Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 2 of 3 FirstFirst 1 2 3 LastLast
Results 11 to 20 of 67

Thread: ทุกข์สุดๆค่ะ คุณแม่สามี(ใจร้าย)ทำเรา(ใจร้าว)เลยคร่า ทนไม่ไหวแล้ว จะอยู่หรือไปดีคะ ฮือ.......ฮือ

Hybrid View

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    13
    ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่าอดทนค่ะ เข้าใจความรู้สึกคุณมุกเลย แต่ยังไงก็ต้องอดทนเพื่อนลูกเพื่อครอบครัวนะคะ พยายามเลี่ยงที่จะเจอกับคุณแม่สามี การออกไปทำงานข้างนอกอย่างที่เพื่อนๆๆให้ความเห็นก็เห็นด้วยค่ะ ทำให้เวลาเจอกันน้อยลง จะได้สบายใจค่ะ พยายามหาเพื่อนคุยด้วยตลอด อย่าเอามาเก็บไว้คนเดียวนะคะ อย่างน้อยคุณมุกก็ยังโชคดีที่คุณสามีเข้าใจ เพียงแต่คุณสามีอาจจะยังทำไรมากไม่ได้เพราะนั่นก็แม่ นี่ก็ภรรยา คิดอีกแง่คุณสามีอาจลำบากใจมากกว่านะคะ ยังไงก็ขอให้คุณมุกใจเย็นๆๆ ค่อยๆๆคุยกับสามีบ้างถึงความรู้สึกของคุณมุก เพื่อให้เค้าเข้าใจความรู้สึกของเรา ยังไงเป็นกำลังใจให้นะคะ เชื่อว่าคุณมุกต้องทำได้ค่ะ อดทนๆๆๆ เพื่อลูกนะคะ

  2. #2
    ratkatu's Avatar
    ratkatu is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    173
    อดและทนค่ะ เพื่อลูก
    AcHTuNg BiSSiGeR HuNd!!!!!

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    77
    ไม่เคยเจอ ยังไม่ได้แต่งงาน หุหุ แต่อยากบอกว่า ถ้าสามีน่ารัก ยังไม่ต้องแยกออกไปหรือแยกทางกันหรอกคะ

    คุณ mookmik ลองหาทางออกไปทำงานนอกบ้านได้ไหมคะ

    เอาแบบใช้เวลาอยู่ในบ้านแค่ตอนค่ำ ๆ กะนอน (จะมีคนดูลูกให้รึป่าว ถ้าลูกไปโรงเรียนแล้วก็ดี จะได้ออกบ้านพร้อมลูกเลย)

    ทำตัวแบบว่า อยากทำงาน (ที่กงสีสามี ไม่มีให้ทำ) มาก ๆ

    เพราะถ้าเราทำตัวเป็นอริ กะแม่สามี สามีที่น่ารักของเราคงทุกข์ใจ (ถ้าสามีไม่ดี ตัดสินใจง่ายมาก)

    เอาเป็นว่าคิดซะว่าอย่างน้อย เราก็ได้สามีที่ดี ดีกว่าเจอครอบครัวสามีดีกะเรา แต่สามีไม่ดีนะคะ

    ไม่รู้ช่วยได้ไหมน้า

  4. #4
    cutiezee is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,040

    Smile

    ยังไม่แต่งงาน เหมือนคนข้างบน
    ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มีแม่สามีแบบนี้ด้วย .. คิดว่ามีแต่ในละคร
    ทำใจยอมรับและอดทนค่ะ

  5. #5
    TUBTIM is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    2
    คือถึงตอนนี้แล้วคงต้องอดทน และ ทำใจค่ะ

    เวลาโดนตำหนิ อยากให้คุณมุกฟังหูซ้ายทะลุหูขวาค่ะ อย่าไปใส่ใจ
    คิดว่าปากเค้ามีก้อพูดไปเรื่อย อย่าไปคิดถึงความหมายค่ะ
    เพราะเซ้นส์ของแต่ละภาษามันไม่เหมือนกัน ในภาษาจีนบางคำแปลเป็นไทยแล้วหยาบมาก ๆ
    แต่ในภาษาจีนคือก็เป็นคำเรียกที่ไม่ค่อยสุภาพแค่นั้นค่ะ

    ส่วนเรื่องอาหาร ในเมื่อไม่ให้ซื้อ ไม่ให้ทำ ก้อสั่งแม่ครัวนั่นแหละทำ
    ให้แฟนเป็นคนสั่งให้ อย่าไปสั่งเอง กินเหมือนแม่ผัวแหละค่ะ แต่ให้ทำเยอะหน่อย

    ส่วนเรื่องเวลาจะพูด จะเอาอะไร ให้แฟนเป็นคนพูดแหละค่ะ ยังไงแม่ผัวเวลาลูกชายพูด
    ก้อจะยังเกรงใจลูกหน่อย คือเอาเหตุผลมาว่ากันบ้าง ไม่ใช่อคติล้วน ๆ ค่ะ

  6. #6
    yai_625's Avatar
    yai_625 is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    254
    เห็นด้วยกะคุณTUBTIMค่ะให้สามีพูดเราอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเลยค่ะ
    ถ้าลูกโตหน่อยก็หาเรื่องออกนอกบ้านค่ะ พาลูกไปเล่นกีฬา ดนตรี เรียนพิเศษ
    เป็นเรื่องเกี่ยวกะหลานไม่น่ามีปัญหาค่ะไม่ชอบเราแต่รักหลานอยู่แล้วคุณก็จะได้ออกไป
    เจอแม่ๆด้วยกันคุยกันก็คลายเครียดไปค่ะ คิดว่าเวลาจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้นค่ะ
    ไปข้างนอกมาก็ซื้อของที่เค้าชอบมาฝากทำไปเถอะค่ะซักวันก็ใจอ่อน

  7. #7
    kutie2hiso is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    19
    คิดเหมือนกันว่าให้ไปหางานทำ หรือ ไม่ก็ออกไปข้างนอกทุกวันจะได้ไม่ต้องมาเจอหน้ากัน เจอเฉพาะตอนกลางคืน แต่จริง ๆ แล้วในความรู้สึกของตัวเองคือน่าที่จะไปใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพัง พ่อ แม่ ลูก เพราะมันเหมือนกับว่าถ้าเราอยู่บ้านเดียวกัน สามีของคุณก็คือลูกแหง่ ใครอยากจะหาว่าเนรคุณก็เชิญก็ในเมื่อเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ อ้อ เห็นบอกว่าลูกสะใภ้อีกคนไม่ต้องทำอะไรก็แสดงว่าอยู่บ้านเดียวกันใช่ไหมค่ะ ก็ดีเลยเราย้ายออกมา แล้วให้สะใภ้คนโปรดอยู่ปรนนิบัติไปสะ ฮะฮ่า เขียนแล้วมันส์สสสสสสสส เพราะเหมือนกับตัวเองมาก ก็คือแม่สามีไม่ค่อยชอบเหมือนกัน แต่เราก็ไม่กลัว เค้าพูดอะไรมา แรก ๆ ก็ ยอมนั่งทนฟัง แต่พอหลัง ๆ ทนไม่ไหว เรื่องอะไรจะให้เราเป็นฝ่ายทน คงไม่ทนไปตลอดชีวิตหรอก เราก็เึถียงกลับเลย บอกไม่อยู่บ้านเดียวกันแล้ว ย้ายออกเลย เบื่อมาก ทะเลาะกันแบบว่า สุดสุด คือ ตอนนั้นเราอยู่ที่ออสเตรเลีย แล้วพ่อ แม่สามีก็อยู่ที่นั่น เวลาเราไปพักบ้านเค้า เราก็ให้เงินเหมือนกับค่าเช่าบ้านทุกเดือน แล้วยังจะมาบ่นอีก ก็เลยสวนกลับไปเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรแล้ว ไม่กล้ามาว่าอะไรแล้ว เพราะรู้ว่าถ้ามาว่าอะไรเราอีก เราสวนกลับทันทีเลย คนแก่ก็เถอะไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะถือว่าถ้าเค้าไม่ให้เกียรติเรา ต่อให้เป็นแม่สามี เราก็ไม่นับถือเค้าเหมือนกัน (แรงไปหรือเปล่า ไม่รู้น่ะ แต่ว่าใช้ได้ผล)
    ##########**********@@@@@@@@@@&&&&&&&&&&##########**********@@@@@@@@@@&&&&&&&&&&##########

    Gucci is my first priority. My children are next. THANKS SBN.


  8. #8
    oum_ja's Avatar
    oum_ja is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    290
    กระทู้นี้ถ้าจะฮ๊อตฮิตแน่ๆเลยค่ะ.....ปัญหาโลกแตก

    ขอตอบจากประสบการณ์โดยตรงนะค่ะ......

    คุณแม่สามีเรามีลูกชายสองคน แต่รักลูกชายคนโต(คุณสามี)มากที่สุดเพราะแม่ทำอะไรผิดถูกไม่เคยว่าหรือตำหนิใดๆทั้งสิ้น.......ตามใจแม่ทุกอย่าง แม่อยากได้อะไรให้หมด

    ก่อนแต่งงานชอบเรามากมาย เพราะเราไม่เคยขัด (ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันดี...อีกอย่างผู้ใหญ่แนะนำ) ตอนคบกันจะไปไหนคุณแม่สามีไปด้วยทุกครั้ง ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันสองคนเลย พอเรานั่งกันสองคน ก็มานั่งตรงกลางตลอด พอใกล้แต่งก็มาเจ้ากี้เจ้าการ เรื่องชุดแต่งงาน(รับไม่ได้ว่าโป๊...ต่อว่าเราด้วย) พอไปถ่ายรูปเวดดิ้งก็ไปด้วยจะขอถ่ายด้วย พอเราถ่ายมีท่ากอดกันก็โวยวายหาว่าไม่เหมาะสม(กับหน้าที่การงานลูกเค้า)

    ตอนแต่งงานใหม่ๆ....เค้ามาเยี่ยมเรากับสามี พร้อมคุณแม่เรา ประโยคแรกที่พูด ก็บอกกับแม่เราว่าคืนนี้นอนกับเรานะ เขาจะนอนกับลูกชายเค้า

    ชอบพูดจากระทบกระเทียบแดกดัน....นำเรื่องผัวๆเมียๆชาวบ้านมามาเล่า...ตอนท้ายมักสรุปว่าผู้หญิงแย่ ผู้ชายดี โดยเฉพาะผู้หญิงที่เลิกกะสามี ต้องเป็นผู้หญิงไม่ดีมีปัญหา มักพูดเสมอว่ายังไงๆลูกชายต้องเลือกแม่เสมอเพราะภรรยาคือคนนอก ตายไป(ภรรยา)หาใหม่ได้ หาไม่ยาก แต่แม่มีคนเดียว

    เงินเดือนให้คุณแม่สามีไม่ต่ำกว่าสามหมื่นบาท รถที่ขับตัวเองจ่ายแต่เป็นชื่อคุณพ่อสามี......ทุกวันนี้ได้แต่ปลงค่ ะ>___< เกือบเลิกกันแล้ว(มีหนักกว่านี้อีกค่ะ ด่าว่าพ่อแม่เราหาว่าสามีเราเอาเงินมาให้พ่อแม่เราใช้)

    แต่ว่าพ่อแม่ของอุ้มบอกว่า....อย่าไปสนใจเพราะคนที่รักและเข้าใจเราดีที่สุดคือสามีเรา เค้ารักเราและเข้าใจเราทุกอย่าง บ้างคนแม่สามีดีมากมาย...แต่สามีชั่วมากมายอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนที่ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตคือคุณสามีค่ะ ไม่ใช่แม่สามี

    ไม่มีใครเพอร์เฟ็ตหรอกค่ะบนโลกนี้....แต่เราว่าการมีอุปสรรคมันคือเกราะคุ้มกันเราในอนาคตนะค่ะ อีกอย่างนิสัยคนเราคงแก้ไม่ได้....สิ่งที่เราทำได้คือยอมรับความจริงบนโลกนี้ ในขณะเดียวกันก็ขอให้มองด้านดีๆของเค้าบ้าง คงไม่มีใครเลวร้ายไปซะหมดทุกด้านหรอกค่ะ

    เป็นกำลังใจให้นะค่ะ เครียดๆหลังไมค์ได้เลยค่ะPMมาเลย ยินดีรับฟัง^___^
    Love is life.
    And if you miss love,
    you miss life.


    ความรักคือชีวิต
    ถ้าคุณพลาดโอกาสที่จะรัก ก็เท่ากับ
    คุณพลาดโอกาสที่จะใช้ชีวิต


    Leo Buscaglia


  9. #9
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    ทำใจเย็นๆไว้นะคะ คนเราทุกคนเกิดมาพบกันในชาตินี้
    ล้วนเคยผูกพันกันมาในชาติก่อนๆ แต่เราจำไม่ได้แล้วว่า
    เราเคยเป็นอะไรกับใครมาก่อน แล้วเคยทำอะไรกันไว้บ้าง
    ผลก็ต้องดูจากชาตินี้แหละค่ะ บางคนเจอกันก็ถูกชะตากันแล้ว
    บางคนแค่เห็นหน้ายังไม่เคยพูดกัน ก็เหม็นหน้าแล้ว
    ถ้ายังไม่อโหสิกรรมกัน ก็ยังต้องจองเวรกรรมต่อกันไปไม่รู้จบ

    พี่ดิวอยากแนะนำให้ อยู่อย่างให้อภัย ไม่ใช่ทนอยู่ หรืออยู่แบบทน ทนไป
    พอซักวันนึง ถ้าความอดทนหมดไป คราวนี้ระเบิดลงแน่ๆเลย บ้านแตก
    ประมาณว่า "เธอจะเลือกชั้นหรือจะเลือกแม่" ถ้าเค๊าเลือกเรา แม่เค๊าก็เสียใจ
    เราก็จะได้เจ้ากรรมนายเวรตามไปอีก หรือถ้าเค๊าเลือกแม่ เราก็จะเป็น
    เจ้ากรรมนายเวร คอยจองเวรทั้งเค๊า+แม่ต่อไป ถ้าชาตินี้ทำอะไรเค๊าไม่ได้
    ชาติหน้าก็ต้องไปตามจองเวรเค๊าอยู่ดี ถ้าอยากตัดเวรกรรมกันในชาตินี้

    พี่ดิวมีวิธีที่อยากแนะนำ คือสวดมนต์ ไหว้พระ ขออโหสิกรรมต่อแม่สามี
    แผ่เมตตาให้เค๊า ทำทุกๆวัน ไปเรื่อย เราจะอโหสิกรรมให้เค๊าได้เอง
    เมื่อเราอโหสิกรรมให้เค๊าได้แล้ว(ทำได้ด้วยใจ ไม่ได้ทำแต่แค่คำพูดนะคะ)
    เมื่อนั้นใจเราจะมีความสุขมากกกก ไม่อาฆาต ไม่เสียใจ ไม่น้อยใจอีกแล้ว
    เวลาที่เค๊าว่าเรา จิตเราจะมีแต่เมตตาและให้อภัย และพร้อมที่จะทำดีกับเค๊าด้วยใจ
    ไม่ใช่ทำแบบทนทำๆไป เมื่อเราทำได้แบบนี้แล้ว จิต(ใต้สำนึก)ของเค๊าก็จะรับรู้ได้
    ถึงความมีเมตตาจิตของเรา ความอาฆาตพยาบาทที่เค๊ามีต่อเราก็จะลดลง
    เบาบางลง จนอาจหมดไปได้เลยค่ะ
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

  10. #10
    due's Avatar
    due is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    64
    สวดพระพุทธคุณแก้กรรม
    อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ
    โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



    พระพุทธคุณ อาตมาสังเกตมาว่า บางคนเขาไปหาหมอดู เคราะห์ร้ายก็ต้องสะเดาะเคราะห์ อาตมาก็มาดูเหตุการณ์ โชคลางไม่ดีก็เป็นความจริงของหมอดู อาตมาก็ตั้งตำราขึ้นมาด้วยสติ บอกว่าโยมไปสวดพุทธคุณเท่าอายุให้เกินกว่า ๑ ให้ได้ เพื่อให้สติดี แล้วสวดพาหุงมหากาฯ หายเลย สติก็ดีขึ้น เท่าที่ใช้ได้ผล สวดตั้งแต่ นะโม พุทธัง ธรรมมัง สังฆัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ จบแล้วย้อนกลับมาข้างต้น เอาพุทธคุณห้องเดียว ห้องละ ๑ จบ ต่อ ๑ อายุ อายุ ๔๐ สวด ๔๑ อายุ ๓๕ สวด ๓๖ ก็ได้ผล


    พุทธคุณกับชาวคริสต์

    มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียว อยู่ที่ลาดพร้าว เป็นเศรษฐีที่ดิน อายุ ๕๑ ปี มีลูกชายคนเดียว สามีตาย ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ไปส่งเรียนปริญญาที่อเมริกา เป็นเศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น ไปจรดลาดพร้าวหลายร้อยไร่ เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นผู้มีเงิน ก็ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเก๋ง พาจิ๊กโก๋ไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ปีมาแล้ว แล้วก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย เรียนจวนใกล้สำเร็จ ขอเงินอีก ๑ แสน ขอเงินอีก ๕ แสน

    แล้วในที่สุดเขาก็ไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงินสะเดาะเคราะห์ ลูกถึงจะเรียนได้ แล้วก็ได้เงินสะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทำก็ไม่สามารถจะสำเร็จไ แต่พอดีก็มีคนสิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยแวะ เขาบอกอย่าแวะ ก็เลยแกล้งเพทุบายว่าปวดท้อง แวะเข้ามาวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำแวะเข้ามาแล้ว นายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่า หลวงพ่อช่วยทีเถอะ

    แต่อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคริสต์ บอกช่วยหน่อยเถอะเขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย เราก็นึกในใจว่า ขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามาแล้ว ก็บอกให้ฟังว่า ลูกชายไปเรียนที่อเมริกา ไม่เอาไหนเลย พอรู้เข้าว่าเรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยว พานักศึกษาไทยไปเสียหายกัน ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วก็รู้ว่า ลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท และจะสำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีทางแก้ เพราะลักษณะบอกให้รู้ถึงลูก ด้วยว่าลูกชายต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไม่ถึงเรียนไม่สำเร็จ

    มีวิธีแก้ อาตมาก็บอกว่า โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนี้อายุ ๕๑ เขาบอกว่า “ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์” “พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม” “ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไปอย่างนั้นเอง” วันนั้นก็เจ๊ากันไป ไม่ยอมรับ ก็อยู่ได้อีก ๔-๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้มี่มีคนพามาละ เขามากันเอง ๓ คน บอกว่า “ฉันยอมจำนน” บอก “เอาอย่างนี้โยม ไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง”

    “ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย”

    อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลังขี้เกียจเขียนต้องพิมพ์เป็นใบ นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ “ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” “ที่นอนนั้นแหละสวดไปก่อน” อาตมาหาอุบาย เลยก็สวดพาหุงมหากาฯ “ฉันท่องไม่ได้ อ่านตามตัวแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุ ๕๑ สวด ๕๒” “ใช้ก้านไม่ขีด ทิ้งเข้าซิ ทำไปก่อน” เขาเลยมั่นใจว่าคิดว่าจะทำได้ บอกว่า “โยมสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้ลูก อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตั้งใจเรียนหนังสือให้สำเร็จ”

    พอไปสวดได้ ๓ เดือน ท่องได้หมดเลย หนักเข้าก็ไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ

    ข้อหนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจ นอนหลับก็ใจดี เริ่มแผ่ส่วนกุศลให้ถึงลูกแล้ว บุญกุศลของแม่จะถึงลูกถึงตอนไหน รู้กันตอนนี้ เพราะลูกนี่เฟ้อในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อยเลย ไม่รู้บุญกุศลของแม่แต่ประการใด วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึงประมาณ ๖ เดือนหลังจากสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั้นพอดีลูกชายพาพวกนักศึกษาไทยที่ส่งด้วยทุนของตัวเอง ไปเที่ยว ขับรถไปชนเสาไฟฟ้า เพื่อนอยู่ข้างหลังกระเด็นออกจากรถหมด ไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย แต่เจ้านี่ต้องไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้า เสาล้ม ต้องเสียเงินหลายแสน พวงมาลัยอัดหน้าอกไปโคม่าอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้สึกตัว แล้วพอดีมีลูกพี่อยู่คนหนึ่ง เป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไปเยี่ยม ถ้าจะไม่รอดแน่ ก็ให้อ๊อกซิเจน นายแพทย์อเมริกาบอกว่าไม่รอดแน่

    วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตา พอรอดมาแล้วปวดเมื่อยจะตาย น้ำตาร่วงคิดถึงแม่ มันเฟ้อไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่จ๋ากระทั่งแม่ตายไปตั้งนานแล้วอย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จ๋ารำพันคิดถึงแม่

    ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่เรียนหนังสือแล้ว แม่จะเสียใจแค่ไหน ทราบเข้าก็ดีอกดีใจมาวัดเลย เลี้ยงเพลพระ สวดธรรมจักรให้ ๑ จบ

    ในที่สุด พอลูกกลับจากอเมริกาพาลูกมาเลย อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่ก็เล่าให้ฟังเพราะเหตุอย่างนี้ ลูกเลยสวดมนต์ภาวนาแล้วไปเข้าวัดไทย ไปนั่งวิปัสสนาที่เมืองนอก เจ้าคุณเทพโสภณรู้จัก แต่ไม่รู้เรื่องวัดอัมพวัน รู้ว่าเจ้านี่มันนักกรรมฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพ่อให้ฉันสวดมนต์อะไรให้ลูกกลับประเทศไทย ไม่มีกลับเรารู้แล้วไม่กลับแน่

    อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็กหรือใครก็ตาม ก็ต้องประสบทุกข์จะคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ให้เงินไปเฟ้อ ไม่คิดถึงแน่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขามาเล่าให้อาตมาฟัง บอกหลวงพ่อครับ ผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓ - ๔ ปีที่อเมริกา แต่ก็คิดถึงแม่ว่าอยู่กับแม่ป้อนข้าวให้ พัดวีให้ได้ คิดอย่างนี้เลยจึงกลับ แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้ เขาเลื่อมใสอาตมาบอกว่า ถ้าเชื่อนะ ไปเดี๋ยวนี้ ตัดผม เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมที่นี่สิงห์บุรีเห็นได้ชัดมาก เจ้าคนนี้ บอกแหมหลวงพ่อว่าผมนี่ผลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท ดังที่กล่าวแล้ว อาตมาก็ตั้งตำรา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ


    จ่าสอบเป็นนายร้อย

    จ่าที่ศูนย์ปืนใหญ่นี่บอกว่า หลวงพ่ออีก ๒ - ๓ ปีอายุผมเกินแล้ว สอบนายทหารไม่ได้เสียไป ๒ หมื่นก็ไม่ได้ “อย่าไปพูดเรื่องเสียเงินเสียยี่ห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนต์ได้มั้ย ต้องได้แน่ สวดสองคนเลย” พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอกสงสัยบ้านจ่านี่ท่าจะบ้าแล้ว พอผัวจะไปทำงาน “นี่แม่อีหนูมาสวดมนต์แทน ฉันจะไปทำงาน” เมียก็สวดใหญ่ เพื่อนๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาดไปเคยไปเล่นไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมานั่งสวดมนต์

    ในที่สุดสอบได้สอบนายทหารได้เดี๋ยวนี้เป็นพันตรีไปแล้ว แล้วร่ำรวยมีเงินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี้พอสวดมนต์ มีเงินและมีไร่ที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะมันเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ขลังด้วยคาถา แต่ขลังด้วยสติ สวดมนต์แล้วก็มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด สอบเขียนก็ได้เลย ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้ บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษามานี่ติดตามโดยต่อเนื่อง ไม่ใช่ไปบอกขอกฐินผ้าป่า ต้องการประเมินผลขอให้เธอทำตาม บางคนบอกว่าฉันเรียนสำเร็จวิชาครูมาทำอะไรไม่ได้ บอกหนูไม่จำเป็นต้องเป็นครู มานั่งกรรมฐานสวดมนต์เช้า ไม่จำเป็นต้องวิชาที่เรียนตรงเลย มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ ช่วยเหลือผลักดันไปจนได้โดยวิธีนี้

    หนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 3
    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
    เรารักอะไรก็จะทุกข์เพราะสิ่งนั้น
    เพราะว่าสิ่งทั้งหลายล้วนแปรปรวนทั้งสิ้น
    ไม่มีอะไรคงที่อยู่ได้ตลอดเวลา

Page 2 of 3 FirstFirst 1 2 3 LastLast

Similar Threads

  1. Replies: 3
    Last Post: 08-19-2021, 02:46 PM
  2. !!!!!!!!!!!!!! ทนไม่ไหวแล้ว ว้อยๆๆๆๆๆ !!!!!!!!!!!!!!!
    By cottonchef in forum HUMAN; All General Interests เรื่องสนใจส่วนตัว ชมรม ทั่วไป
    Replies: 20
    Last Post: 07-08-2009, 10:38 AM
  3. @@ใจร้าว...ลาเอนาตู@@
    By enjoy7477 in forum HUMAN; All General Interests เรื่องสนใจส่วนตัว ชมรม ทั่วไป
    Replies: 30
    Last Post: 12-06-2008, 11:46 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •