เรื่องเล่าจากบ้านนอก..ครอบครัวอัศจรรย์


คำว่าอัศจรรย์ที่ประทับใจผมที่สุดไม่ใช่การอัศจรรย์แหวกฟ้า แหวกน้ำ

แหวกทะเลแดง เก้าอี้ลอยได้ หรือคนหายโรค

เพราะเหล่านั้นผมเชื่อว่าอย่างไรก็เกิดแน่นอนอยู่แล้ว

แต่หลังจากการอัศจรรย์เหล่านั้นที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าคือชีวิตของคนอัศจรรย์

ที่เปลี่ยนไปสู่ความบริบูรณ์เพราะพระเยซูคริสต์มาให้ชีวิต

และให้อย่างครบบริบูรณ์

มีครอบครัวหนึ่งมาเชื่อพระเจ้าเมื่อ ปี 2002

เพราะว่าลูกสาวมาเชื่อพระเจ้าก่อน ลูกสาวอายุ 17 ปี

คนโตเป็นโรคมะเร็งที่ถุงน้ำดีป่วยหนักต้องเข้ารับการรักษา

และขณะที่เดินทางไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่จังหวัดพิษณุโลก

การไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลครั้งนั้น

ทำให้ได้พบกับภรรยาผู้รับใช้ท่านหนึ่ง

ได้การเป็นพยานและรับเชื่อในพระเยซูคริสต์

แม่และลูกสาวจึงพากันมาที่คริสตจักร

ปีแรกที่ผมพบครอบครัวนี้ เป็นครอบครัวที่ค่อนไปในทางความทุกข์

คนเป็นมะเร็งหนทางรอดยากมากพระเจ้าเท่านั้นช่วยเขาได้

คุณพ่อเดินทางไปทำงานที่กรุงเทพเพื่อหวังจะได้เงินมาจุนเจือครอบครัว

และจ่ายค่ารักษาพยาบาลลูกสาว เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

ก็ได้เงินเดือนนึงหลายหมื่นบาท

แต่เนื่องด้วยรายจ่ายตลอดจนสภาวะต้องดูแลลูกน้อง

รวมทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจ

ก็แทบจะไม่มีเงินส่งกลับมาบ้าน

ลูกชายคนเล็กกำลังอยู่วัยรุ่นอายุ 14-15 ปี

ก็เข้าแก๊งค์รถซิ่งหายหน้าหายตาไม่ค่อยเข้าบ้าน

มีเรื่องมีราวถึงขนาดคู่กรณีเอาระเบิดมาขว้างใส่บ้าน

ดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร

วันแรกที่ผมได้อธิษฐานเผื่อคือนอกจากเรื่องความป่วยไข้ของลูกสาวแล้ว

ยังได้วางมืออธิษฐานเผื่อที่ดิน 8 ไร่

ของครอบครัวนี้ที่ประกาศขายเพื่อเอามาใช้หนี้

ผมถามบอกว่า

“พ่ออ้ายไม่ขายไม่ได้หรือ เรามาอธิษฐานอธิษฐานให้พระเจ้าอวยพรผืนดินให้มี

เงินมาใช้หนี้”

แล้วผมก็อธิษฐาน

.... อัศจรรย์ที่พระเจ้ากระทำอย่างต่อเนื่องกับผู้ที่วางใจในพระองค์ครอบครัวนี้

มีมาตลอด 2 ปีกว่า เป็นพระคุณพระเจ้าที่ชัดเจน..
.
เรื่องที่แรก ขอบคุณพระเจ้าลูกสาวหายจากโรคมะเร็งเด็ดขาดไม่มีอาการ

และเมื่อผ่านการตรวจมากว่า 2 ปี หายสนิทจริง ๆ แพทย์ที่โรงพยาบาลโรค

มะเร็งที่ลพบุรีบอกเป็นครั้งท้ายสุดว่า


“ แพทย์ตรวจหลายครั้งแล้ว ขอบอกว่านับตั้งแต่นี้เป้นต้นไปไม่ต้องมาให้หมด

เห็นหน้าอีกแล้ว หายสนิท ไม่มีเชื้อมะเร็งหลงเหลือเลย”

ปัจจุบันน้องคนนี้เป็น Staff คริสตจักรและ หน.แคร์

เรื่องที่ 2 ลูกชายคนเล็กเลิกเป็นแก๊งค์รถซิ่งมาเป็นแก๊งค์ทีมนมัสการ

ของคริสตจักร แต่ก็ไม่ค่อยกลับบ้านเหมือนเดิม

เพราะชอบมามั่วสุมอยู่ที่บ้านศิษยาภิบาล

เช้าก่อนไปโรงเรียนก็มาโบสถ์ก่อน กลับจากโรงเรียนก็มาโบสถ์ก่อน

อาการซ่ากวนเมืองหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเอาระเบิดไปปาบ้าน

ถ้าเขาปาเพราะผลงานเด็กคนนี้แล้วโบสถ์โดนก่อนแหงเลย

เพราะอยู่โบสถ์มากกว่าอยู่บ้าน

ปัจจุบันเป็น หน.แคร์ทีนและประธานชมรมคริสเตียนในมหาวิทยาลัย

ชมรมที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัยมีสมาชิกชมรมกว่า 500 คน

เรื่องที่ 3 .. คุณพ่อก็กลับมาอยู่บ้านแล้วมาทำไร่นาสวนผสมในพื้นที่ 8 ไร่

ไม่ไปทำงานกรุงเทพแล้วแม้ว่าใครจะมาว่าจ้าง มาเหมางาน

หรือให้ค่าแรงกว่าวันละ หลายพันบาท


ก็ไม่ไปเพราะเป็นหัวหน้าแคร์แล้วงานพระเจ้าสำคัญกว่า

ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาและน่าจะมีความสุข

มากกว่าเศรษฐีส่วนมากเสียอีก

.... ลองคิดดูนะครับ หลับตานึกภาพครอบครัว 4 พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน

ทั้งสี่ท่านเป็นทีมงานดาวิดคริสตจักรทั้งหมด พ่อเป็นหัวหน้าแคร์

แม่เป็นพี่เลี้ยง ลูกสาวเป็น เจ้าหน้าที่งานเอกสารทะเบียนคริสตจักร

และเป็นหัวหน้าแคร์สถาบัน

ลูกชายคนเล็กเป็นทีมนมัสการและ หน.แคร์ทีน

ที่บ้านปลูกอยู่ไม่ไกลคริสตจักรนัก

อยู่ท่ามกลางธรรมชาติชานเมือง มีสวนผักปลอดสารพิษ

ปลูกสารพัดพรรณไม้ ไม่ว่าสะตอ มะม่วง ชมพู่ ผักสารพัดชนิด

มีรายได้จากสวนผักประมาณวันละ 1,000 บาท

ต้นก็ทุนต่ำมากเพราะลงแรงกันเอง พ่อ แม่ ลูก

และทั้งตลาดรู้เลยว่าผักเจ้านี้ปลอดสารพิษลูกค้าประจำเยอะมาก

กำละ 2 บาท ขายได้วันละ 1,000 บาท แสดงว่ามีลูกค้ามาซื้อประมาณ 500

กำ เศรษฐีจำนวนมากยังอยากมีชีวิตในธรรมชาติบ้านสวน

ริมนา ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โห สุขสุด ๆ

... ก่อนที่จะมาเป็นผักปลอดสารพิษนี้มีปฐมเหตุคือ เมื่อเชื่อในพระเจ้า

ทั้งครอบครัว คุณพ่อก็ไม่ต้องไปทำงานกรุงเทพเพราะติดคริสตจักร

ไม่อยากไปไหน ต้องหาอาชีพ

พระเจ้าก็อวยพรให้มีตลาดใหม่เกิดขึ้นข้างคริสตจักร เปิดให้จองฟรี

ก็จองไว้มานั่งขายผักเป็นกำ ๆ แรก ๆ ผมไปเยี่ยม

เคยตั้งคำถามว่า "ใช้สารเคมีหรือเปล่า"

คุณพ่อก็สาธยาย ว่า กอ่นปลูกผัก 1 งาน

ต้องฉีดยาฆ่าหญ้า เป็นอันดับแรก

พรวนดินแล้วก็หว่านสารเคมีคุมกำเนิดหญ้า

ปลูกก็คลุกเมล็ดด้วยฟูราดานป้องกันแมลงมากินเม็ด

พอผักโตก็ฉีด พาราคว๊อด หรือสารพัด ทั้งยาน็อค ยาเชื้อ ยาฆ่า

พอวันเก็บผักก็ฉีดเพื่อฆ่าแมลงแล้วก็เก็บเลย

หากเป็นต้นหอม ผักชี คึ่นช่าย ก็ต้องจุ่มฟอร์มาลีนเพื่อให้ต้นแข็งอีกที

(ขอบอกว่าว่านี่คือเรื่องจริง สวนผักทำอย่างนั้นจริง ๆ)

พระคำภีร์ผุดขึ้นมาในหัวใจทันที ด้วยอยากให้พี่น้องได้รับพร

ครอบครัวนี้ก็ถวายสิบลดแล้ว จึงพูดว่า

“เอา หละ เรามาทวงสัญญาพระเจ้ากัน ตาม มลค.3.10 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่าจงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลังเพื่อว่าจะมีอาหารใน นิเวศของเราจงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่าเราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ ให้เจ้าและเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่”

ทวงพระสัญญาแล้วก็เริ่มสอนว่าเรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองใช่ไหม

ผักถ้าปลูกเราต้องฉีดยาฆ่าแมลง ใช้สารเคมีมากมาย

จนกว่าผักจะออกจากสวน

ที่ลูกสาวป่วยเพราะอยู่ในย่านสวนผักที่เต็มไปด้วยเคมี

วันนี้เรามาทำหน้าที่ชาวสวนผักอย่างคนของพระเจ้า

เรายังไม่อยากทานผักที่ฉีดยาเลย เราจะวางยาลูกค้าเราตายผ่อนส่งนา

ฐานะเราเป็นลูกพระเจ้าต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า

ปลูกผักปลอดสารดีกว่า ไม่ต้องกางมุ้ง ไม่ต้องฉีดยา

ไม่ต้องใช้สารเคมี แต่ใช้ สูตรอัศจรรย์ มลค.3.10

อัศจรรย์ครับ พอเดือนแรกที่ลงปลูกหนอนมาทดลองเลยครับ

เช้าตรู่วันหนึ่งมีเสียงมาเรียกที่หน้าคริสตจักร

“อาจารย์ อาจ้าน หนอนมันมาแล้วทำไงดี”

ผมเองยังตกใจเหมือนกัน มาได้ไงเสียฟอร์มหมด อธิษฐาน ๆ ๆ

รุ่งขึ้นอีกวันคุณพ่อบ้านก็มาเรียกอีกแล้วด้วยเสียงตื่นเต้นกว่าเดิม

“อีกว่าอาจารย์ มันมาแล้ว”

อ้าวอะไรมาอีก ( ผมสงสัยเพราะเราใช้ได้ผลทุกครั้งนี่นา )

พี่น้องบอกว่า "อาจารย์ ไอ้ที่มานั่นหนะ มดแดงที่ต้นมะม่วงเดินพาเหรดลงมากิน
ตัวหนอนจนหมดสวน"

อัศจรรย์พระเจ้าใช้มดขนาบตัวทำลาย....มดก็ทำงานอย่างนี้

จนถึงพฤศจิกายน พอกำหนดฤดูหนาวมาแล้ว

คุณพ่อของบ้านนี้ก็บอกว่าอธิษฐานเผื่อสวนผักผมหน่อยครับอาจารย์

หน้าหนาวมดแดงไม่ลงจากต้นไม้ ... ( พึ่งมดแดงไม่ได้แล้ว )

คือปกติของเจ้ามดแดงแฝงพวงมะม่วงเค้าจะไม่ลงจากต้นไม้ในฤดูหนาว

... แต่วันรุ่งขึ้นอัศจรรย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้น

พี่น้องในคริสตจักรไปที่บ้านครอบครัวนี้เต็มไปหมด

เพราะไปดูฝูงนกนางแอ่น บินมาเต็มสวนบินเลียดยอดผักจับแมลงกิน

เป็นหลาย ๆ พันตัว ดำพรืดไปหมดน่าดูจริง ๆ

บินโฉบไปจัดการแมลงและหนอนที่ยอดผักต้นแล้วต้นเล่า

สวนอื่นนกไม่กล้ากินเพราะสารพิษ แต่สวนนี้นกกินแมลงที่สวนได้

เพราะปลอดสารพิษ

... นี่แหละภาพชัดเจนที่บอกว่าเราจะขนาบตัวทำลายในเรือกสวน

ไร่นาของเจ้า .. อวยพรยุ้งฉาง เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า

เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า

และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วงพระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ

เป็นอัศจรรย์อย่างที่ 3 ที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ พระเจ้าขนาบตัวทำลาย

ในเรือกสวนไร่นา ได้บรรยากาศในพระสัญญาจริง ๆ

ปัจจุบันคุณพ่อเป็น หัวหน้าสถานนมัสการตำบลมีสมาชิกกว่า 30 คน

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับครอบครัวอัศจรรย์


อ้างอิงจาก

P.WJ
ชั้นปริญญาเอก

biblediscuss