เมือ่วันเสาร์ที่ผ่านมาเรากลับไปเลือกตั้งที่หมู่บ้านเก่าค่ะ
คือตอนนี้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่แล้ว แต่บ้านที่สุขุมวิทก็ยังเก็บไว้เฉยๆ
ชื่อก็อยู่ในทะเบียนที่นั่นเลยกลับไปใช้สิทธิค่ะ
กลับไปก็เจอเพื่อนบ้านเก่าๆ เพราะบ้านนี้ก็อยู่มาตั้งเป็นสิบปีค่ะ
พอเลือกตั้งเสร็จ ก็เดินผ่านบ้านนึง ซึ่งเปิดเป็นร้านขายอาหาร แล้วป้าที่ขายเราก็รู้จักค่ะ คือเคยทานของแกตั้งแต่สมัยยังอยู่ที่บ้านนี้
พอดีแกหันมาเห็น ก็เลยไหว้ทักทายแล้วก็แวะทานเป็นการอุดหนุน
แกนั่งอยู่กับป้าอีกคนนึงค่ะ คำถามแรกที่แกถามเรา
ป้าจอมเจ๋อ : แต่งงานรึยังล่ะ
เรา : หมั้นแล้วค่ะ ยังไม่แต่ง
ป้าจอมเจ๋อ : กับใครล่ะ คนเก่ารึเปล่า (พูดเสียงดังมากกก คนในร้านเต็มเลย)
เรา : (เริ่มงง นิดหน่อย คนเก่าไหนฟะ สมัยสิบปีที่แล้ว มัธยมเปรี้ยวอมหวานเหรอ แล้วนึกในใจคำถามนี้แกควรถามชั้นเหรอยะ) อ๋อ ไม่ใช่ค่ะ
ป้าจอมเจ๋อ : แล้วพ่อล่ะเป็นไงบ้าง แม่ล่ะ มายด์ล่ะ (น้องสาวเราค่ะ) เออแล้วเราน่ะคนละแม่กะน้องไม่ใช่เหรอ ชั้นรู้นะมีคนเคยเล่าให้ชั้นฟัง ไม่ใช่แม่เดียวกันไม่ใช่เหรอกับน้องสาวน่ะ
เรา : (เริ่มทานไม่ค่อยลง) อ๋อ ใช่ค่ะ คนล่ะแม่ ใครเล่าให้ป้าฟังเหรอคะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปิดบังอะไรนะคะ
(ที่เราพูดอย่างนี้เพราะ อีป้านั่นเสียงดังใส่เรามาก เหมือนประมาณว่าเราไปก่ออาชญากรรมอะไรซักอย่าง)
ป้าจอมเจ๋อ : นั่นแหละ ชั้นรู้ มาว่าคนล่ะแม่กัน แม่มายน่ะคนจีนใช่มะ แต่ว่าคนละคนกับแม่เธอ
เรา: ใช่ค่ะ ( เราเงียบไป คิดอยู่ว่า กล้าพูดกล้าถามเนอะ) ระหว่างนี้อีป้าจอมเจ๋อกับป้าอีกคนก็วิจารณ์เราค่ะ ลูกใคร บ้านไหน ตรงไหน ...
เรา : (เริ่มกินไม่ลงอย่างรุนแรง) สุดท้ายก็จ่ายตังแล้วเดินออกไปเลย
เดินออกไปก็คิดว่า อะไรเนี่ยมีคนอย่างนี้เลยเหรอ
ก็เข้าใจว่าพวกป้าๆในแต่ละหมู่บ้านน่ะ ชอบจับกลุ่มนินทา คนนู้น คนนี้
แต่ไม่คิดเลยค่ะว่าจะมาถามใส่หน้าเราอย่างนี้ แล้วที่ชั้นคนละแม่ (เพราะคุณพ่อแต่งงานใหม่ค่ะ) กับน้องสาวนี่มันเป็นการก่ออาญชญากรรมทางสังคม หรือ ทำให้ใครเดือดร้อน ที่สำคัญครอบครัวเรารักกันมากค่ะ และแม่ใหม่ก็เหมือนแม่เรา
เราก็รักน้องเรามากเพราะถึงอย่างไรก็คุณพ่อคนเดียวกันและเรามีน้องสาวคนเดียวค่ะ รักกันมาก แล้วอีกอย่างดีนะที่วันนั้นน้องสาวเราไม่อยู่ด้วย เพราะถ้าอยู่น้องเราต้องร้องไห้แน่ๆค่ะ เพราะน้องเราค่อนข้าง sensitive และเคยร้องไห้มาแล้วถ้าใครพูดถึงเรื่องนี้ เหมือนเค้าน้อยใจอะค่ะ
เรากลับมาบ้านแล้วยังงงและโกรธกับคำพูดของอีป้านั่นอยู่เลยค่ะ มานึกทีหลังว่าทำไมชั้นไม่ด่ามันกลับไปเลยฟะ ว่าทำไม่ช่างไม่มีมารยาทได้ขนาดนี้ จนมาถึงวันนี้สามวันแล้วค่ะ คิดทีไรมันโมโหค่ะ อธิบายไม่ถูกค่ะ เราจะจัดการกลับความโกรธตรงนี้ยังไงดีคะ กลับไปหาอีป้านั่นแล้วบอกดีมั๊ยคะว่าที่ทำอย่างนั้นมันช่าง...... หรือยังไงดีคะ โกรธค่ะโกรธ
เห็นเพื่อนๆพี่ๆเข้ามาตอบแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยค่ะ รัก sbn กับความมีน้ำใจของทุกคนจัง รู้สึกเหมือนมีเพื่นที่คอยให้คำแนะนำและให้กำลังใจ
หลายคน pm มาให้กำลังใจ แล้วบอกว่าคนจำพวกนี้มีปัญหาและเป็นคนขี้อิจฉาไม่ชอบเห็นลูกหลานบ้านใครดีกว่าบ้านตัวเอง มีปมด้อยลึกๆ
ทีหลังถ้าเราเจออีป้านี่ เราอาจจะสะกิดต่อมหมั่นไส้มันดีมะคะ ประมาณไม่ต้องถาม เดี๋ยวจัดให้
จะบอกไปว่าป้าคะ หนูจบตรีธรรมศาสตร์ ตอนนี้เรียนโทจุฬา
คู่หมั้นหนูจบ highschool ที่นิวซีแลนด์ จบตรีที่ประเทศญี่ปุ่น แล้วตอนนี้เรียนนักบินอยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ
ฐานะทางบ้านชิวววมากค่ะ ไม่ลำบากหรืออดอยากแม้แต่น้อย
ที่บ้านอบอุ่นจนเกือบร้อน น้องสาวก็เป็นเด็กดี น่ารักมาก
และงานอดิเรกหนูคือสะสมกาเป๋าหลุยยยค่ะ แล้วลูกหลานป้าล่ะคะตอนนี้เป็นไงกันบ้างค้า
55+ เราว่ามันคงเงียบอะค่ะ เงียบเพื่อหาช่องทางไปเมาท์ต่อ เพราะจากที่อ่านคอมเมนท์ของเพื่อนๆ พี่ๆ เรารู้แล้วค่ะ ว่าคนจำพวกนี้สามารถแม้แต่พูดเรื่องดีๆให้ไปทำนองเสียหายได้ คือมืออาชีพของจริงค่ะ
วันนั้นแอบโกรธและเสียใจให้คุณพ่อเห็นด้วย คุณพ่อเราเลยไม่สบายใจที่เห็นเราเสียใจ กลัวเราน้อยใจเรื่องคุณแม่มั้งคะ และเราก็แอบห่วงว่ามีคนรู้จักแบบประมาณเพื่อนเก่าๆในหมู่บ้านบางคนยังทานอาหารร้านนี้อยู่อย่างนี้ไม่ไปเมาทชั้นเละเหรอฟะแล้วเพือ่นชั้นเค้าจะคิดกะชั้นยังไงเนี่ย แต่ตอนนี้คิดเหมือนที่พี่ๆเพื่อนๆบอกแล้วค่ะ คือถ้าเพื่อนก็ต้องเข้าใจเรา และเข้าใจด้วยว่า nature ของอีป้านี่ว่าเป็นคนยังไง ถ้าไม่เข้าใจและเชื่อเราก็ไม่แครค่ะเพราะถือว่าก็ไม่สมควรที่จะเป็นเพื่อนเราแล้วค่ะ (คิดได้เยอะเลยค่ะ)
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจจริงๆค่ะ ต่อไปนี้เราจะไม่เสียใจหรือโกรธเพราะคนจำพวกนี้แล้วค่ะ