สวัสดีชาว SBN ครับ วันนี้ขอโพสขายน้ำหอมแบบแบ่งขายนิดนึงนะครับ
ส่วนใหญ่ที่ลงในโพสนี้เป็นรุ่นใหม่ๆ ที่ออกปลายปี 2011 ถึงเดือน มิถุนายน 2012 ตอนนี้ครับ บางตัวแบ่งจากขวด Tester บางตัวยังไม่มีในไทย และบางตัวก็เป็นกล่องซีลจากเคาน์เตอร์เองเลยครับ ผมเลยอยากลองแบ่งขายให้กับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากลองกลิ่นใหม่ๆ ที่ออกมาปีนี้ครับ ผมจะพยายามทยอยลงเรื่อยๆ นะครับ
หรือสามารถติดตามได้ที่ Facebook Fan Page ก็ได้ครับ ที่
https://www.facebook.com/VivaLaScent
1. PM รายการสินค้าที่สนใจ ปริมาณที่ต้องการ จำนวนขวด หรืออีเมล์มาที่ nattawutchins@gmail.com ได้เลยครับ หรือ Whatsapp/โทรสอบถาม 0814122795
2. เมื่อได้รับข้อความแล้ว โอนเงินภายใน 3 วันนะครับ
- บัญชีกรุงเทพ
- กสิกรไทย
- กรุงไทย
- ไทยพาณิชย์
ผมจะแบ่งใส่ขวดให้เมื่อโอนเงิน เนื่องจากอยากให้ได้ของที่ใหม่เสมอครับ
***สั่งไม่ถึง 400 ขอค่าส่งแบบลงทะเบียน 20 บาทนะครับ / สั่ง 401 บาทขึ้นไป ลงทะเบียนฟรีครับ
หากต้องการส่งแบบ EMS 35 บาท ต่อ 1 ออเดอร์ไม่ว่าจะสั่งเท่าไหร่ครับคิดราคาเดียว
3. รอการแจ้งกลับเลขพัสดุไปรษณีย์ และพัสดุประมาณ 2-3 วันทำการแล้วแต่ระยะทางครับ
รูปรวมๆ คอลเลคชั่นของปี 2012 ครับ
ส่วนของ Exclusive ที่ผมมีบางส่วนครับ
Burberry - Burberry Body
Group - Chypre Fruity
------------------------------
Review : เปิดกลิ่นด้วยพีชที่ให้ความรู้สึกนวลเนียนมาก middle note เลยทีเดียว สัก 15 นาทีจะได้กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ โชยออกมาครับ ให้ความรู้สึกหรูหราพอๆ กับ Chole' เลย แต่มาในแบบบางเบากว่า แต่ถ้ามีการเคลื่อนไหว หรอืความร้อนจากตัว กลิ่นกุหลาบจะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งครับ ในช่วง drydown ให้โทนกลิ่นที่คล้าย Katy Perry - Purr ด้วย http://goo.gl/bhQVw
แต่ไม่น่ากินหรือ Yummy! เท่า หากใครรู้สึกว่า Chloé Eau de Parfum แรงเกินไป น่าจะชอบตัวนี้นะครับ Burberry Body เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างติดผิวนะครับ จะไม่กระจายมากเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ทำงานออฟฟิศ นั่งห้องแอร์ กลิ่นนี้ให้ความรู้สึกถึงผู้หญิงวันเรียน-ทำงานที่หน้าตาน่ารักๆ ขี้เล่นนิดๆ แต่แอบขี้อายหน่อยๆ แต่มีเสนห์น่าเข้าใกล้ครับ
Bvlgari - Omnia Coral
Group - Floral Fruity
------------------------------
Review : Omnia Coral ตัวนี้ได้ Alberto Morillas นักปรุงน้ำหอมประจำของ Bvlgari ปรุงให้เหมือนกับ Omnia รุ่นพี่ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ครับ Coral มาในโทน Floral Fruity ที่ให้ความรู้สึกสดใส สดชื่น และหอมหวานปานกลาง ชวนนึงถึง Dior Addict Shine และ Moschino I Love Love แต่สองกลิ่นที่ว่าชวนนึกถึงสีส้มๆ แต่ Omnia Coral จะชวนนึกถึงสีแดงตามขวดเลยครับ
กลื่นเปิดเป็นมะกรูดและโกจิเบอรรี่หรือเก๋ากี้ครับ ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกถึงความสดชื่นก่อนเลย หลังจากนั้นจะได้กลิ่นชบาหรือ Hibiscus ในยามเช้าที่ยังมีน้ำค้างเกาะ บวกกับทัมทิบที่ให้ความรู้สึกฉ่ำๆ จูซซี่หน่อย ช่วงนี้หอมหวาน เซ็กซี่เล็กๆ ช่วงนี้จะอยู่นานพอสมควรครับ ปิดท้ายที่มักส์และ Virginia Cedar ครับ
กลิ่นนี้ผมว่าใส่ได้ตลอดทุกฤดูนะครับ เพราะบ้านเราคงมีแต่หน้าร้อน ฮ่าๆๆ ใส่ไปทำงาน เดินเล่น หรือโอกาสไหนๆ ก็ได้ครับ
Chloé - L`Eau de Chloé
Group - Chypre Floral
------------------------------
Review : มาแล้วสำหรับ Flanker ของ Chloé Eau de Parfum มาโทนกลิ่นที่ซอฟท์ขึ้นเยอะ สำหรับผมแล้วกลิ่นนี้คล้ายตัว Chloé Eau de Parfum น่ะครับ แต่ L`Eau de Chloé กลิ่นไม่บาดจมูดหรือแหลมเท่า Chloé Eau de Parfum เท่านั้นเอง กุหลาบของตัวนี้จะมาในโทนสดใสกว่า บางคนชอบตัวนี้มากกว่าก็มีครับ เนื่องจากใส่ได่ง่ายกว่า และใส่ได้ทุกโอกาส เหมาะกับอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเราครับ
Dolce&Gabbana - Anthology Le Fou 21
Group - Aromatic Fougere
------------------------------
Review : D&G Anthology ทยอยออกมาตามคอลเลคชั่นครับ ตัวนี้จริงๆ ลอนช์เมื่อปีกลางปี 2011 แต่เพิ่งได้มาเมื่อต้นปีนี้ครับ เลยขอจัดอยู่ในปี 2012 แล้วกัน
Anthology Le Fou 21 เป็นน้ำหอมโทน Aromatic Fougere (Fougere=Fern) ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นๆ เขียวๆ แบบป่าดิบชื่นที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนตลอดเวลาครับ
กลิ่นเปิดมีมะกรูด ผักชี และวาเวนเดอร์ครับ ความรู้สึกแรกมันสดชื่นมากเลยครับ นึกถึงน้ำทะเลสีเขียวๆ ใสๆ ที่มองเห็นพื้นทรายนะครับ จากนั้นกลิ่นช่วงต้นนี้จะผสานเข้ากับช่วงกลางที่มี Cognac หรือ เหล้าบรั่นดี, จูนิเปอร์ เบอรรี่ (Juniper Berries), กระวาน (Cardamon) ช่วงนี้เริ่มได้ความเผ็ดร้อนนิดๆ ครับ ช่วงนี้เซ็กซี่มากๆๆๆ ให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายแบดนิดๆ เท่านั้นไม่พอ มีขิงมาช่วยนำเข้าช่วงเบส และรู้สึกอบอุ่นน่ากอดขึ้นด้วยเฟิร์น, ถั่วทองก้าและกลิ่นเปลือกไม้ครับ
จากรีวิวใน Fragrantica สาวๆ หลายคนค่อนข้างปลื้มกลิ่นนี้นะครับ บางคนบอกจะซื้อให้แฟนตัวเองใส่ บางคนถึงขั้นบอกว่า"ฉันจะเดินตามคนแปลกหน้าเข้าไปในป่าเขียวชอุ่มที่แสนมืดมิดเพื่อขอสูดดมกลิ่นนี้" ใครอยากให้สาวๆ เข้ามาทัก แนะนำเลยครับ
Diesel - Loverdose
Group - Oriental Vanilla
------------------------------
Review : น้ำหอมสำหรับผู้หญิงตัวใหม่ล่าสุดจากทาง Diesel ครับ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อประมาณสิงหาคมปี 2011 แต่ตอนนี้ Loverdose ยังไม่มีที่เคาน์เตอร์ไทยนะครับ มาจากการเล่นของคำสองคำว่า "Lover Dose" or "Love Overdose”
แค่เปิดฝาขวดมาก็ได้กลิ่นแนวเบอร์รี่ เบอร์รี่ มาเลยครับ แต่เบอร์รี่ที่ว่านี้ไม่มีในน้ำหอมกลิ่นนี้ครับ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าความหวานเบอร์รี่นี่มาจากไหน เท่าที่ลองดูน่าจะมาจากส่วนผสม 2 ตัวนี้ครับ คือ Star Anise และ Licorice
เอาเป็นว่าตัวนี้ขอรีวิวแบบที่ได้กลิ่นจริงๆแล้วกันนะครับ เปิดกลิ่นมาชวนนึกถึงพวกบลูเบอร์รี่มากกว่าครับ และได้กลิ่นเครื่องเทศเผ็ดๆ จากโป๊ยกั๊กนิดหน่อย จากนั้นจะเข้าสู้ช่วงเบสที่มีดอกไม้ขาวๆ มารองรับครับ ช่วยทำให้กลิ่น Sensual มากขึ้น ด้วย มะลิ ดอกพุด (Gardenia) และชะเอมครับ ช่วงนี้ความหวานแบบเบอร์รี่ๆ ก็ยังคุมโทนอยู่ครับ จนถึงช่วงเบสเลยโดยมีเบสคือแอมเบอร์ วานิลลา และมักส์
Loverdose เป็นกลิ่นที่หวานจับใจมากๆ เซ็กซี่ เย้ายวน เหมาะแก่การใส่ไปเที่ยวกลางคืนมาก หรือใส่ไปออกเดทกับคนรู้ใจก็เหมาะครับ
เทสครั้งสองครั้ง คร่าวๆ คือจะแนวน่ากินๆ แบบเยลลี่ ใสๆ ครับผม
เคยเทสครั้งเดียว ผมว่ากลิ่นน่ากิน ยัมมี่ๆ แบบ Viva la juicy ครับ สดใส กลิ่นกระจายกว่า
เดี๋ยวรอทำรีวิวลึกๆ อีกครั้งครับ
เท่าที่ทราบมากลิ่นนี้ขายดีพอๆ กับสีชมพูเลยครับ หวานและให้ความเขียวกำลังดีครับ คล้ายๆ Miss Dior L'eau
Issey Miyake - L'Eau d'Issey Pour Homme Sport
Group - Woody Aromatic
------------------------------
Review :
และแล้ว Issey ก็ออกไลน์ Sport ออกมาเสริมในไลน์น้ำหอม หลังจากตัวออริจินอลถึง 18 ปี แต่ระหว่างนั้นก็จะมีซัมเมอร์ อิดิชั่นออกมาเกือบทุกปี รวมถึงส่วนของ Flanker พิเศษๆ แต่ละเทศกาลด้วยครับ
L'Eau d'Issey Pour Homme Sport มีความคล้ายกับตัว L'Eau d'Issey Pour Homme ในกลิ่นเปิดครับบางส่วนครับ แต่มาแบบใสๆ และบางๆ กว่า ด้วยกลิ่นมะกรูด และเกรปฟรุตครับ ให้ความรู้สึกสดชื่น สดใส มีพลังขึ้นมาทันทีครับ ช่วงกลางจะได้กลิ่นเครื่องเทศจากจันเทศ (Nutmeg) ครับเช่นเคยมาแบบเบาๆ กว่าตัวออริจินอลหลายเท่าตัวนัก รวมถึงมีกลิ่นหนังมานิดๆ แต่ก็ยังได้กลิ่นความสดชื่นๆ ใสๆ จาก มะกรูด และเกรปฟรุต อยู่ครับ ช่วงท้ายมีหญ้าแฝกและซีดาร์ครับ และกลิ่นนี้จะตีขึ้นมาอีกครั้งหากร่างกายเคลื่อนไหว ความร้อนในร่างกายจะช่วยให้กลิ่นนี้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งครับ
โดยรวมเป็น L'Eau d'Issey Pour Homme ในเวอร์ชั่นที่บางเบา ใสกว่า สดชื่นกว่า แต่เรื่องความคงทนอาจจะยังเป็นรองอยู่ครับ จึงเหมาะสำหรับวันสบายๆ ใส่เล่นกีฬา เดินเล่นริมชายหาด
Katy Perry - Purr
Group - Floral Fruity
------------------------------
Review : น้ำหอมตัวแรกของนักร้องสาว Katy Perry ครับ ชื่อว่า Purr (เพอร์) ออกมาช่วงอัลบั้ม Teenage Dream ซึ่งตัวเพลงเองก็กระโดนเกาะอันดับ 1 Billboard Chart ได้ถึง 6 เพลงจากอัลบั้มเดียว ทำลายสถิติของ Michael Jackson ที่มี 5 เพลงที่ได้อันดับ 1 จากอัลบั้ม BAD
Purr เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกบาลานซ์อย่างดีเลยครับ ไม่หวานเลี่ยน และไม่ได้ดอกไม้จ้า เป็นหนึ่งในน้ำหอม Floral Fruity ที่ผมชอบมากเลยหละ เปิดกลิ่นด้วย การ์ดีเนีย พีช (ตัวชูโรงของ Purr) และ แอปเปิ้ลแดง จึงให้ความรู้สึกผลไม้ฉ่ำๆ ที่มีการ์ดีเนียมาช่วยเบรคไม่ให้หวานฉ่ำจนเกินไป ช่วงกลางจึงมีเหล่าดอกไม้ มะลิ ฟรีเซีย และ กุหลาบมาเสริม ช่วงนี้จะจับกุหลาบได้มากกว่ากลิ่นอื่นครับ ช่วงเบสก็จะได้พวก ไม้จันทน์ (Sandalwood) และวานิลลาและมะพร้าวช่วยเพิ่มให้นวลเนียน ชวนน่ากินเป็นที่สุดเลยครับ เหมาะกับผู้หญิงน่ารักๆ ยิ้มเก่งๆ ขี้เล่นนะครับ
ยังไม่ได้ลองเลยครับ
หอมมากกกกกก เดี๋ยวขอทำรีวิวอีกครั้งครับ
ยังไม่ได้เทสครับ
Yves Saint Laurent - L'Homme Libre
Group - Woody Spicy
------------------------------
Review : L'Homme Libre ตัวนี้ออกมาช่วงปี 2011 ครับ แต่น่าจะเพิ่งเข้าบ้านเราเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แล้วด้วยทีท่าทีน่าจะหาตัวเทสเตอร์มาลองยาก เลยต้องซื้อกล่องซีลมาเลยครับ
กลิ่นเปิดจะหวานนิดๆ มาแบบใสๆ เลยครับ มี โป๊ยกั๊ก (Star Anise) ใบโหระพา (Basil) และใบไวโอเล็ต (Violet Leaf) ช่วงนี้จะมีความซิตรัสอยู่นิดหน่อยครับ หลักๆ จะหวานแบบใสๆ ไม่หวานเลี่ยนหรือขนมนะครับ แล้วจะได้ความซ่าๆ จากใบโหระพานิดๆ ช่วงกลางจะมีกลิ่นจันเทศ (Nutmeg) และ Pink Pepper มาช่วยเสริมความโทนเผ็ดๆ นิดๆ ผิดจากตอนที่คิดว่าจะมาแบบเต็มสูบ ชาวยนี้กลิ่นสมูทมากครับ เทห์มากๆ และกลิ่นก้ตีขึ้นตลอดครับ ผมสเปรย์ไว้ที่ข้อพับแขน ได้กลิ่นตลอด 6 ชม. จากนั้นกลิ่นก้จะติดผิวหรือ Close to skin ครับโดยมีหญ้าแฝกและพัชชูลี่เป็นฐานให้ความรู้สึกอบอุ่น
กลิ่นนี้ชวนนึกถึง หนุ่มคนเมือง แต่งตัวเนี๊ยบๆ ที่คล่องแคล่ว ทำงานเก่ง สมาร์ท เพราะกลิ่นให้ความรู้สึกเทห์มากๆ ครับ เป็นกลิ่นที่ใส่ได้ทุกโอกาสครับ ตั้งแต่ใส่ในวันสบายๆ ทำงาน หรือเที่ยวกลางคืนก็ได้ครับ หากใครจะเลือกเป็น Signature Scent ผมแนะนำเลยครับ
การแบ่งจะขวดสเปรย์ 2 แบบนี้นะครับ เบื้องต้นจะสเปรย์ใส่ขวดแบบทางซ้ายมือให้นะครับ เนื่องจากปากขวดใหญ่ สเปรย์ใส่ง่ายกว่า แต่ถ้าอยากได้แบบยาวกรุณาระบุมาด้วยนะครับ
ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่มีแบ่งจำหน่ายเช่นกันนะครับ
รุ่นอื่นๆ ก็มีนะครับ ลองเข้าไปชมได้ที่ Facebook Fan Page เลยครับ ร้าน Viva La Scent https://www.facebook.com/VivaLaScent
ขอบคุณ SBN พื้นที่ดีๆ แห่งนี้ครับ