เอาล่ะ บอกตรงนี้ก่อนเลยว่า หลักๆ ของการทำการตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจ คือต้องทำให้ลูกค้า "รู้สึก" ได้ค่ะ รู้สึกว่าผิวดีขึ้น รู้สึกว่าสบายผิว รู้สึกว่าผิวเนียน... อะไรสารพัดจะรู้สึกค่ะ และจะยิ่งดีมากๆ ถ้าสามารถทำให้ลูกค้า "รู้สึกได้ ทันที (immediate effect)" อันนี้ปิดการขายได้ง่ายเลยค่ะ
เพราะฉะนั้น ก็เลยมีผลิตภัณฑ์หลายๆ อย่าง ที่ทำให้ "รู้สึก" เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ผิวดีขึ้นเลยค่ะ
ตัวอย่างเช่น
- โทนเนอร์
จุดกำเนิดของโทนเนอร์ ก็คือแอลกอฮอลล์นั่นเองค่ะ จำกันได้ป่าว เมื่อตอนที่มีโทนเนอร์เข้ามาในสู่ตลาดบำรุงผิวเมืองไทยครั้งแรก ยี่ห้อ "ซีบรีส" ในโฆษณาแสดงให้เห็นว่า ใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าหลังล้างหน้า แล้วมีคราบดำๆ ติดมา พอเห็นภาพนี้ ผู้บริโภคทั้งหลาย ก็เกิดอาการสยอง ต้องรีบไปซื้อโทนเนอร์มาใช้ เพราะอยากให้ผิวหน้าสะอาดสุดๆ
แต่ต่อมา ใช้แล้วแพ้มั่ง แสบหน้ามั่ง หน้าแห้งมั่ง ก็แหงล่ะ เล่นเอาแอลกอฮอล์ไปทาหน้าซะทุกวันเช้าเย็นอย่างนั้น น้ำมันที่อยู่บนผิวหน้าก็หลุดลอยหายไปกับแอลกอฮอล์ ก็ทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองง่ายขึ้น
โทนเนอร์รุ่นใหม่ๆ ก็เลยไม่ผสมแอลกอฮอล์ อ้าว พอเอาแอบกอฮอล์ออกไป คราวนี้ก็เหลือแต่ "น้ำ" เท่านั้นค่ะ
โทนเนอร์ในยุคปัจจุบันก็คือ น้ำ ผสมน้ำหอม และส่วนผสมบางอย่าง ที่ทำให้ "รู้สึก" สบายผิว (soothing) เช่นส่วนผสมจากแตงกวา หรือว่านหางจรเข้
โทนเนอร์ก็อาจจะทำให้ผิวสะอาดขึ้นได้บ้าง เพราะเหมือนกับเอาสำลีชุบน้ำไปเช็ดหน้าอีกทีหลังล้างหน้า ลองใช้สำลีชุบน้ำเช็ดดูสิคะ ก็จะสามารถเช็ดส่วนที่ยังตกค้างอยู่บนผิวหน้าได้เหมือนกันค่ะ
แต่โทนเนอร์ไม่ได้ช่วยให้เซลผิวเปิด เตรียมรับครีมบำรุงอะไรเลยค่ะ ถ้าอยากให้ผิวเปิดจริงๆ ต้องทำให้ผิวถลอก อย่างเช่นการทำ derma roller ค่ะ ให้ผิวชั้นนอกถลอก เลือดซิบกันเลยค่ะ ถึงจะเปิดจริงๆ
สรุปว่าโทนเนอร์ ก็ทำให้ผิว "รู้สึก" สบายขึ้นเท่านั้นค่ะ แต่ที่ยังมีขายกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่า "มันมีมาแต่เดิม" และได้ทำการตลาดไปหลายปีแล้ว ได้บอกผู้บริโภคไปแล้ว ว่าโทนเนอร์เป็นส่วนหนึ่งของการบำรุงผิว แล้วถ้าจะมาเอาออกไปจากกระบวนการบำรุงผิว มันก็ดูกระไรอยู่นะคะ แล้วมันก็ช่วยสร้างยอดขายได้อย่างที และที่สำคัญ กำไรเยอะมากๆ ค่ะ (ก็แค่น้ำใส่ขวดน่ะ ขายตั้งกี่บาท....) ก็เลยต้องขายกันต่อไป...
- "ตัว"ปรับสภาพผิว
ก็มีเรื่องราวเช่นเดียวกับโทนเนอร์ค่ะ คือแค่ทำให้ผิว "รู้สึก" ดีขึ้นค่ะ
- "ตัว" เติมน้ำให้ผิว
ก็คือมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ซึ่งถ้ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ใช้อยู่ สามารถทำให้ผิวชุ่มชื้นดีพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ ยิ่งโดยเฉพาะในเมืองไทย ซื้ออากาศร้อนชื้นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยค่ะ ยกเว้นว่าจะเป็นช่วงที่ผิวหน้าแห้งอย่างสาหัส ประมาณว่าหน้าลอก นั่นก็อาจจะต้องใช้ตัวนี้ช่วยกันบ้าง
ให้สังเกตว่า แม้แต่ผู้ผลิตเอง ก็ยังไม่รู้จะเรียกผลิตภัณฑ์นั้นว่าอะไร เพราะไม่รู้ว่าจัดอยู่ในการบำรุงผิวประเภทไหน (ก็มันไม่ได้ช่วยบำรุงอ่ะค่ะ) จะเรียกว่าโลชั่น หรือครีมบำรุงก็ไม่ใช่ จะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดก็ไม่ใช่ เพราะมันช่วยให้ "รู้สึก" ดีแค่นั้น ก็เลยเรียกว่า "ตัว" ไปซะอย่างนั้น....
- ซีรั่ม (Serum)
ซีรั่ม ส่วนมากเป็น ซิลิโคนออยล์ ค่ะ ซึ่งจะไปอุดตามรูขุมขน เมื่อปิดรูขุมขนแล้ว ผิวก็ดูเรียบ เนียนขึ้น แต่ก็ทำให้ผิวเนียนได้แค่ไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงค่ะ ไม่ได้ทำให้ผิวเนียนถาวร ที่ "รู้สึก" ว่าผิวลื่นๆ เพราะมันเป็นออยล์ พอล้างออกแล้ว รูขุมขน ก็กว้างเหมือนเดิม
สำหรับซีรั่มนี่ ถ้าทาก่อนแต่งหน้า ก็จะดีค่ะ เพราะทำให้ผิวเรียบขึ้น แต่งหน้าง่าย
ซีรั่มก็อาจจะทำให้ผิวหายแห้งได้ด้วยค่ะ ถ้ามีส่วนผสมของออยล์เยอะหน่อย ก็เหมือนกับเอาน้ำมันมาทาหน้าค่ะ ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น แต่ก็อย่างที่บอก ถ้ามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นพอ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ซีรั่มค่ะ
ส่วนที่ว่า ซีรั่มจะลดริ้วรอยเส้นเล็กๆ (แสดงวัย) ได้มั้ย ต้องบอกเลยว่า "ไม่ได้" ค่ะ แต่ที่เห็นว่า ทาปุ๊บ ริ้วรอยหายวับไปเลย นั่นเป็นเพราะออยล์เข้าไปให้ความชุ่มชื้น และซิลิโคน ไปเติมเต็มตามร่องริ้วรอยค่ะ ซึ่งก็จะให้ผลระยะสั้น ล้างออกริ้วรอยก็อยู่ตามเดิม ก็เพราะริ้วรอยแห่งวัยนั่นมันมากับความเสื่อมของกล้ามเนื้อค่ะ แหม... ก็คุณใช้กล้ามเนื้อส่วนนี้มาตั้งกี่ปี ในแต่ละปียิ้มตั้งหลายครั้ง มันก็ต้องเสื่อมกันบ้างค่ะ ถ้าจะลดริ้วรอยให้หายไป ต้องโบท๊อกซ์เท่านั้น เพราะไปหยุดกล้ามเนื้อกันเลยทีเดียวค่ะ
ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ "รู้สึก" เท่านั้นค่ะ
สรุปว่า ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นจริงๆ ก็น่าจะเป็น
1. ทำความสะอาด
ล้างเครื่องสำอางค์ออกได้ ล้างสิ่งสกปรกบนผิวออกได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนี่ไม่ได้ช่วยบำรุงผิวเลยค่ะ ไม่ว่าจะใส่ส่วนผสมอะไรลงไปก็ตาม เพราะยังไงก็จะถูกล้างออกไปอยู่ดีค่ะ เพราะฉะนั้น เลือกยี่ห้อที่ใช้แล้วสบายหน้า ไม่แพ้ ไม่แสบ ก็โอเคแล้วค่ะ
ส่วนออยล์ หรือครีมล้างหน้า เมื่อใช้แล้ว ผิวอาจจะรู้สึกลื่นๆ อยู่บ้าง ก็เพราะมีการตกค้างอยู่ที่ผิวบ้าง เพราะน้ำล้างออกไม่หมด (น้ำกับน้ำมันมันรวมกันได้ซะที่ไหนล่ะคะ) ซึ่งก็อาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ชำระล้าง (สบู่ หรือโฟม) ล้างซ้ำอีกครั้งค่ะ
2. ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นนอก
ก็มอยส์เจอร์ไรเซอร์ค่ะ เลือกที่ใช้แล้วให้ความชุ่มชื้นพอดีกับผิวเรา ไม่แห้งเกิน ไม่มันเกิน ก็โอเคละค่ะ
3. กันแดด
อันนี้จำเป็นค่ะ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นยี่ห้อแพง ก็เลือกที่เราใช้แล้วไม่แพ้ ไม่อุดตันก็พอค่ะ (ส่วนเรื่อง SPF กับ PA เพื่อนๆ คงทราบอยู่แล้วนะคะ)
(ผิดถูกยังไง เพื่อนๆ ผู้รู้ มาแชร์ข้อมูลกันด้วยนะคะ...)