ชอบกระทู้นี้มากๆๆๆ โรแมนซ์สุดๆๆๆ
อ่านไปอมยิ้มไป อมยิ้มไปแล้วอ่านไป
แต่...สงสัยคู่ของหยกคงยังไม่เกิด 555+
เลยยังไม่มีเรื่องโรแมนซ์ๆ แบบนี้มาเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้างอ่ะค่ะ
งืดๆๆๆ อิจฉาคนที่มีคู่จัง ... T_T
ชอบกระทู้นี้มากๆๆๆ โรแมนซ์สุดๆๆๆ
อ่านไปอมยิ้มไป อมยิ้มไปแล้วอ่านไป
แต่...สงสัยคู่ของหยกคงยังไม่เกิด 555+
เลยยังไม่มีเรื่องโรแมนซ์ๆ แบบนี้มาเล่าให้เพื่อนๆฟังบ้างอ่ะค่ะ
งืดๆๆๆ อิจฉาคนที่มีคู่จัง ... T_T
นู๋หยก 08-1010-1690
suiteeruk@hotmail.com
ลึกลงเท่าไรก็ยิ่งมืดมน ค้นไปเท่าไรก็ยิ่งสับสน
ส่วนลึกในใจคน ใครจะรู้จริง..........
อิจฉาเพื่อนๆ จัง เรายังหาไม่เจอเล้ย
สงสัยไม่มีอารายดี เฮ้อออ
ในนี้เค้ามีบริการจัดหาคู่ไหมเนี่ย
เจอกันตอนเรียน ม. 1 สามีโคตร ขี้แกล้ง แกล้งทุกคน ทุกวันนี้ ก็แกล้งอยู่
เพิ่มนิสัย ชอบแกล้งลูก แทนเราแล้ว
เป็นแฟนกันตอน ม.4 อายุ 16 ปี ว้าววววววว
ความทรงจำ คอยย้ำเตือน..
อ่านไป ยิ้มไป มีความสุข![]()
เจอกะแฟนตอนไปทำงานที่มาเลเซีย ไปทำงานแปดเดือนได้แฟนกลับมา 1 คน มีแต่คนอื้ง คิคิ
เจอกะเค้าตอนไปทำกิจกรรมของแผนก หัวหน้าเรียกเราให้ถามคำถาม
เค้านั่งอยู่ด้านหลังห้อง เรานั่งอยู่ด้านหน้าห้อง
เค้าบอกว่าปิ๊งเราจากด้านหลังหรือก้นนั่นเอง - -'
แต่เรานี่จำเค้าไม่ได้เลยว่ามีคนๆนี้อยู่ในงานด้วยเหรอ อิอิ
ช่วงนั้นเล็งแต่คนจีนคะ เพราะคนจีนที่นั่นไม่ขาวซีด ชอบๆ
แต่ตานี่อินเดีย ดำปี๋เลย
จนเราต้องเข้างานกะบ่าย เลิกห้าทุ่ม แฟนทำงานกะกลางคืน
เพื่อนเราก็ฝากเค้าให้ไปส่งเรา เพื่อนย้ำมากๆ คนนี้คนดีๆ
เหอๆ เห็นหน้าล่ะ เนี่ยหรอคนดี แบบว่าดำมากกกก หน้าดุ ตัวสูงใหญ่ สูงเกือบ 190ซม. แน่ะ
จนวันสุดท้ายที่เราต้องเข้ากะบ่าย เค้าก็ขอเบอร์เรา เราก็ให้ไปตามมารยาท
ล่ะก็คบเพราะเค้ามีรถ หุๆ ;p อยู่นู่น ถ้าไม่มีรถก็ลำบากอ้ะ ไปไหนมาไหนแท็กซี่อย่างเดียว
อีกอย่าง ได้ฝึกภาษาด้วย สำเนียงเค้าดีกว่าพวกมาเลย์หรือจีน
ก็คบกันมาเรื่อยๆ มีความสุขดี เทคแคร์ดี นี่แหละ "รักคนที่เค้ารักเราดีกว่า" เพิ่งจะเห็นด้วยกับคำนี้ก็อีตอนนี้แหละ
..........
..........
จนเราต้องกลับมาไทยแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะยืนยาวไปได้แค่ไหน
ได้แค่เมสเสจหากัน โทรคุยกันไม่บ่อย เงินไม่พอใช้ซักกะเดือน เพราะภาระเค้าเยอะ
เราก็ไปทำงานที่นู่นไม่ได้แล้ว พ่อกับแม่ไม่อยากให้ไป
เคยตื๊อๆให้เค้ามาทำงานที่นี่ เค้าก็มาไม่ได้ เป็นห่วงแม่เค้า ก็บอกให้เค้าพาแม่มาด้วยนะ
แต่คิดๆไปก็สงสารแม่เค้าเหมือนกัน ถ้ามานี่คงต้องปรับตัวเยอะเลย ภาษาล่ะสำคัญสุด
คนแก่น่าจะปรับตัวยากกว่า เราไปนู่นเรายังอยู่ไม่ค่อยจะได้เลย เห้อออออออ เรื่องเยอะจิง
ก็ได้แต่รอ.....
٩(̾●̮̮̃̾•̃̾)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶ ٩(-̮̮̃ -̃)۶ mynameisgift ٩(̾●̮̮̃̾•̃̾)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶ ٩(-̮̮̃ -̃)۶
ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครสักคน
...คนๆนั้นจะรักเราตอบ
แต่ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครหลายคน
..เชื่อเถอะว่า จะไม่มีใครรักเราจริงเลย
แม่แต้คนเดียว
เจอแฟนครั้งแรกที่ใต้หอตอนปี3
ตอนนั้นมีคนจีบๆอยู่และเบื่อๆ ไม่คิดมีแฟน ส่วนเพื่อนสาวเพิ่งอกหัก เราก็มีเพื่อนชายซึ่งเขามีเพื่อนที่ไม่มีแฟนมา 2 ปี
เลยนัดให้มาเจอกันแต่วันนั้นเพื่อนสาวไม่ว่าง
เราก็เลยไปคนเดียว กับเพื่อนชายเราที่พาเพื่อนมาอีก 3 คน(มีแฟนเราคนปัจจุบันอยู่ด้วย)
สภาพเจอครั้งแรกคือ เพื่อนรออยู่ 2 ชม เพราัะเราเต้นแอโรบิค กลับถึงหอเหงื่อโทรมกายและตัวเหม็น
แต่เราไม่สนใจเพราะไม่รู้จักอีก 3 คนที่มากับเพื่อนชาย(เพื่อนชายไม่ใช่แฟนนะ)
แล้วไปกินข้าวที่ worldtrade เรายังไม่ชอบขี้หน้าแฟนเราเพราะดูหยิ่ง ขับรถโหลดซิ่ง
แต่เพื่อนชายบอกว่าคนนี้ที่จะแนะนำให้เพื่อนสาวเรารู้จัก และเขานิสัยดี
เราก็ยังไม่ชอบขี้หน้าแถมมาท้าเราเล่นเกมแข่งรถและดูถูกว่าผู้หญิงเล่นไม่เก่งหรอก
เลยเล่นแข่งกับเขาจนส้นสูงหัก ตอนกลับต้องเขย่งเท้าตลอด คิดว่าคงไม่มีใครเห็น
อีกอาทิตย์ต่อมาอีตาคนนี้ขอเบอร์เรากับเพื่อนชายโทรมาจีบ บอกประทับใจที่ส้นสูงหักก็เดินต่อไปได้
ตอนแรกๆ date กัน นั่งรถโหลด ซิ่ง ฟิล์มดำมืด กลัวเหมือนกัน พกคัตเตอร์เป็นอาวุธ กลัวเป็นพวกเสือผู้หญิง
แต่คบมา 6 เดือน เค้าเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มือไวเลยจนเราเป็นฝ่ายรำคาญ จับมือเขาก่อนเลย
ก็เลยต้องเป็นแฟนอีตาคนนี้ มา 11 ปีแล้วค่ะ จะเป็นแม่สื่อ แต่แม่สื่อเอาซะเอง อิ อิ
ส่วนเพื่อนชายเรามาเห็นเพื่อนสาวเราก็จีบเพื่อนสาวเราแทนซะงั้น
ไม่ชอบของปลอม
ไม่อยากโดนหลอก
ของปลอมออกไป
ไกลๆ SBN
เค้าว่ากันว่าคนแก่ชอบรำลึกความหลัง...จริงป่ะ...ก็เราแก่จริงนี่นา ขอเล่าบ้างละกัน....
เจอกันเมื่อ 1994 อีก 2 วันจะครบ 15 ปีแล้ว
เราอยู่New Hampshire แต่มาเรียนที่ Boston เค้าเป็นเพื่อนของเพื่อนเราอยู่กันที่ Atlanta (เทียบแล้วเหมือนอยู่เชียงรายกะปัตตานีมาเจอกัน) นัดกันจะมาเที่ยวแล้วแวะมาหาเราที่ Boston อายุน้อยกว่าเรา 2 ปี ก็คุยกันเที่ยวไปคุยไป ทำไม๊ ทำไม..คุยกันถูกคออย่างนี้ เป็นทริปที่มีความสุขมาก.จากกันก็คิดถึง..กลุ่มเพื่อนๆติดใจก็นัดมาเจอกันอีกคราวนี้ได้เรื่องเลย..งานเข้า..
เราเรียนจบก่อน กลับมาทำงานที่เมืองไทยก็เหงา..เศร้า..มีความรัก พ่อแม่สงสัยทำไมเราคุยโทรศัพท์ทางไกลวันละ 8-9 หน แฟนเสียค่าโทรศัพท์หลายหมื่นบาทต่อเดือน บังเอิ้ญ..บังเอิญ..เขากลับมาซัมเมอร์ พ่อเราถูกชะตา พ่อสงสารด้วยล่ะ เลยให้เราไปเรียนต่อกะแฟนอีก 1 ปี (กว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้เลือดตาแทบกระเด็น) เราโชคดีว่าเส้นสมองมาหยักเยอะตอนโต ผลการเรียนที่โน้นดีมาก พ่อเลยยอมให้ไปเรียนอีกเมเจอร์นึง ดูใจกันอีก กลับมาทำงานหัวปักหัวปำอยู่หลายปี พ่อให้แต่งงาน เราบอกว่าแฟนยังไม่พร้อม พ่อเราพูดมาว่า "มีเท่าไรถึงเรียกว่าพร้อม 1 พัน 1 แสน หรือ 10 ล้าน ป๊าไม่ขายลูกกิน" แปลว่าพ่อเราไม่เรียกสินสอดแยะนั้นเอง:mrgreen:
ตอนนี้ ลูกสาว 2 คน ไม่สวีทเท่าเก่าเล้ย ตอนเป็นแฟนปีแรกซื้อ Cartier Santos ให้พอแต่งงานเริ่มลด..ลง ลด..ลง..ล่าสุด Baby Shock อ้างว่าอยากให้เมียแต่งแบบเด็กๆๆ![]()
เจอกันตั้งแต่ สอบเทียบ ม.ปลาย แต่เค๊าอยู่คนละ โรงเรียน เดินผ่านไป เเว๊บ ๆ หลังจากนั้น 4 ปีเจอกันที่ มหาลัยเพื่อนค่ะ เดินผ่านกันอีกยังบอกเพื่อนเลย เฮ๊ย ตานี่เรียนที่นี่หรอเนี้ย หลังจากนั้นผ่านไปอีก 5 ปีเจอกันที่ บริษัทเดียวกับเพื่อน ค่ะที่นี้ ก็ถึงเวลาแนะนำ กันซักที่ เดินผ่านมากันหลายปีไม่เคยทัก ไม่เคยสนใจกัน แบบว่าสงสัยตอนเรียนหน้าตาคงไม่ เฝ่ยมั๊ง อิอิ พอเริ่มรู้จักชื่อเราก็ทักเค๊าว่า เคยสอบเทียบ รร. เราช่ายป่ะเค๊ายังตกใจเลยว่าจำได้ไงทั้ง ๆที่ เค๊าไม่เคยจำหน้าเล้ย หุหุ หลังจากนั้นก็เริ่มคบกัน จนถึง ปัจจุบัน ไม่รวมเจอกันตอนเรียน ก็ 5 ปี 11 เดือน แล้วค่ะ
โอ้วถ้า นับตั้งแต่เจอกันตั้งแต่เเรก ก็ 14 ปีแร้ว ซิเนี้ยแว๊ก นานจัง
so cute ka
^_________^
love this thread jung loei