Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 2 1 2 LastLast
Results 1 to 10 of 44

Thread: ขอคำปรึกษาเรื่องกู้เงินซื้อบ้านครับ

Hybrid View

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0

    ขอคำปรึกษาเรื่องกู้เงินซื้อบ้านครับ

    ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วครับ ขออนุญาตใช้พื้นที่ ขอคำปรึกษาเพื่อนๆใน SBN และขอถือโอกาสระบาย

    ไปในตัวนะครับ



    เรื่องราวอาจจะยาวหน่อย ยังไงต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ ผมจะค่อยๆเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายที่สุด

    ครับ


    เรื่องของเรื่อง คือ เมื่อสิ้นปีก่อน แฟนผมขอร้องให้ผมช่วยเป็นคนกู้เงินซื้อบ้านให้เค้าหน่อย เนื่อง

    จากว่าครอบครัวเค้า พ่อติดแบล็คลิสต์ แม่ไม่ได้ทำงาน ตัวเขาเองมีภาระผ่อนรถกลัวจะยื่นกู้ไม่ผ่าน

    เลยขอร้องให้ผมช่วยยื่นกู้ให้หน่อย วงเงินกู้ 5.5 ล้านบาท ปรากฎว่ากู้ผ่าน ได้ 100 % ครับ


    ส่วนการผ่อนรายเดือนต่อไปอีก 30 ปี ทางแฟนและครอบครัวเค้าจะจัดการกันเองไม่ให้เดือดร้อนมาถึง

    ผม


    ต่อมาในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน คือช่วงสิ้นปีก่อน เค้ามาขอร้องให้ผมช่วยกู้บ้านอีกหลังให้หน่อย ราคาบ้าน

    3 ล้าน เค้าบอกว่าจะเอามาเก็งกำไร เปิดให้เช่า ตอนนี้ได้คนเช่าแล้ว สัญญาระยะยาว ดังนั้นค่าผ่อนไม่

    มีปัญหา ก็เอาจากค่าเช่าบ้านน่ะล่ะ


    ครั้งนี้ยื่นกู้กับอีกธนาคารครับ ก็กู้ผ่านอีกเหมือนกัน แต่ได้แค่ 95 %

    ซึ่งบ้านทั้งสองหลัง ที่ผมเป็นผู้กู้ให้แฟน ได้ทำเรื่องโอนเรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา

    โดยที่บ้านทั้งสองหลังนั้น ยื่นกู้คนละธนาคาร โดยที่ธนาคารทั้งสอง ไม่ทราบว่าผมทำเรื่องกู้สองแห่ง

    เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลในเครดิตบูโร และประวัติผมเองก็เรียบร้อยดี จึงกู้ผ่านได้ไม่ยาก


    ผมเอง เมื่อได้ช่วยเค้าลุล่วงไปแล้ว ก็เบาใจ คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องช่วยเหลือกันอีก


    แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นครับ


    เมื่อประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา เซลล์ของธนาคารแห่งหนึ่ง โทรหาแฟนผม บอกว่า เค้ามีข้อเสนอน่า

    สนใจมากๆ คือ เค้าไปเจอทาวโฮมแห่งหนึ่ง เพิ่งสร้างใหม่ ขายในราคาถูกมาก เพียงแค่ 4 ล้านบาท


    แต่ทาวโฮมแห่งนั้นสภาพดีมากๆ ตัวเซลล์เองยืนยัน ว่าเค้าจะสามารถช่วยให้กู้ได้ถึง 6 ล้านกว่าๆ แต่

    ต้องรีบยื่นกู้ให้ได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ก่อนที่เครดิตบูโรจะโชว์ตอนสิ้นเดือน


    แฟนผมเองได้ฟัง ก็เกิดความโลภ ( ต้องพูดตรงๆเลย ) อยากได้เงินส่วนต่าง 2 ล้าน ก็มาขอร้องผม

    อีก ว่า ให้ช่วยกู้ให้หน่อย เครดิตบูโรของเดิมยังไม่โชว์เลย คิดว่าหลังนี้คงได้อีกแน่ๆ จะได้เิงินส่วนต่าง

    มาเหมือนฟรีๆ 2 ล้าน


    ผมเองก็แย้งไปว่า มันไม่ใช่เงินฟรีซะหน่อย มันเป็นเงินที่ไปกู้เค้ามา พูดง่ายๆก็คือเป็นหนี้น่ะล่ะ ไหนจะ

    ต้องเสียดอกให้อีก แล้วที่สำคัญจะผ่อนยังไงไหว


    ถึงแม้ตัวแฟนผมเอง จะมีเงินเดือนแสนกว่าบาท แต่ภาระที่เค้าต้องผ่อนรถ ผ่อนบ้านที่เพิ่งโอนไป ไหน

    จะรายจ่ายที่ต้องให้ครอบครัว คิดแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าผ่อนบ้านหลังนี้


    แฟนผมเค้าบอกว่า เค้าคิดไว้แล้ว ว่าก็เปิดเป็นออฟฟิศให้เช่าไป ก็ถ้ามีคนเช่า ยังไงก็ต้องทำสัญญา

    ระยะยาวแน่ๆ หรือให้ฝรั่งเช่า ในราคาไม่สูงมาก เค้าบอกว่าหาได้แน่ๆ เพราะบ้านมันดีมากๆ

    แตุ่้ถ้ายังหาไม่ได้จริงๆ ก็เอาไอ้เงินส่วนต่าง 2 ล้านนี่ล่ะ กันเอาไว้คอยผ่อนรายเดือนไป

    เค้าบอกว่างานนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย และไม่มีปัญหามาถึงผมแน่นอน เค้าจะจัดการผ่อนเอง


    ผมเองก็จนปัญญา ไม่รู้จะปฎิเสธยังไง เพราะผมไม่เคยปฎิเสธอะไรเค้ามาก่อนเลย จะอ้างอะไรเค้าก็รู้

    หมด ว่าผมไม่มีภาระอะไรเลย เงินเดือนเพียวๆ ไม่มีข้ออ้างอะไรเลย ที่จะปฎิเสธ และความที่ผมรักเค้า

    มาก


    ผมเลยตกลง เอาก็เอา ทั้งๆที่ใจผมไม่อยากให้เค้าสร้างหนี้ให้ตัวเองไปมากกว่านี้เลย


    ตอนนี้แฟนผมเอง เป็นคนดำเนินเรื่องทุกอย่าง ผมทำแค่เตรียมเอกสาร


    แฟนผม เค้าปรึกษากันกับเซลล์และเจ้าของบ้านที่จะขาย ว่าจะยื่นกู้ 6-7 ล้าน แต่จริงๆเจ้าของจะขายใ

    ห้ที่ 4 ล้าน ( เซลล์และเจ้าของบ้านรู้ว่าผมกู้บ้านไปแล้ว 2 หลัง ) ที่สำคัญต้องรีบทำก่อนเครดิตบูโร

    จะโชว์ตอนสิ้นเดือนนี้


    โดยการจะทำแบบนี้ได้ พวกเค้ามีทริคมากมาย โดยผมอาจจะต้องเสียเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อแต่ง

    statement เพิ่ม และยัดใต้โต๊ะฝ่ายสินเชื่อ ( ให้ตายสิ ผมไม่อยากทำเลย )


    ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมไม่ต้องทำอะไร อย่างที่บอก แฟนผมจะจัดการเอง แม้กระทั่ง เวลาแบงค์โทรมาตรวจ

    สอบข้อมูล ก็จะโอนสายผมไปให้แฟนอัตโนมัติ โดยแฟนจะเป็นคนเจรจากับแบงค์เอง ( ลืมบอกไป

    ครับ ว่าผมและแฟนเป็นชายทั้งคู่ แบงค์ไม่รู้หรอก ว่าคนที่เค้าคุยด้วยไม่ใช่ผม )


    โดยแฟนผม ได้เตรียมสคริปต์ต่างๆ ที่จะตอบกับบรรดาแบงค์ที่จะโทรเข้ามาเช็ค คือเตรียมการไว้รัดกุม

    มาก กะว่างานนี้ได้แน่ๆ


    บอกตรงๆ ว่าตัวผมเอง นอนไม่หลับเลย กังวลมากๆ ว่าไอ้ที่แฟนบอก เซลล์บอก เจ้าของบ้านบอก ว่า

    ทุกอย่างจะผ่านฉลุยไม่มีปัญหา มันจะไม่เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ


    ก็อย่างที่รู้ว่าเศรษฐกิจตอนนี้มันแย่แค่ไหน ( แต่แฟนผมไม่เคยสนใจเลย เค้าถือว่ารายได้เค้ามั่นคง )

    ผมกลัวว่าสุดท้ายจะผ่อนไม่ไหว แล้วภาระหนี้จะมาตกที่ผม


    แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะทำอะไรไม่ได้เลย จะไม่ช่วยก็ไม่ได้ ต้องตกกะไดพลอยโจน ผมจะทำยังไงดี

    ครับ ผมอยากให้การยื่นกู้ครั้งนี้ไม่ผ่านจริงๆ


    แต่มันคงยากมาก เพราะเค้า( แฟน,เซลล์,เจ้าของบ้าน ) จะทำทุกวิถีทาง ให้กู้ได้ ทั้งแต่งบัญชีใหม่

    ยัดเงินใต้โต๊ะ สารพัดทริค และตัวผมเอง ลำพัง statement เดิมก็ดีมากๆ เงินเดือนสูงมาก และไม่มี

    ภาระอะไรเลย เค้าบอกว่า ไม่มีเหตุผลที่จะกู้ไม่ผ่าน อย่างผม ถือว่าเป็นผู้ขอกู้ชั้นดี


    ผมจะทำยังไงดีครับ จะมีทางบ้างไหม ที่เครดิตบูโร ของบ้านสองหลังที่โอนไปต้นเดือน จะโชว์ไวๆ

    ก่อนปลายเดือนนี้ โชว์อาิทิตย์นี้ได้เลยยิ่งดี เพราะตอนนี้พวกเค้าเริ่มยื่นเอกสารกันแล้ว แบงค์เริ่มโทร

    มาสอบถามแล้ว


    มีทางไหนไหมครับ ที่จะให้เครดิตบูโร โชว์ก่อนสิ้นเดือน แบงค์อื่นเค้าจะได้ตรวจสอบเจอ จะได้ยื่นกู้ไม่

    ผ่าน


    พื่อนๆอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่า ทำไมผมช่างโง่เง่า ยอมให้แฟนขนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

    เหตุผลมันไม่มีหายไปจากสมองเลย เมื่อเห็นเค้าเข้ามาขอร้องให้ช่วย


    ผมยอมรับว่าผมหน้ามืดตาบอด รักเค้ามาก อาจเป็นเพราะผมไม่มีพ่อแม่แต่เด็ก ขาดความรัก พอมาเ

    จอเขา เขามาเติมเต็มสิ่งที่ผมขาด เข้ามาทำให้ชีวิตผมมีความหมายขึ้น

    ผมจนปัญญามากๆแล้วครับ ไม่รู้จะไปถามที่ไหน จะไปถามที่พันทิพย์ ก็กลัวแฟนจะมาอ่านเจอ ก็มีแต่

    เวปนี้ ที่แฟนไม่เข้า


    ใครพอมีไอเดียอะไรบ้าง ช่วยผมทีครับ ผมเครียดนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว




    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ ขอนำรูปมาลง เพื่อให้กระทู้นี้ สามารถโชว์รูปที่หน้าเวบได้ ครับ
    เคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้กระทู้ของเพื่อนๆ สามารถโชว์ที่หน้าเวบ และคนอื่นๆ เข้าถึงกระทู้นี้ได้ง่ายขึ้น ครับ
    และยังช่วยให้ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน สวยงาม และน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ
    ขอบคุณภาพจากลิงก์ http://www.bangkokbiznews.com/2009/0...nthumb3bkk.jpg ครับ
    ขออภัยครับ หากรูปที่เรานำมาไม่เหมาะสม และขอชวนเจ้าของกระทู้เข้ามาแก้ไขได้ครับ
    ทีมงาน SBNTown

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    9

    Wink

    คุยกันตรงๆ ไม่ได้ใช่รึป่าวคะ

    เพราะถ้าคุยกันได้แบบเปิดอกก็น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า

    ถ้าคุยกันไม่ได้ลองโทรคุยกับทางแบงค์ด้วยตัวเองได้รึป่าวคะ ว่าเรากู้ไปสองที่แล้วนะ แบบว่าเปิดโปงหนี้ตัวเอง แหะๆ.. ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านแบงค์อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะช่วยแนะนำยังไงดี

    แต่อยากจะบอกว่าลองปฎิเสธแฟนสักครั้งน่าจะง่ายกว่าอ่ะค่ะ ถ้ารักกันจริงๆเค้าน่าจะเข้าใจเรานะคะ

    เพราะแบบนี้เป็นการนำความเดือดร้อนมาให้เรา แบบไม่เกรงใจเราเลย เพราะกู้แล้วเป็นชื่อเรา หนี้ = หนี้เรา
    ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ควรจะระวังเรื่องการงานด้วยอ่ะค่ะเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป


    อยากให้ จขกท ระวังเรื่องเงินทองหน่อยนะคะ เพราะบางทีมันก้อไม่เข้าใครออกใครเหมือนกัน

    เข้าใจว่ารักแฟนค่ะ แต่ควรจะรักตัวเองด้วย ไม่กู้ให้เพิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่รักนี่คะ

    ขอให้หาทางออกได้ไวไวค่ะ


    P.S. เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบใจยังไงขออภัยไว้ก่อนนะคะ
    WiSh LiStS : ... Chanel Chanel Chanel / LV LV LV

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Quote Originally Posted by berry View Post
    คุยกันตรงๆ ไม่ได้ใช่รึป่าวคะ

    เพราะถ้าคุยกันได้แบบเปิดอกก็น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า

    ถ้าคุยกันไม่ได้ลองโทรคุยกับทางแบงค์ด้วยตัวเองได้รึป่าวคะ ว่าเรากู้ไปสองที่แล้วนะ แบบว่าเปิดโปงหนี้ตัวเอง แหะๆ.. ไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านแบงค์อะไรเท่าไร เลยไม่รู้จะช่วยแนะนำยังไงดี

    แต่อยากจะบอกว่าลองปฎิเสธแฟนสักครั้งน่าจะง่ายกว่าอ่ะค่ะ ถ้ารักกันจริงๆเค้าน่าจะเข้าใจเรานะคะ

    เพราะแบบนี้เป็นการนำความเดือดร้อนมาให้เรา แบบไม่เกรงใจเราเลย เพราะกู้แล้วเป็นชื่อเรา หนี้ = หนี้เรา
    ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ควรจะระวังเรื่องการงานด้วยอ่ะค่ะเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนเสมอไป


    อยากให้ จขกท ระวังเรื่องเงินทองหน่อยนะคะ เพราะบางทีมันก้อไม่เข้าใครออกใครเหมือนกัน

    เข้าใจว่ารักแฟนค่ะ แต่ควรจะรักตัวเองด้วย ไม่กู้ให้เพิ่มไม่ได้หมายความว่าไม่รักนี่คะ

    ขอให้หาทางออกได้ไวไวค่ะ


    P.S. เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบใจยังไงขออภัยไว้ก่อนนะคะ
    ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นนะครับ ยินดีมากเลยที่มีคนเข้ามาตอบ

    เรื่องเปิดอกคุย ผมคุยไปหลายรอบมากแล้วครับ แต่เค้ามีเหตุผลโต้กลับหมดเลย

    ว่ายังไงก็จะไม่มีปัญหามาถึงผม การงานเค้ามั่นคงดีครับ ไม่โดนเลย์ออฟแน่ๆ ติดแต่เค้ากู้ซื้อรถ

    จะกู้บ้านอีกไม่ผ่านแน่ๆ

    คุยกัน ทะเลาะกันหลายหน สุดท้ายก็จบลงที่ผมใจอ่อนจนได้ จนกับเหตุผลด้วยครับ เค้าก็รู้ว่าผมไม่

    อยากกู้ให้ แต่เค้าก็ต้องขอให้ช่วย เพราะไม่มีใครที่ไหนจะช่วยเค้าได้อีกแล้วนอกจากผม จนใจจริงๆครับ


    ส่วนเรื่องโทรไปคุยกับแบงค์เอง ผมกลัวว่าแฟน,เซลล์, เจ้าของบ้านที่จะขาย จะรู้รึปล่าวครับ ว่าผมเป็นคนโทรไปเปิดโปงหนี้สิน ( ไม่ทราบว่าเรียกแบบนี้ถูกไหม )

    เพราะตอนนี้ ผมไม่ต้องรับสายใดๆจากแบงค์เลย เบอร์ที่แบงค์จะโทรมาตรวจสอบ จะโอนสายอัตโนมัติไปที่เครืื่องแฟนผมครับ แฟนผมจะเป็นคนตอบทุกอย่างแทนผมเอง ( โดยที่คนโทรไม่รู้หรอกครับว่าคนที่คุยด้วยน่ะไม่ใช่ผม ดังนั้นผมคงไม่มีโอกาสบอกกับจนท.แบงค์ที่โทรมาแน่ๆ ว่าผมมีหนี้บ้านอยู่อีก 2 หลัง


  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    ขอบคุณ คุณ Meesook ครับ ที่เข้าใจผม ตอนนี้ผมอึดอัดและหาทางออกไม่เห็นเลยครับ

    คุยกับเค้า( แฟน ) เค้าก็ไม่ค่อยจะรับฟังผมเลย ในครั้งแรกๆ ผมพยายามคิดว่ามันเป็นกรรมเวร

    ที่อาจจะเคยไปทำกับเค้าไว้ในชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องตามใช้ แต่ทำไมมันไม่สิ้นสุดเสียที

    ผมพยายามบอกเค้าหลายหนแล้ว ว่าครั้งนี้จะไม่ช่วยๆ แต่สุดท้ายก็แพ้ ต้องช่วยอีกจนได้


    คุณ Keeki เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ว่าแฟนกันไม่ควรยุ่งเรื่องเงินของกันและกัน แต่ของผม มันถลำลึกมาก

    แล้วครับ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งทุกข์ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Quote Originally Posted by 69 View Post
    ที่กู้ไปก่อน 2 หลังนี่แบงค์เดียวกันรึเปล่าคะ
    ตอนที่เรากู้ซื้อบ้านทางแบงค์อธิบายว่าเค้าจะให้กู้แค่ 59 เท่าของเงินเดือน ถ้าเกินกว่านี้ต้องมีหลักทรัพย์อื่นค้ำ อันนี้ของคนที่ไม่เคยมีประวัติในเครดิตบูโรฯ จะกู้ได้เท่านี้เพราะเค้าถือว่ายังไม่มีเครดิต (เราแอบงง!)
    ตอนกู้บ้าน 2 หลังแรก กู้คนละแบงค์ครับ แต่ยื่นเอกสารพร้อมๆกัน เครดิตบูโรผมไม่มีปัญหา ประวัติคลีน statement เข้าขั้นดีมากครับ เค้าเลยปล่อยผ่าน ( อันนี้ผมก็ยังงง ว่าผ่านได้ไง )

    ส่วนเรื่องปลอมแปลงเอกสารบ้านหลังใหม่นี่ ผมก็กลัวอยู่ครับ เพราะมันคดีอาญาชัดๆ แต่เรื่องดำเนินการพวกนี้ ผมไม่รู้เรื่องเลย พวกเค้าทำกันเองหมด

    ส่วนเรื่องโทรไปคุยกับ ผจก แบงค์ ผมสามารถโทรไปได้เลยเหรอครับ เค้าจะไม่แปลกใจเหรอ ว่าทำไมพูดไม่เหมือนกับที่ลูกน้องเค้าได้ข้อมูลมา ( จากการโทรคุยกับแฟนผม ) แล้วเค้าจะเชื่อผมไหมครับ

    ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็น ผมเองไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย เลยต้องมาพึ่งเพื่อนๆครับ


    Quote Originally Posted by ~ k E t S y ~ View Post
    อืมมมมมมม.....พูดไม่ออกอ่าค่ะ
    เพราะรักเค้า เราเลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย
    ยังไงก็พูดตรงๆๆเลยว่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ต่างชาติไม่ค่อยเข้ามาช่วงนี้
    นี่ก็เป็นเหตุผลด้วยว่าทำไมเค้าถึงรีบขายบ้านในราคาถูกๆๆได้ เพราะไม่งั้นใครจามาขายราคาไม่แพง

    อีกอย่างบอกเลยค่ะว่าเราก็ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะบอกตรงๆๆๆเลยว่าเรื่องเงินๆๆทองๆๆตอนนี้ไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แถมตอนนี้ก็กู้บ้านไปแล้วสองหลังด้วย ........ บอกแฟนว่า ตอนนี้เราเครียดๆ ไม่สบายใจ ลองชะลอๆๆๆๆๆไว้ก่อนดีไม๊ ให้เราสบายใจหน่อย

    ทำนองนี้อ่าค่ะ
    ลองพูดมาหมดแล้วครับ แต่ไม่เป็นผล เค้ายืนยันนั่งยัน นอนยัน ว่าไม่มีปัญหา สบายใจได้ ผมก็จนใจครับ


    ถ้าจบงานนี้ ผมคงต้องพยายามตัดใจจากเค้าแล้วกระมังครับ แต่มันยากเหลือเกิน


  6. #6
    Ohh's Avatar
    Ohh is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,124
    ไม่รู้จะบอกอะไรอ่ะคะ เพราะไม่เคยทำแบบนี้เลย เคยแต่ทำของตัวเอง ไม่เกี่ยวกะแฟนคะ

    แต่ดูๆ แล้วมันก็แอบผิด กม. นะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เราว่าคุณต้องโดนคนเดียวอ่ะ ไม่อยากให้เสี่ยงเลย

    แต่เข้าใจ ว่ารักแฟนมากก.กก มันก็เลยยากที่จะปฏิเสธ ลองใจแข็งดูซักครั้งซิคะ ดูว่าเค้าจะมีปฏิกิริยายังไง แล้วค่อยคุยกันอีกที

    เรื่อเงินไม่เข้าใครออกใครนะคะ พี่น้องกันยังโกงกันได้เลยคะ ...

    ปล. ไม่ได้พูดให้ จขกท. เครียดน๊าาา

    U r.. my L i F e

    ~~> ^ โอ๋ ^ <~~

  7. #7
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    5,294
    เคยบอกว่า
    เคยเจอกรณีแบบนี้
    ทุกวันนี้โดนไปแล้ว

    ไม่ได้เข้ามาให้คุณไขว้เขวแต่อย่างใด

    แต่อยากบอกให้คุณรักตัวเองหน่อย
    เพราะถ้าเวลา(ที่ต้องเสียเงิน)มาถึงจิงๆๆคุณนั่นแหละ...

  8. #8
    Keeki's Avatar
    Keeki is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    92
    Quote Originally Posted by oatachi View Post
    คุณ Keeki เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ว่าแฟนกันไม่ควรยุ่งเรื่องเงินของกันและกัน แต่ของผม มันถลำลึกมาก

    แล้วครับ ตอนนี้เลยได้แต่นั่งทุกข์ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะครับ
    อยากบอกว่ามันเรื่องโยงไปครอบครัวเค้าด้วยแหละ พูดยากค่ะ อย่างแม่เราเนี่ยบอกเลยว่าทำอะไรทำเองค่ะ อย่าไปยุ่งกัยครอบครัวทางแฟนเรา แต่ถ้าเป็นของเราสองคนก็ว่ากันอีกที

    ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
    " P u r s e A d d i c t i o n "


  9. #9
    Meesook's Avatar
    Meesook is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    454
    เอ... แต่ทำไมแฟนคุณไม่ลองกู้เองด้วยล่ะค่ะ กู้ร่วมก็ได้นะคะ เงินเดือนแสนกว่าบาท ผ่อนรถอยู่ ก็น่าจะกู้ร่วมได้ค่ะ

    ลองเสนอให้แฟนคุณกู้ร่วมด้วยก็ดีนะคะ จะได้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน อะไรประมาณนั้น ให้เหตุผลกับแฟนคุณว่า เมื่อผ่อนหมด จะได้เป็นเจ้าของบ้านร่วมกัน ไม่ต้องห่วงว่ากู้ร่วมแล้วจะไม่ผ่าน ถึงมีชื่อแฟนคุณกู้ร่วมกับชื่อคุณ ยังไงก็น่าจะผ่าน เพราะเค้าดูว่าถ้าคนใดคนหนึ่งโอเค เค้าก็อนุมัติค่ะ

    ลองดูนะคะ...
    .
    ...กรรมอยู่ที่เจตนา... ทำด้วยความตั้งใจดี แม้คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่หวั่นไหว ไม่ต้องกลัวอะไร... ไม่ต้องดิ้นรนไปเรียกร้องอะไรด้วย...คนที่จิตใจพัฒนาแล้ว ย่อมแยกแยะได้ และในที่สุดคนพาลที่เจตนาไม่ดีก็ย่อมแพ้ภัยตัวเอง...

    วิธีตั้งกระทู้ตรวจสอบที่ได้ผล เพื่อคำตอบที่รวดเร็ว และมั่นใจ
    วิธีทำให้อ่านความเห็นได้เยอะๆ ต่อหนึ่งหน้า กระทู้นึงจะได้ไม่ต้องยาวเป็นยี่สิบหน้า อ่านได้ในกระทู้นี้ค่ะ http://siambrandname.com/forum/showthread.php?t=51805


  10. #10
    sassybeer's Avatar
    sassybeer is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    8
    เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้รักแฟนมากจริงๆ แต่แฟนของคุณเจ้าของกระทู้รักคุณจริงๆถึงขั้นที่ถ้ามีปัญหาแล้วจะไม่ปล่อยให้คุณรับกรรมคนเดียวรึเปล่าคะ (อันนี้พูดกันตรงๆนะคะ ต้องขอโทษด้วยถ้าทำให้เคืองใจค่ะ) เพราะเรื่องเงินก็อย่างที่หลายๆคนว่าแหละคะว่ามันไม่เข้าใครออกใคร ถ้าวันนึงเกิดปัญหามาว่าเค้าไม่สามารถผ่อนได้หรือเกิดต้องเลิกรากันไปฯลฯ แล้วเค้าไม่รับผิดชอบส่วนนี้ละ ก็ต้องคิดบ้างนะคะ(อันนี้เป็นห่วงนะคะ เพราะเพื่อนเราก็เคยเจอประมาณเดียวกันนี้แหละคะ เซ็งเป็ดไปเลย) คือเรื่องกู้หรือติดต่อกะธนาคารเนี้ยไม่ทราบจะช่วยยังไงเหมือนกันค่ะ เพราะไม่เคยทำธุรกรรมอะไรประมาณนี้เลย แต่อยากจะเตือนสติไว้ซักหน่อย ว่าถึงจะรักเค้ายังไงก็ต้องเป็นห่วงตัวเองบ้างนะคะ
    อีกอย่างถ้าเรายืนกรานไม่ยอมซะอย่าง(เหมือนที่เค้ายืนกรานจะทำท่าเดียว)ลายเซ็นก็ลายเซ็นเราถ้าเราไม่เซ็นเค้าก็คงมาว่าอะไรไม่ได้ค่ะ(ช่วยได้มั๊ยเนี้ย อาจจะแรงไปหน่อยนะคะขอโทษด้วย) อีกอย่างที่อยากให้เก็บไปคิดค่ะว่า ถ้าเค้ารักเรามากจริงเค้าคงไม่อยากทำให้เราไม่สบายใจหรือลำบากใจขนาดนี้หรอกค่ะถึงจะเป็นคนเอาแต่ใจแค่ใหนก็ตามเหอะจริงมั๊ยคะ ซื้อบ้านนะคะไม่ใช่กระเป๋า เครดิตเราทั้งนั้นคิดดีๆนะคะ เอาใจช่วยให้ผ่านเรื่องนี้ไปได้ค่ะ
    I'm not the kind of fashionista but I know what's good

Page 1 of 2 1 2 LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •