จากประสบการณ์จริงคะ

น้องชายเราเรียนโรงเรียนสองภาษาที่เน้น อังกฤษ จีนเป็นหลัก ตั้งแต่เด็ก จนพอเรียนไปได้สักพัก น้องก้าวร้าวมาก ไหว้ไม่เป็น เชื่อแต่ความคิดตัวเอง ห้องนึงมีแค่ 20 คน ก็อยู่ในสังคมเล้กๆของเขา โรงเรียนลักษณะอินเตอร์ จะไม่เน้นเรื่องเรียนจะเน้นแต่กิจกรรมเป็นหลัก

ในโรงเรียนทุกคนจะใช้แต่มือถือดีดี รองเท้าผ้าใบคู่ละหลายพัน กระเป๋าสตางค์ต้องแพงๆ ตอนนี้น้องเวลาจะซื้อของต้องมองว่าแบรนดืหรือเปล่าถ้าไม่แบรนดืก็จะไม่ใช้ มือถือไม่ดังก็จะไม่ใช้

พอน้องจบ เกรด 6 ทางเราก็เลยปรึกษากันว่าอยากให้น้องไปเรียนโรงเรียนที่มีเด้กเยอะเพื่อพอน้องโตจะได้รู้จักสังคมจริงๆ และได้เรียนเรื่องมารยาทการเข้าสังคม และความเป็นไทย

เลยจับน้องไปเรียนที่โรงเรียนบดินทร์เดชา

พอเข้าไปน้องค่อนข้างตื่นเต้นกับการที่เด้กเยอะมากห้องนึงมี 50 กว่าคน

ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเด้กโรงเรียนรัฐจะประกอบด้วยเด็กหลายๆฐานะ พอเข้าไปอาจารย์ก้เรียกพบบอกค่อนข้างเป็นห่วงน้องเพราะน้องค่อนข้างซื่อ ตามคนไม่ทัน ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ไม่พุดครับ พอเข้าไปน้องค่อนข้างเด่น เพราะตัวโตแบบฝรั่ง มีทั้งคนหวังดีและไม่ดี เข้ามาหาน้อง ตอนนี้เป็นห่วงมากๆ มีเด้กผู้หยิงโทรมาจีบน้องทุกคืน ที่เป็นห่วงเพราะน้องหัวอ่อนมาก ตามเด้กผู้หญิงพวกนี้ไม่ทัน ยิ่งเพื่อนผู้ชายยิ่งไปกันใหญ่

ส่วนเรื่องภาษาไทยน้องกลายเป็นเด้กที่ต้องคิดเป็นไทยแล้วค่อยพุดออกมา ทำให้เรียนไม่รุ้เรื่อง พอเรียนไม่รู้เรื่องเลยขี้เกียจเรียน

ค่อนข้างเป็นห่วง เลยอยากให้ผู้ปกครองทำใจ หากจะให้ลุกเรียนอินเตอร์ ต้องทำใจเลยคะ

ตัวเองก้เรียนอินเตอร์มา แต่เรียนตอนเด้กแล้วมาเปลี่ยนตอนโต

ยกตัวอย่างเวลาจะขอออกนอกห้องไปห้องน้ำ ถ้าเป็นเด้กไทยจะขออณุญาติครูไปเข้า แต่ที่เราเรียน ก็จะเดินไปออกไปเลย หรือถ้าเรียนแล้วไม่รู้เรื่องก้เดินออกไปเลยแล้วไปยืนคุยกันหน้าห้อง

ครูก้ไม่ว่า ที่เราเรียนจะบังคับแค่เข้าห้องต้องตรงเวลาแค่นั้นเองคะ