ผมมีลูกน้องอยู่ 2 ประเภทครับ
1.คอรัปชั่นบริษัท (มากน้อยว่ากันไป ) ประจบ กะล่อน ซิกแซก กินใต้โต๊ะ แต่ ทันเกม ทำงานดี มีผลงาน ทำกำไรให้บริษัทมากมาย
2.ถือสัตย์ ถือศิล มีคุณธรรม ไม่กิน ไม่โกง แต่เสี่ยงโดนโกง(เพราะไม่ทันเกมเค้า) งานนิ่ง บริษัทอยู่ได้เรื่อย แต่ไม่โต (ซักที )
ผมเลือกคนประเภทแรกไว้สำหรับการทำงานครับ (เพียงแต่ต้องคอยดูแลกันซักหน่อย![]()
ต้องบอกก่อนว่าที่พูดนี่ ผมไม่แดงไม่เหลืองนะครับ แต่พูดและแสดงความคิดหเห็นในฐานะคนที่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจค่อนข้างสาหัสจากอุดมการณ์และความปรารถนาดีของคนบางกลุ่ม (คนบางกลุ่ม) ประกอบกับคุณพ่อผมท่านเคยมีโอกาสทำงานเป็นบรรณาธิการนิตยสารหัวการเมืองฉบับหนึ่งในอดีต และมีโอกาสคลุกคลีอยู่ในวงการเมืองมานานพอสมควรและอยู่กับวิวัฒนาการทางการเมืองของไทยมานาน ท่านเองก็เคยเป็นหนึ่งในนักศึกษากลุ่ม 14 ตุลา ท่านให้ความรู้ แง่คิดไว้หลายๆเรื่องซึ่งค่อนข้างลึกทั้งในแง่ภาพรวมและในแง่ตัวบุคคล ประเทศเราที่ผ่านมา รัฐบาลจะกี่ยุค กี่สมัย มีรัฐบาลไหนไม่กินบ้าง ..(TIKTOK...TIKTOK..)
แต่คำถามคือ เค้าให้อะไรกลับคืนสู่ประเทศบ้าง รัฐบาลที่แล้วๆมาเท่าทีพอจะประมวลเป็นข้อมูลได้โดยแยกแยะตามสิ่งที่เสียเทียบเคียงกับสิ่งที่ได้นะครับ ...
- รัฐแบบนักบวช (ไม่โกง ไม่ทำ)
- รัฐแบบกรรมชีพ (โกงน้อย ทำบ้าง)
- รัฐแบบนักธุรกิจ (โกงเยอะ ทำเยอะ)
- รัฐแบบทรราช (โกงเยอะ ทำลาย)
ในเรื่องความคิดเห็นส่วนตัวสำหรับสามท่านนี้ ผมรับได้กับคุณทักษิณและคุณสมัครนะ แต่คุณสมชายผมว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งประเภท 1 และ 2 น่ะคับ ซึ่งอยู่ในประเภทที่ผมไม่เลือก
ถามต่อว่า เราน่าจะหารัฐประเภทที่ 5 หรือไม่ รัฐในอุดมคติหรือรัฐเหรียญทอง (ไม่โกง แถม ทำเยอะ ) ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่การพยายามเรียกร้องนั่นก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร
ไม่ฆ่าปลวกเผาบ้าน(ที่มีคนอื่นๆอยู่ด้วย)) และถ้าทำได้เราน่าจะเป็นประเทศแรก นับจากการเกิดประชาธิปไตยทางตรงที่กรุงเอเธนส์ ...
งานนี้ยากมากนะครับ พยายามกันมาแล้วหลาย GEN ถ้าคิดจะทำก็เป็นเจตนาที่ดีครับแต่ต้องไม่ไปเผาบ้านใครอย่างที่ว่า ... แรกๆปิดถนนก็ยังพอรับได้ย้ายเส้นทางเอา แต่ล่าสุดปิดประตูบ้านอันนี้เสียหายหนักครับรับได้ยากกับความพยายามครั้งนี้ ..."ใครไม่เป็นพันธมิตรไม่รู้หรอก" เช่นกันครับคุณไม่โดนผลกระทบคงไม่ทราบถึงความสาหัสที่คนส่วนใหญ่ได้รับ" เอาเป็นว่า ทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ เราเห็นต่างกันได้ เพราะเรามองในมุมที่ต่างกัน แต่อย่าขัดแย้งกันอีกเลย ถ้าทุกอย่างจบลงแล้วก็ดีแล้วครับ หลายๆคนคงเริ่มลุกขึ้นยืนกันได้อีกครั้งแต่อาจจะนานหน่อยก็ว่ากันไป เพียงแต่หวังว่า อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย
วิกฤตบ้านเราในปี 50 -51 ต่างจากปี 40 มากนะครับ ตรงที่ปี 40 คือการเกิดวิฤตภายในบ้านคือเราเร่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างความฝัน สร้างโอกาสโดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริง จึงทำให้บ้านเราเกิดการขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเกิดหนี้เสียในช่วงปีนั้น นำมาสู่การดิ้นรนเพื่อหาเงินมาสนับสนุนและพยุงสภาพคล่องในประเทศด้วยการกู้ยืมเงินจาก IMF นั่นหมายความว่าระเบิดครั้งนั้นลงกลางบ้านเราโดยตรง แต่ในปี 50 - 51 นี้เป็นสเก็ดระเบิดครับ คือเราได้รับผลกระทบจากสหรัฐอเมริกา หรือประเทศที่ใช้เงินดอลล่าห์ในการหมุนเวียน ปัญหาของอเมริกาเริ่มต้นในลักษณะเดียวกับเราเมื่อปี 40 โดยเริ่มจากธุรกิจอสังหริมทรัพย์ คือการสร้างภาวะการกู้ซื้อให้กับคนรายได้น้อย เป็นการอัดฉีดการเจริญเติบโตเกินกว่าความเป็นจริง ทำให้เป็นปัญหาลุกลามแต่เอมริกาไม่เลือกกู้เงินนอกระบบอย่างเรา แต่เค้าใช้วิธีการดึงเงินดอลล่าห์กลับประเทศเพื่อพยุงสภาพคล่อง ส่งผลให้เงินสกุลเงินดอลล่าห์ไม่เกิดความเสียหายนัก แต่ในทางตรงกันข้ามประเทศคู่ค้าจะได้รับผลกระทบทันที โดยโฉพาะธุรกิจที่ใช้ค่าเงินดอลเป็นหลัก..อันนี้คร่าวๆละกันครับเริ่มยาวอ่ะ เมื่อยมือแล้ว 555 สรุปก็คือในเมื่อจริงๆแล้วบ้านเรายังไม่แย่หนักเท่าอเมริกา ยังไงก็อย่าพยายามซ้ำเติมทำให้หนักเท่าหรือมากกว่าเค้าเลยครับ.... ( ตอนนี้เพื่อนบ้านเรากอบโกยกันหมดแล้วครับ)...ส่วนคนสมชายผมเห็นด้วยครับ ตามที่แสดงความคิดเห็นไว้ด้านบ้าน ...ขอบคุณครับตอนแรกก้อคิดอยากถามแต่เกรงใจเด๋วมีข้อพิพาทกันอีกแต่คุณ therese กล้าถามเราก้อขอร่วมถามคุณ aids ด้วยคำถามเดียวกันว่าคิดยังไงนายกวันๆไม่ทำอะไรหนีไปนู่นนี่
ถ้าดูข่าวจะเห็นว่าเมืองไทยดีกว่าเมกาเยอะมากดูข่าวบ้าง น่ะ![]()
จากที่อ่าน ความคิดของคุณ aids เราไม่ได้ต้องการนักการเมืองที่คุณเขียนมาเลย
- รัฐแบบนักบวช (ไม่โกง ไม่ทำ)
- รัฐแบบกรรมชีพ (โกงน้อย ทำบ้าง)
- รัฐแบบนักธุรกิจ (โกงเยอะ ทำเยอะ)
- รัฐแบบทรราช (โกงเยอะ ทำลาย)
เราต้องการคนที่ทำเพื่อชาติและ ต้องการพัฒนาประเทศ โดยจริงใจ และ ไม่โกงกิน ไม่กลัวการตรวจสอบ ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และ รักในหลวงอย่างจริงใจ คุณ อย่าเอาประเทศไปเปรียบกับธุรกิจส่วนตัว การที่คุณยอมรับกับการโกงกินของนัการเมือง โดยอ้างว่า ก็ยังทำงาน เนี่ย เป็นความคิดที่เป็นอันตรายต่อประเทศอย่างมาก ต่อไปเราจะสอนลูกหลานเราว่าอย่างไร เราอยากให้คุณ ศึกษาข้อมูลที่คุณ วีระ สมความคิด ฟ้องทักษิณ ว่าโกงกิน และจาบจ้วง และทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างไร ถ้าคุณได้รับรู้แล้ว แล้วยังรับได้ กับคนคนนี้ เราคง ไม่มีอะไรอธิบาย ให้คุณอีก
ทั้งสี่ประเภทที่อ้างไว้ คิดว่าคงไม่มีใครอยากได้เหมือนกันละครับ ผมก็ด้วยอีกหนึ่งเสียง เพียงแต่เป้นสี่ประเภทที่เราได้เคยเห็นมาบ้างแล้วและมีอยู่จริง ส่วนอีกประเภทก้เหมือนที่ผมพูดไว้คือประเภทรัฐในอุดมคติซึ่งถ้ามีจริง ใครๆก็ฝันถึงใช่ม้า แต่ในประเด็นที่พูดถึงคือถ้ามันมีแค่สี่ประเภทที่เห็นๆส่วนตัวผมก้เลือกประเภทที่สามน่ะครับ เพราะกลัวการเรียกร้องรัฐประเภทที่ 5 เพื่อชาติ ส่วนเรื่องการสอนลูกหลานไม่ให้มีความคิดที่เป็นอันตรายต่อชาติก็ ...เอ่อ...เอ่อ...
![]()
ท้ายสุดในส่วนของการนำธุรกิจส่วนตัวมาเปรียบเทียบก็เพียงแค่ให้เห็นภาพชัดๆจากภาวะรัฐที่มีอยู่จริง ( เป็นไปได้ผมก็อยากได้พนักงานทำงานเก่งไม่โกงไม่กินซื่อสัตย์และน่ารักเหมือนกันแหละน่า ) ยังไงประเทศก็คงเปรียบกับบริษัทไม่ได้ ( เช่นเดียวกับบ่อน้ำ ) ก้แค่หยิบยกตัวอย่างมาแสดงความคิดน่ะจ๊ะ ... เหมือนการพูดคุยกันในวงเพื่อน ยังไงก็อย่าซีเรียสกันขนาดนั้นเลยจ๊ะพี่น้องจ๋า (จริงๆนะ )ไปห้องซื้อขายกันดีกว่า 555 อย่าเครียดกันนักนะจ๊ะ
ทุกอย่างโอเคแล้ว รักกันๆ เดี๋ยวมีทติงครั้งที่ 3 เมือไหร่ แล้วไปยิ้มแย้มนั่งเม้าท์ต่อดีกว่าเนอะ