Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 3 1 2 3 LastLast
Results 1 to 10 of 25

Thread: ถึงคนที่แต่งงานแล้วและคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน...

  1. #1
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Talking ถึงคนที่แต่งงานแล้วและคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน...

    ## ถึงคนที่แต่งงานแล้ว...และคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน .. ##
    (เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านแล้วกินใจมาก
    ลองอ่านและซึมซาบความรู้สึกอย่างช้า ๆ)

    "
    เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากชั้นไป....เธอควรเป็นคนที่จูงมือชั้นออกไป "

    ในวันแต่งงานของผม ผมจูงมือภรรยาของผมในอ้อมแขน
    รถแต่งงานจอดหน้าที่พักของเรา
    เพื่อนเจ้าบ่าวบอกผมว่า ผมควรจะอุ้มเธอเข้าไปในบ้าน
    ดังนั้นผมจึงทำตามเธอเขินอายในอ้อมแขนผม
    ผมช่างเป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุดในโลก...
    นี่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วสิบปี... ในวันถัดๆ มาทุกอย่างก็เหมือนเดิม

    เรามีลูกด้วยกัน...ผมทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว...

    เมื่อเราเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น...
    ความห่างของเราก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน...
    ทุกๆเช้าเราออกจากบ้านไปด้วยกันแล้วก็ถึงบ้านเวลาเดียวกัน
    ลูกเราเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้าน
    ดูเหมือนความรักของเราช่างน่าอิจฉายิ่งนัก...

    แต่แล้ว... ความสงบสุขก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างมิได้คาดหมาย....

    เจนเข้ามาในชีวิตของผม .... ผมยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน...

    เจนเข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง..
    หัวใจผมเต้นแรงด้วยความรัก...
    ที่นี่...เป็นอพาร์เมนท์ที่ผมซื้อให้เธอ...
    เธอบอกว่า คุณเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคน ถวิลหา...


    คำพูดของเธอทำให้ผมนึกถึงภรรยาผม...

    ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ..เธอบอกว่า
    วันที่คุณประสบความสำเร็จ
    ผู้ชายอย่างคุณจะมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหา...


    ผมเริ่มรู้สึกลังเล...
    ผมรู้ว่าผมกำลังทรยศภรรยาผม...แต่ผมก็ได้ทำลงไปแล้ว....
    ผมปลีกตัวออกจากเจน
    " วันนี้คุณไปเลือกเฟอร์นิเจอร์เองแล้วกันน๊ะผมต้องเข้าออฟฟิศ " ...
    แน่นอน... เธอไม่ค่อยพอใจนัก เพราะผมสัญญากับเธอ ว่าเราจะไปด้วยกัน...


    ในตอนนั้น...ความรู้สึกถึงการหย่าร้างเริ่มวิ่งเข้ามาในความคิดผม....

    ทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่เคยมีความคิดนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

    แต่ผมก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบอกกับภรรยาของผม....

    ไม่ว่าผมจะพูดกับเธอดีสักเพียงใด...

    เธอจะต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน...

    จริง ๆ แล้วเธอเป็นภรรยาที่ดีมาก... ทุก ๆ
    เย็นเธอจะวุ่นวายกับการทำอาหาร..
    ในขณะที่ผมนั่งอยู่หน้าทีวี ทานอาหารเสร็จเราก็นั่งดูทีวีด้วยกัน...

    หรือ... ถ้าผมจะเลือกเป็น...นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์....

    มองเรือนร่างอันงดงามของเจน...
    ช่างเป็นอะไรที่หน้าฝันถึงเสียจริง

    วันนึงผมพูดทีเล่นทีจริงกับภรรยาของผมว่าจะเธอจะทำยังงัยถ้าเราหย่ากัน...

    เธอจ้องมองผมอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...และเธอก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร..

    เธอมั่นใจว่าการหย่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวเธอมาก...

    ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอรู้ว่าเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง... เธอจะเป็นอย่างไร


    วันนึงภรรยาผมมาที่ออฟฟิศ...สวนทางกับเจนที่เพิ่งจะออกไปพอดี...

    พนักงานทุกคนทำหน้าตาเลิกลัก... เหมือนกำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างจากเธอ....

    เธอเหมือนจะรับรู้มันได้... แต่เธอก็ยิ้มน้อย ๆกับพนักงานทุกคน....

    แต่ผมก็สังเกตุเห็นแววตาที่เจ็บปวดของเธอภายใต้รอยยิ้มนั้น


    ในที่สุด...เจนก็บอกกบผมว่า...หย่ากับเธอนะ..แล้วเราอยู่ด้วยกัน..ผมพยักหน้า....


    ผมจะลังเลอีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว....ผมตัดสินใจบอกภรรยาผมในอาหารค่ำ..

    ผมมีอะไรจะบอกคุณ... เธอนั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ...

    ผมสังเกตุเห็นแววตาอันเจ็บปวดของเธอ...มันทำให้ผมพูดในสิ่งที่ผมต้องการพูดไม่ออก..

    แต่ท้ายที่สุดผมก็พูดออกไป...


    ผมต้องการหย่า...


    เธอดูไม่ตกใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดออกไปเลย...

    ผมย้ำกับเธออีกครั้ง...เธอเขวี้ยงตะเกียบในมือทิ้ง...

    แล้วตะโกนใส่หน้าผมว่า..คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย...เราไม่ได้คุยกันอีกเลยคืนนั้น...


    เธอร้องไห้อย่างหนัก...


    ผมรู้ว่าเธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแต่งงานของเรา...

    แต่ผมเองไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้...เป็นเพราะใจผมได้ให้เจนไปหมดแล้วงั้นเหรอ...

    ผม คงไม่สามารถบอกเธออย่างนั้นได้..มันจะทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...


    ผมร่างสัญญาการหย่าร้างขึ้น...ระบุว่า..เธอเป็นเจ้าของบ้าน...

    ทุกๆ อย่างในบ้าน ทั้งรถ... หุ้นบริษัท
    30% ผมยกให้เธอหมด....
    เธอเหลือบมองกระดาษที่ผมร่างขึ้นแล้วฉีกมันทิ้ง...
    มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น...

    ผู้หญิงที่ผมอยู่ด้วยมาเป็นระยะเวลาสิบปีกลายเป็นคนแปลกหน้ากันภายในหนึ่งวัน...

    ผมไม่สามารถคืนคำที่ผมพูดไปได้...


    เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด...
    สำหรับผมแล้ว...การร้องไห้ของเธอเหมือน
    เป็นการปลดปล่ยยความสับสนของตัวผมเอง...

    หลังจากที่ผมกลุ้มใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของผม

    ..
    ในที่สุด...มันก็เป็นรูปธรรมขึ้นมาจริงๆ เสียที
    คืนนั้น...ผมกลับถึงบ้านค่อนข้างดึก...
    เห็นเธอเขียนอะไรบางอย่างบนโต๊ะ.

    .
    ผมหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความเพลีย...
    ผมตื่นขึ้นมาอีกทีแล้วพบว่า...


    เธอเขียนเงื่อนไขการหย่าร้างว่าเธอไม่ต้องการสิ่งใดจากผม...

    แต่เธอต้องการให้ผมให้เวลาเธอหนึ่งเดือนเพื่อตั้งตัวสำหรับการหย่า...

    และในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้นทุกอย่างต้องดำเนินไปตามปกติ...

    ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอต้องการให้ลูกจบการศึกษาซึ่งกำลังจะมาถึงเสียก่อน..

    เธอไม่อยากให้ลูกต้องเห็นความล้มเหลวในการแต่งงานของพ่อแม่ก่อน
    เวลานั้นจะมาถึง...


    รัชต์..คุณจำได้มั๊ย...วันที่เราแต่งงานกัน...คุณประคอง
    ชั้นไว้ในอ้อมกอดในวันที่เราเข้าเรือนหอ..

    ผมพยักหน้า..นั่นเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชั้น.
    ..

    ชั้นมีเรื่องขอร้อง...

    ชั้นอยากให้คุณประคองชั้นไว้ในอ้อมกอดจากห้อง
    นอนไปถึงด้านล่างทุกวันนับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน

    ผมยอมรับด้วยความเต็มใจ...ผมรู้ดีว่า เธอคิดถึงวันดีๆ เหล่านั้น...

    และเธอต้องการให้ชีวิตการแต่งงานเธอจบลงด้วยความทรงจำที่ดี


    ผมบอกเจนถึงเงื่อนไขที่ภรรยาผมตั้งขึ้นในการหย่าร้าง...

    เธอหัวเราะถึงความไร้สาระของเงือนไข....

    ภรรยาผมบอกกับผมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

    ...
    เธอจะต้องยอมรับผลของการหย่าร้างให้ได้...

    คำพูดของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง....


    เราไม่ได้ถูกต้องตัวกันเลยนับแต่วันที่ผมขอเธอหย่า

    ...
    ความจริงเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันด้วยซ้ำไป...

    พอถึงวันที่ผมประคองเธอลงจากห้องวันแรก...มันจึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูก...

    ลูกชายเราตบมือแล้วพูดด้วยความดีใจว่


    ว้าว...วันนี้พ่ออุ้มแม่ลงจากห้องด้วย....มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น......

    เธอบอกว่าอย่าบอกลูกเราถึงเรื่องของเรา...ผมพยักหน้า...ด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มเปี่ยม...

    ผมขับรถไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์..แล้วเลยไปออฟฟิศ


    วันถัดมา...ความรู้สึกขัดเขินเริ่มน้อยลงไป...เธอซบบนอกผม...

    เราใกล้ชิดกันมากจนผมได้กลิ่นน้ำหอมของเธอ...

    ผมถึงได้ตระหนักว่า....เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว...เธอเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น


    ในวันที่สาม...เธอกระซิบบอกผมว่าสวนกำลังรื้ออยู่ให้เดินระวังด้วย...


    ในวันที่สี่...มันช่างเหมือนกับว่าเราเป็นคู่รักที่หวานชื่นมาก...ภาพของเจนเริ่มเลือนลางไป...


    วันที่ห้าและหก..เธอคอยเตือนผมในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่นเธอวางเตารีดไว้ที่ไหน..

    ผมควรจะระวังอะไรบ้างตอนทำอาหาร...และอื่นๆ อีกมากมาย...

    ความสนิทสนมของเราเพิ่มมากขึ้นทุกที...ผมไม่ได้บอกเจนถึงเรื่องนี้เลย...

    ผมรู้สึกว่าผมอุ้มเธอง่ายขึ้นทุกวันโดยไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอเลย...

    หรือบางทีคงเป็นเพราะผมแข็งแรงขึ้น...แต่แล้วผมก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด...

    เป็นเพราะว่าเธอผอมลงจนไม่สามารถใส่เสื้อผ้าเดิมได้

    ..
    นั่นต่างหากที่ทำให้ผมอุ้มเธอได้ง่ายขึ้น
    ผมรู้ดีว่าเธอพยายามซ่อนความขมขื่นเอาไว้...

    ลูกของเราร้องขึ้นว่า พ่อได้เวลาอุ้มแม่แล้วน๊ะ...

    สำหรับลูกแล้ว...การได้เห็นพ่ออุ้มแม่เป็นภาพที่เขามีความสุขที่สุด....
    เธอเอื้อมมือไปกอดลูกไว้แน่น...ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้จริง ๆ

    ผมกลัวว่าผมจะเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย


    และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง....ผมอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอด.

    ..
    เท้าผมแทบจะก้าวไม่ออก......เธอบอกกับผมว่า...

    ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า

    ...
    ผมกอดเธอแน่น...และผมก็ตระหนักว่า..
    ชีวิตคู่ของเราขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน

    ...
    ผมขึ้นรถทันทีเพื่อจะไปยังจุดหมายใหม่..
    ผมลังเลเล็กน้อย..


    แต่ในที่สุดแล้ว..ผมก็มาพบเจนจนได้.

    ...
    เธอเปิดประตูออก...ผมบอกเธอว่า
    เจน..ผมขอโทษ...ผมจะไม่หย่า....
    เธอมองหน้าผม แตะหน้าผากผม.. คุณสบายดีหรือเปล่า

    เจน...ผมขอโทษ...ผมขอโทษจริง ๆ...ผมจะไม่หย่ากับภรรยาผม...

    ชีวิตการแต่งงานของเราน่าเบื่อมันเป็น
    เพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อย...

    ผมขาดการเอาใจใส่ในตัวเธอ....มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้รักกัน....

    ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว....ว่าตั้งแต่วันที่ผมอุ้มเธอเข้าบ้าน

    ...
    เธอมีลูกให้ผม...ผมควรจะประคองเธอไปจนแก่...
    เจนตบหน้าผมอย่างแรงและกระแทกประตูใส่ผม....


    ระหว่างทางกลับบ้านผมแวะร้านดอกไม้....

    พนักงานขายดอกไม้ถามว่าจะเขียนว่าอะไร

    ....
    ผมให้เธอเขียนว่า..." ผมจะอุ้มคุณทุกเช้าจนกว่าเราจะแก่ "
    เรื่องเล่าจาก FW ครับ
    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  2. #2
    hut2211's Avatar
    hut2211 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,986

    Exclamation ภัยจากนามบัตร ..

    Subject: ภัยจากความใจดี


    หญิงคนหนึ่ง ไปเติมแก็สที่ปั้มแก็ส มีชายมาเสนอบริการทาสี โดยยื่นนามบัตรให้ หญิงคนนั้นก็รับมาอ่าน แล้วถือเข้ามาในรถด้วย สักครู่เมื่อขับรถออกมาจากปั้มแก็ส ก็สังเกตว่าชายคนนั้นขับรถ
    ตามมา และเธอก็รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยออก เธอรับเปิดหน้าต่าง และตระหนักว่ากลิ่นนั้นมาจากมือของเธอเอง ซึ่งเป็นมือข้างที่เธอรับนามบัตรมาจากชายคนนั้น เธอตัดสินใจขับรถและกดแตรดังไปตลอดทางเพื่อขอความช่วยเหลือ ชายคนนั้นจึงขับรถหนีไป

    ยาที่ป้ายบนนามบัตร คือ ยา BURUNDANGA เพิ่อให้เราหมดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วเจ้า
    ตัวร้ายก็จะขโมยของและหรือข่มขืนเรา โดยยานี้มีประสิทธิภาพแรงกว่ายาที่ใช้ข่มขืนสาวๆ ถึง 4 เท่า

    ดังนั้นอย่ารับ กระดาษ นามบัตร แผ่นพับ จากคนแปลกหน้านะจ๊ะ !!!!


    บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้น ใจย่อมอยู่สบาย......
    อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ไม่มี แต่จงภูมิใจในสิ่งที่มีอยู่...
    โกงเค้าชาตินี้ 1 ต้องใช้เค้าชาติหน้าเป็น พัน ทำทำไม?
    ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนเสื่อมจากศาสนา

    ธรรมนิยายธรรมะผู้สละโลก
    http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee/web/%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81


  3. #3
    Join Date
    May 2010
    Posts
    4,386
    โดนใจคนมีคู่(เรา)อย่างแรง ซึ้งค่ะ ใส่ใจ,ซื่อสัตย์,มั่นคง,ให้เกียรติกันสำคัญที่สุด

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    581
    โอ้ว หักมุมดีจริงๆ สองเรื่องสองรส
    กำลังซึ้งๆ อยู่ กลายเป็นเรื่องมิจฉาชีพซะงั้น ฮา


    เรื่องน่ารักดีค่ะ ไว้จะส่งให้พี่ที่กำลังมีปัญหาใกล้เคียงนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
    ----:: Brief Olive / Vert Fonce ... i'm !oving u ::----

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    167
    ชอบทั้ง 2 เรื่องเลยครับ
    When you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth

    Sherlock Holmes

  6. #6
    ruthai_s is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    5
    เรื่องแรกซึ้งกินใจ เรื่องที่สองหนาวกินใจ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องเล่าดีๆ และเรื่องเตือนภัยสังคม

  7. #7
    ratkatu's Avatar
    ratkatu is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    173
    เรื่องแรกกินใจมากๆค่ะ ส่วนเรื่องที่สอง...น่ากลัวอะ
    AcHTuNg BiSSiGeR HuNd!!!!!

  8. #8
    N a m F o n's Avatar
    N a m F o n is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    อยากให้คุณพ่อบ้านของเรา อุ้มเราไปจนแก่บ้างจัง
    ♥ชีวิตคือการเรียนรู้..สู้ต่อไป อย่าท้อที่จะทำดี♥
    My Blog:- http://ceciliamalee.bloggang.com

  9. #9
    VilePuPae's Avatar
    VilePuPae is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    9
    Quote Originally Posted by hut2211 View Post

    ความจริงแล้ว...ชั้นอยากให้คุณอุ้มชั้นไปจนเราแก่เถ้า

    ข้อความตรงนี้ทำน้ำตาซึมเลยอ่ะคะ

    เถ้า>>>>เฒ่า

  10. #10
    bua_benjakamol's Avatar
    bua_benjakamol is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    9
    จะโชคดีเหมือนเค้ามั้ยน้ออออ
    แล้วจะมีสติพอที่จะทำให้ไม่เสียสามีไปได้มั้ยเนี่ย
    ٩(̾●̮̮̃̾•̃̾)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶ ٩(-̮̮̃ -̃)۶ mynameisgift ٩(̾●̮̮̃̾•̃̾)۶ ٩(͡๏̯͡๏)۶ ٩(-̮̮̃ -̃)۶

    ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครสักคน
    ...คนๆนั้นจะรักเราตอบ
    แต่ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครหลายคน
    ..เชื่อเถอะว่า จะไม่มีใครรักเราจริงเลย
    แม่แต้คนเดียว

Page 1 of 3 1 2 3 LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •