ้น โดยอ้างหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ตามข้อเท็จจริงสัตว์ทะเลประเภทกุ้งจะมีสารประกอบอาเซนิกอยู่จริงแต่น้อยมาก และเป็นฟอร์มหรือรูปแบบที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายคน นอกจากนี้ยังไม่เคยพบว่าสารประกอบวิตามินซีไปทำปฏิกิริยาทางเคมีกับสารอาหารใดในร่างกายคน
อีเมลหลอกลวงนี้อ่านแล้วดูขลังและน่าเชื่อถือ เพราะมีอ้างสูตรเคมีแบบวิทยาศาสตร์และอ้างตำแหน่งศาสตราจารย์ และผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ไม่มีการเขียนชื่อจริงเลย ยิ่งไปกว่านั้น สูตรเคมีที่อ้างว่าเป็นสารหนูหรืออาเซนิกไตรออกไซด์ ก็เป็นสูตรเคมีของสารหนูจริง แต่ไม่ได้เกิดจากการผสมระหว่างวิตามินซีกับการกินกุ้ง ส่วนใหญ่คนกินอาหารทะเลแล้วเกิดอาหารเป็นพิษร้ายแรง ก็จะเกิดจากสัตว์ทะเลตัวนั้นมาจากแหล่งน้ำที่สกปรก แล้วเกิดสะสมสารพิษในตัวมัน เมื่อคนกินเข้าไปร่างกายจึงได้รับความผิดปกติ และหากพิษแรงมากร่างกายก็จะขับออกมาโดยการอาเจียนทันที สรุปคืออีเมลฉบับนี้เป็นการหลอกลวง เพื่อให้คนอ่านตื่นตระหนก ไม่มีข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์เลย รศ.ดร.เอมอร กล่าวอธิบาย
=============================================
และข้อมูลอีกส่วนนึงจากเว็บ: http://th.answers.yahoo.com/question...1213945AAWC4I3
ตามปกติสารหนูนั้นมีในกุ้งอยู่แล้ว(มีประมาณ 0.2 มก/ กก) จากกระบวนการเพาะเลี้ยง หรืออาหารต่างๆ ครับ แต่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย (ปกติห้ามเกิน 2 มก/กุ้ง 1 กก)
วิตามินซีมักพบในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แต่สารมารถสลายตัวได้ง่าย เมื่อโดนความร้อน กับความชื้น ฉะนั้นอาหารที่ผ่านการหุงต้ม จะเหลือวิตามินซีอยู่น้อยมากๆๆ (เว้นซะแต่เธอจะกินดิบ บีบมะนาวใส่ หรือหลังจากกินกุ้ง ไปกินวิตามินซึเม็ดเพียวๆ อีกซักกำสองกำ)
As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ
หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนู พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ของซัลฟีดรีลขัดข้อง
เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน
เส้นโลหิตฝอยขยายตัว ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
เปลือกกุ้ง เป็นสารไคติน มีธาตุ C,H,O,N เป็นองค์ประกอบ
เนื้อกุ้ง เป็นโปรตีน มี มีธาตุ C,H,O,N เป็นองค์ประกอบ
วิตามินซี คือกรดแอสคอบิก มีธาตุ C,H,O เป็นองค์ประกอบ ยังดูไม่ออกเลยว่าปฏิกิริยาที่ว่า จะเอา As (ธาตุอาร์เซนิก) มาจากไหน หรือถ้าเอามาจากในตัวกุ้งที่มีแล้วมันก็มีในระดับที่ปลอดภัยนะ ธาตุอื่นไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็ธาตุใหม่ได้
โดยส่วนตัวไม่เชื่อนะ น่าจะเป็นสารปนเปื้อนที่เกินระดับมาตรฐานมากกว่า
=================================================
ลองพิจารณาควบคู่กันดูนะคะ
ระมัดระวังในการทานอาหารเป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพราะว่ากุ้งเองก็คอเลสเตอรอลเยอะ
โดยเฉพาะใครชอบกินหัวกุ้งน้า ตัวดีเลย ระวังท้องเสียด้วย :]
จากเนื้อข่าวอ้างอิง เราว่ากุ้งน่าจะกินกับวิตามินซีได้นะคะ ไม่น่ามีปัญหา
ข่าวนั้นอาจเกิดจริงหรือไม่ ไม่มีทางรู้ได้ สมมติว่าเกิดจริง กุ้งที่เขากินอาจเป็นกุ้งที่ปนเปื้อนสารอันตรายก็เป็นได้ กุ้งอาจถูกถ่วงด้วยตะกั่วเพื่อให้น้ำหนักมากขึ้นเพื่อการค้าขายก็เป็นได้??
แต่ต่อให้ถูกถ่วงด้วยตะกั่วจริง ไม่ต้องกินวิตามินซีควบคู่ก็คิดว่ามันคงน่าจะทำให้คนเสียชีวิตได้เหมือนกัน ถ้าได้รับไปในจำนวนมาก
ยังไงก็ควรทานอย่างระมัดระวัง อย่าให้มากเกินไปทั้งวิตามินซี และ กุ้งนะคะ โดยเฉพาะกุ้งควรทำให้สะอาดก่อนทาน รวมถึงถ้าเป็นไปได้ พยายามทานสุกๆนะคะ หลีกเลี่ยงพยาธิหรือแบคทีเรียอื่นๆ
และพยายามอย่าทานหัวกุ้งได้จะดีต่อสุขภาพมากกว่านะคะ สำหรับตัวกุ้ง ควรผ่าเอาเส้นสีดำๆหลังกุ้งออกก่อนทานด้วยก็ดีค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าทานมากเกินไป อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ทั้งนั้นค่ะ เพราะฉะนั้นควรทานแต่พอดีนะคะ
^_^
เชื่อไหม...แค่เปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณก็เปลี่ยนชีวิตได้...