อ่านเรื่องนี้แล้วนึกได้ ตอนเด็กๆ เราก็นิสัยไม่ดี ชอบไปเม้าท์คนอื่นว่าไม่สวย ทั้งๆ ที่ตัวเราเองก็ไม่ได้สวยเล้ย... (มีแค่ผิวดี และขาเรียวแค่นั้น) เห็นคนใส่กระโปรงสั้น แต่ขาไม่สวย ก็แอบว่าเค้า ว่าขาลายแล้วยังจะใส่สั้นอีก หรือเห็นคนอวบๆ ใส่ชุดรัดๆ ปลิ้นๆ หน่อย ก็แอบว่าเค้า เป็นคนที่ผิวหน้าไม่สวย เป็นสิว แล้วแต่งหน้าหนาๆ เพื่อกลบ ก็ไปค่อนแคะเค้าอีก แต่ทั้งหมดนี่ไม่ได้พูดต่อหน้าเค้านะคะ พูดลับหลังทั้งนั้น แถมหัวเราะเยาะอีกต่างหาก...
วันนึงแม่ได้ยินเราว่าคนขาใหญ่ แล้วใส่สั้นๆ แม่ก็บอกว่า ไปว่าเค้าเงี้ยะ เดี๋ยวเกิดวันนึงเราไม่สวยขึ้นมา แล้วจะรู้สึก ตอนนั้นได้ยินแม่บอก เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกค่ะ คิดว่าแหม... แม่ก็เว่อร์ซะ ถ้าเราจะไม่สวยขึ้นมา ก็คงไม่น่าเกลียดหรอกน่า...
เมื่อปีที่แล้ว ปรากฏว่าไม่สบาย เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ซึ่งทำให้ผอมมากๆ เหลือแต่กระดูกอ่ะค่ะ น้ำหนัก 38 เอง แล้วก็ผิวแห้ง เป็นสิวมากมาย ทั้งที่เกิดมาไม่เคยเป็นสิวเลย เพิ่งมาเป็นเพราะฮอร์โมนไม่ปกติจากโรคไทรอยด์นี่แหละค่ะ เป็นสิวที่หลัง และที่หน้าอกด้วย แถมขนคุด ขาลายน่าเกลียดมากๆ ตอนนั้นจะใส่ชุดอะไรก็ไม่สวย จะบำรุงผิวยังไง ก็ยังผิวแห้งผาก ไม่มีน้ำมีนวล กระโปรงสั้น กางเกงขาสั้นนี่เก็บไปได้เลย ไม่กล้าใส่อีกเลย เสื้อผ้าก็ต้องใส่แบบปิดมิดถึงคอ เพื่อไม่ให้เห็นสิวที่หลังและหน้าอก
สรุปว่าโทรมน่าเกลียดมากๆ แบบว่าไม่ค่อยออกจากบ้าน ไม่อยากเจอผู้คนกันเลยทีเดียว... ตอนนั้นนึกถึงที่แม่บอกเลยค่ะ ที่ว่าเราไปว่าคนอื่นเค้ามากๆ แล้วพอตัวเองมาเป็นเอง ถึงได้รู้สึก แล้วอีกอย่าง พอเกิดไม่สบาย และไม่สวยขึ้นมาอย่างนั้น ก็ทำให้รู้ซึ้งถึงสัจธรรม อนิจจังวัตสังขารา สังขารใดก็ไม่เที่ยงแท้...
ยังโชคดีที่ตอนนี้รักษาตัวจนดีขึ้นแล้ว น้ำหนักเพิ่มขึ้นแล้ว ผิวกลับมาดีแล้ว ขาไม่ลายแล้ว แต่ยังมีรอยแผลเป็นสิวอยู่ เดี๋ยวจะไปเลเซอร์ออกให้หมดก็น่าจะโอเค
จริงๆ ก็เลิกว่าคนอื่นตั้งแต่โตขึ้นมาแล้วล่ะค่ะ ที่ไปว่าเค้าน่ะ ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถม มัธยมเอง... แต่ก็นะ กรรมมันก็ยังมาตามส่งผลอยู่ดี ตามทันกันในชาตินี้เลยไม่ต้องรอนาน...
ก็ได้เรียนรู้สัจธรรมอย่างดีเลยค่ะ