มาอีกแล้วค่ะ เพิ่งตั้งกระูทู้เรื่องชั้นบินไปเมื่อวันก่อน วันนี้มาอีกแล้วค่ะ อันที่จริงมาทุกวันค่ะ ไม่วน ๆ เวียน ไม่ได้โพสต์อะไร แต่วันนี้คงต้องโพสต์ค่ะ มันนอนไม่หลับจะตีห้าอยู่แล้ว สงสัยตาจะเป็น หมีแพนดี้ค่ะ พอนอนไม่หลับ เรื่องในหัวสมองมันก็เยอะมากมายค่ะ คิด ๆ ไปมีอะไรบ้างในช่วงปีที่ผ่าน คิดไปคิดว่า มีเรื่องก่อนส่งท้ายปีใหม่ เราคิดว่ามัน ตลกและตกใจ แต่จะ ตลกสำหรับสมาชิกหรือป่าวไม่รู้ แต่ถ้าไม่เอามาเล่า คงจุกอกตายค่ะ เข้าเรื่องนะคะ
วันที่สิบเจ็ด ธันวา ที่ผ่านมา เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของ จขกท ค่ะ เพราะเหลือวันหยุดไว้ค่ะ เลยหยุดยาว ๆ ไปจนถึงปีใหม่ ไอ้เราก็เออ เลิกงานครึ่งวันไปเดินลัลล้า ชอปปิ้งซื้อของไว้วันคิดมากที่จะมาถึงหน่อย เราก็ถาม เพื่อนที่ออฟฟิศ ค่ารถเมล์ไปที่เท่าไร แล้วค่ารถไฟล่ะ ต่างกันไหม แหม คุรเพื่อนตอบอย่างมั่นใจ ว่า ค่ารถเมล์ถูกกว่าจ้า สองปอนด์ เอง เราก็ เออ ไปรถเมล์ก้ได้ช้าหน่อยแต่ถูกกว่ารถไฟเยอะ เพราะนั่งรถไฟ ซื้อตั๋วซิงเกิลมันแพง แล้วไหนจะต้องไปซื้อตั๋วขากลับอีก (บ้านอยู่คนละทางกับที่ทำงานเลยตั้งซื้อตั๋วแยกจ้ะ ไม่งงนะ) ไอ้เราก็ลัลล้าไม่รีบ ปาเข้าไปจะบ่ายสอง อ่า รถเมลล์มาและ จะไปขึ้น เจ้าคนขับก็บอก เอ้ยยังไปไม่ได้ รถมีปัญหา เดี๋ยวไปเปลี่ยนรถก่อน อยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหน เดี๋ยวมารับ (ฮืมนึกในใจอีกและ รอ ๆๆ ไป นึกอีก ป่านนี้ถ้าขึ้นรถไฟ ไปชอป ๆๆๆๆ หมดไปหลายปอนด์และ) แต่ก็อ่ะ ช่างมัน เพื่อราคาที่ถูกกว่า ฉันรอได้ รอและประมาณสิบห้านาทีรถก็มาจอด เอี๊ยด เราก้าวขึ้นรถอย่างฉันพลัน บอกไป...ซิงเกิล คนขับกดราคา สี่ปอนด์ สี่สิบ ไอ้เราก็เฮ้ย ไรว่ะ เพื่อนฉันมันบอกสองปอนด์ แกจะมาขึ้นราคา เราไม่อยากเถียง เดินรถจากรถด้วยความงง (ไม่ใช่ไม่มีเงินนะตอนนี้มีแต่ไม่รู้เดินลงมาไม เดินมาก่อนตั้งหลังค่ะ ฮ่า ๆๆๆ) นึกในใจ คำนวณ ไปคำนวณมา ไปรถไฟก็ได้วุ้ย เร็วกว่าถูกว่าด้วยอ่ะ ถูกกว่า ยี่สิบเพ้นซ์ สักพักคนขับ ออกมาไปไหมเนี่ย เราบอกไม่ไป ไปนั่งรถไฟและ เราก็เดินข้ามไปซื้อตั๋วรถไฟ ดูเวลารถไร ไปเรื่อย ๆ เปื่อย ตามประสา เราข้ามไปรอรถไฟที่อีกชานชลาหนึ่ง โหหนาวมากวันนี้น อากาศอยู่ที่ประมาณสององศาเห็นจะได้ ยืนรอไปก็ปากสั่นไป แหง่ก ๆๆๆๆๆ ยืนไม่ไม่ไหวเดินไปนั่ง โอโห ก้นกระเด้งขึ้นมาชะงักทันที มันเย็นจ๊วบเจี๋ยบ ไอ้คนนั่งข้าง ๆ มันก็บ่นพืมพำ อมยิ้ม จะพูดกับเรา เราก็ยิ้มแฮ่ ๆๆ สักพัก เสียงที่ไม่อยากได้ยิน ก็ต้องไ้ด้ยิน เมื่อ นายชานชลา ประกาศว่า รถไฟจะดีเลย์ เวงกำ ปาเข้าไปบ่ายสองจะครึ่ง เออ เอาเข้าไป แต่ทำไรไม่ได้ก็รอต่อไป พี่ที่บ่นพืมพำข้าง ๆ ก็ยังพืมพำต่อไป รอไปอีกสิบนาทีรถไฟก็มาถึง (ระหว่างทางนั่งนึกไป ป่านนี้ถ้านั่งรถเมลล์ไปถึงแล้วเนี่ย) เสียดายอีกไง แต่ไม่เป็นไร เป็นผุ้หญิงคิดบวกจ้ะ ถึงที่ชอปปั๋บ เดินซื้อของ ชอป ๆๆ หอบของพะรุงพะรังไปหมด หนักก็หนัก ถืออยู่คนเดียว น้อยใจ ต้องทำเวลาค่ะช่วงน้าน เพราะไม่อยากเดินไปสถานีรถไฟมืด อ่า ที่นี้จะกลับบ้านและ ได้ของมาหมด อย่างที่ใจปารถนา ออกจารถไฟ ก้ต้องมาต่อรถเมลล์ กลับไปป้ายรถเมลล์ที่ใกล้บ้านอีก แต่จุดไคลแม๊ก มาตรงนี้ ค่ะ ป้ายรถเมล์ที่ไปรอ อยู่หน้าโลตัส ไอ้เราก็เออเดินต่ออีกหน่อยไปซื้อปลาไว้ทำกินอ่ะนะ ที่นี้ของก็เพิ่มมาอีก เหนื่อยก็ได้ ทำงานมา แล้วยังไปลัลล้าต่อ ซื้อกับข้าวกับปลาเสร็จ อ่ามารอรถซะ แต่อุ้ย ปวดฉี่อ่ะ ไม่ได้ และต้องรีบไปฉี่ก่อนรถจะมา ไม่ง้านตกรถแน่ อ่า เรารีบไปห้องน้ำในทันใด เหนื่อยก็เหนื่อย เดินเข้าห้องน้ำปุ่น เออเงียบดีแท้ ไม่มีคนเลย แต่เห็นอะไรบางอย่างที่อืม ...แต่ยังไม่ได้คิดอะไรค่ะ เพราะประสาทมันเบลอ ๆ ค่ะ เดินไปห้องปลดทุกขืห้องแรก โห เหลืองอ๋อยเชียวนะ แม่คุ้น กดชักโครกไม่เป้นหรือไง นึกในใจ แต่เราก็ไม่กดให้นะ เดินออกเปลี่ยนห้องใหม่ ฮ่า ๆๆๆ พอทำกิจเสร็จ ก็เริ่มได้ยินเสียงคนและ เราก็จะออกหล่ะ แต่กำลังจะเปิดประตู โอ้พระเจ้า ได้ยินเสียงทุ้ม ๆๆ ผุ้ชายแน่นอนกำลังกระแอม และหลังจากน้านก็มีเสียง ชายหนุ่มคุยกัน บลา บลา ในห้องน้ำ วินาทีน้าน พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ความจำที่ว่า่เบลอ ๆ กลับมาทันใด ไอ้สิ่งที่เราเห็น แต่ไม่ได้คิดอะไร คือโถฉี่ผู้ชาย แล้วห้องน้ำที่เราฉี่มันมีแค่สามห้องไม่ได้เอะใจอะไร ไอ้เวรเอ้ย ตอนที่ฉันเดินเข้ามาไม่มีผุ้ชายสักคน พอตอนฉันจะออกผู้ชายมันเดินเข้าเดินออก ยังกับกองทัพมด ทันใดน้านที่เรากำลังคิดอยู่ว่าจะออกไปยังไง โทรศัพท์ดันดังขึ้น มองดูชื่อ คุณฝาชีเราเอง นึกใจไอ้บร้า จะโทรมาทำไมตอนนีฟ่ะ ฉันพูดไม่ได้ พูดไปเค้ารู้หมดดิ เราก็ตัดสายไป พี่แกก็โทรมาอีกแล้ว (ลืมบอกคุณฝาชีเค้าไปกินเหล้าฉลองวันคิดมากกัน มันจะฉลองก่อนชาวบ้านเค้าประจำ อันที่จริงหาเรื่องไปดื่มยังง้าน) ต่อ ๆ ค่ะ หลังจากที่โทรครั้งแรกโดนตัดสาย ที่นี้เราก็รับ เพราะมีผู้ชาย กำลังใช้เครื่องเป่ามือให้แห้ง เสียงมันค่อนข้างดังค่ะ คิดว่ายังไงคนข้างนอกก็ไม่ได้ยิน ส่วนคุณฝาชีก็ไม่ได้ยินเราเช่นกัน แต่ก็มีช่วงหนึ่งเครื่องมันเงียบไป เราก็เริ่มพูดเบา เฮ้ย ฉันติดอยู่ในห้องน้ำชาย อีตานี่ก็ถามใหญ่ ยิงคำถามมากมาย เราก็ตอบไม่ได้ เพราะกลัวคนได้ยินเสียงเราเป็น ผุ้หญิง หงุงหงิง ๆๆๆ เสร็จเราเลยวางสายทิ้ง ส่งเมจเสจแทน ฝาชีก็จะคุยกับเราอีก ทีนี้เราก็เริ่มบอก แต่มันก็พะวงด้วย ตอบไม่ได้ทุกคน เพราะกำลังคิดว่าจะออกยังไง พอพูดกับฝาชีได้สองนาที อยู่ดีมีคนมากระแอม ประมาณว่า ฮืม ฮื้ม ฮื๋ม เหมือนว่า รู้ว่า ผุ้หญิงอยู่ในห้องน้ำ อ่า ๆๆๆๆๆๆๆ ว๊าก ๆๆ กลัว รีบวาง ตาฝาชีโทรมาอีกแล้ว ๆๆ เฮ้ย คนกำลังจะหาทางออกให้โอกาสกันหน่อย เราก็รับ ฝาชีโมโห ตะหวาดเรา ด้วยความที่เป็นห่วง แล้วเรายังอธิบายเรื่องให้ฟังทุกรายละเอียดไม่ไม่ คุณท่านเร่ิมหัวเสีย แล้วแบตท่านก็หมดไป เราก้ทีนี้ละว่ะ ต้องออกให้ได้ คิด คิด เอ้ย มีหมวกในเป๋านี่หว่า เอามาใส่แล้วรวบผมเก็บไปในหมวกให้หมด (สักวันท่าน ๆ คงจะได้ชื่อหมวกกุ้ชีพของเรานะ ฮ่า ๆๆ ตอนนี้ยังไม่ขาย รอติดดาวก่อนค่อยขาย ขายไม่แพงหรอกค่ะ ไม่เกินสองร้อย อ่ะ เข้าเรื่องต่อ) ใส่หมวกแล้ว อันแน่ รวบผมปั๋บ จับไปด้านหน้า ห่าเวรและ ลืมไปว่า หมวกเป็นรูปดอกคามิล่า ดอกอะไรสักอย่างอ่ะจำไม่ได้ เหมือนดอกไม้ที่ติดกระเป๋าชาแนลอ่ะค่ะ ไม่หมวกเราไม่ใช่ชาแนลหรอก โลกว่าน้านมากมาย ต่อค่ะ พอจับดอกไม้เสร็จ เราก็คิด เฮ้ยไม่ได้ เด๊วเค้ารู้ดิ เราก็ดอกไม้มาไว้ด้านหลัง ที่นี้รอจังหวะคนอีกที ไม่ค่อยได้ิยินเสียงใครแล้ว เอาว่ะ โปร่งโล่ง สบาย เปิดประตุ้ ไม่เจอใครเลย โชคเข้าข้างเราแล้ว จ้ำจ้ำ ๆๆๆๆ ใกล้ประตูแล้ว หางตาเหลือบไปเห็น มีคนยืนฉี่อยู่นี่หว่า มะสนแล้วโว้ย ไปล่ะ เราก็ออกมาได้แล้ว ที่นี้ ก็ยังเคลียร์กับคุณสามีไม่ได้ คิดว่าคงโกรธ แต่ในใจ โกรธฉันทำไมเนี่ย ไม่ได้ทำไรผิดเลยสักนิดเดียว แค่มองป้าย ผู้หญิง ผู้ชายผิดก็เท่าน้าน เลยโทรไปหาแม่ฝาชี เล่า ๆๆๆ โอ้โห ชีหัวเราะดังมาก ยังกับ ดูมิสเตอร์บีนฮอลิเดย์ ยังไงอย่างง้าน ไอ้เราก้ เอ้อ ดีใจหัวเราะได้ ในความระทึกของเรา สรุป ก้ออกมารถกลับบ้านแล้วเคลียร์กับฝาชีเรียบร้อยดี ที่เอามาเล่านี่ คือ เราเป็นคนไทยอยุ่ในสถานการณ์ห้องน้ำผุ้ชาย แล้วมันระทึกอ่ะค่ะ ถ้าเป้นเด็กผุ้หญิงฝรั่ง ๆ เค้าคงเดินออกอย่างไม่แคร์อ่ะนะ ผ่านแล้วผ่านไป แต่เรามันต่างกันอนะคะ เลยเอามารเล่าให้ฟัง ว่าถ้าใครเข้าห้องน้ำผิดถึงขนาดอย่างเราแล้วนี่จะรู้สึกยังไงกัน ตัวเราเอง นอยด์มาก ๆ จ้า ยังกับว่า โอ้โห ฉันจะออกไปอย่างไรดี ขอโทษด้วยถ้าพิมพ์ตก ๆ ขาด ๆ เกิน คอมเจ้าของกระทู้ อ่อนแอมากมาย ไว้วันหลังจะมาเล่าอีกค่ะ มีเรื่องชีวิต ๆ ก็มี แต่อันนี้ต้องคิดมากหน่อย เพราะมันชีวิตจริง ๆ
ป.ล. อยากลงที่สยามแบรนด์เนมเพราะแอบรักมานานแล้วจ้ะ ตลก ไม่ตลก ไม่ว่ากันนะคะ เพลิน ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ