Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 2 of 5 FirstFirst 1 2 3 4 ... LastLast
Results 11 to 20 of 41

Thread: [Chelsea Football Fan Club]รวบรวม Contentจากกลุ่ม Chelsea Football Club ปี 2010-2011

Hybrid View

  1. #1
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    หงส์ล้มจ่าฝูง!ตอร์เรสเทพเหมาสองขึ้นที่ 9

    หงส์ล้มจ่าฝูง!ตอร์เรสเทพเหมาสองขึ้นที่ 9

    "หงส์แดง"ลิเวอร์พูลกลับมาอย่างยิ่งใหญหลังรวมพลังเปิดรังแอนฟิลด์เอาชนะเชลซี 2-0 จากสองประตูในครึ่งแรกของเฟร์นานโด ตอร์เรสนำทีมคว้าชัย 3 นัดติดขึ้นที่ 9 ส่วน"จ่าฝูง"หยุดแช่อยู่ที่ 25 แต้มนำแมนฯยูฯแค่ 2 แต้มเท่านั้น

    พรีเมียร์ลีก

    วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553


    ลิเวอร์พูล 2-0 เชลซี

    ประตู : 1-0 ตอร์เรส น.11,2-0 ตอร์เรส น.44


    ศึกบิ๊กแมทช์ประจำสัปดาห์ระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซีเกมนี้รอย ฮอดจ์สันกลับมาใช้ระบบ 4-4-2 สู้โดยให้เดิร์ก เคาท์ยืนหน้าคู่เฟร์นานโด ตอร์เรสโดยเจอร์ราร์ดคุมแดนกลางร่วมกับลูคัส

    ด้านเชลซีใช้ 4-3-3 สูตรถนัดมีนิโกลาส์ อเนลก้า,ฟลอร็องต์ มาลูด้าและซาโลมง กาลูเป็นตัวปิดสกอร์แต่ดิดิเยร์ ดร็อกบามีชื่อเพียงแค่ตัวสำรอง

    ครึ่งแรก

    หงส์วิ่งไล่ทันที
    ต้นเกมลิเวอร์พูลไม่เคยแพ้ใครเพราะวิ่งเข้าบีบราวกับเสพม้ามาทำเอานักเตะเชลซีต้องรัดกุมก่อนพยายามเอาบอลไปใกล้ๆพื้นที่อันตรายไว้ก่อน

    เอล นินโญ่ 1-0!!!!!!!!!!!
    เกมที่สูสีที่ยังไร้ความหวาดเสียวแต่โอกาสแรกของเกมนี้ในนาที 11 เป็น"หงส์แดง"ที่ชิงขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่เหมือนไม่มีอะไรเมื่อสเคอร์เทลแทงบอลจากกลางสนามฝากให้เคาท์พลิกแล้วเหลือบเห็นตอร์เรสเลยหยอดข้ามหัวทั้งอเล็กซ์และเจทีก่อนดูดลงอย่างนิ่มแล้วใช้ตัวพิงจนอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเข้าไม่ถึงแล้วยิงหักข้อกระเด้งผ่านมือเช็กบอลตุงหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม

    ตอร์เรสติดใจ
    พอได้แล้วคราวนี้ตอร์เรสมั่นใจขึ้นมาทันตาเห็นเลยได้บอลนอกกรอบก่อนส่องไกแต่หลุดเสาออกไปเอง

    เชลซีลุยแหลก
    ตอนนี้ลิเวอร์พูลหันมาตั้งรับรอสวนทำให้เชลซีได้ครองบอลหาช่องเข้าเจาะเป็นเนื้อเป็นหนังและพยายามเข้าทางด้านมาร์ติน เคลลี่ดาวรุ่งแต่เจอสไลด์กวาดเต็มๆจนเดอะค็อปปรบมือให้กันเกรียว

    หงส์ไล่หนักคุมกลาง
    เชลซีพยายามจะทำเกมลุยใส่แต่แดนกลางยังไม่สามารถทำเกมได้เนื่องจากเจอร์ราร์ด,ลูคัส,เมเลเรสรวมไปถึงเคาท์และมักซี่วิ่ไล่ช่วยกันได้ดีมากทำให้ลูกโยนขึ้นหน้าเหมือนจะไร้พิษสง เรียกว่าถ้ามีดร็อกบาอาจใช้สูตรนี้ได้

    เมเรเลสยิงเต็มข้อ
    นาที 28 ลิเวอร์พูลอาจไม่มีอะไรในการจ่ายบอลสุดท้ายแต่นาที 28 ลูกครอสของเคาท์ที่เคลลี่เข้าแย่งไปถูกแขนเชอร์คอฟจนเดอะค็อปร้องจะเอาจุดโทษแต่เมเรเลสไม่สนวิ่งมายิงอัดเต็มๆเช็กล้มตัวรับพอดี

    เกมชัดเครียด
    ตอนนี้เกมค่อนข้างเครียดเพราะนักเตะเจ้าถิ่นเริ่มเข้าถึงเนื้อถึงตัวและมีการทำฟาว์ลจากทั้งสองทีมบ่อยมากจนทำให้นึกถึงสมัยโจเซ่ มูรินโญ่ห้ำหั่นกับราฟาเอล เบนิเตซที่แย่งการครอบครองบอลกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

    คาราวะตอร์เรสยิงสวย 2-0!!
    ก่อนหมดเวลานาทีเดียวลิเวอร์พูลมาได้ลูก 2 อย่างไม่น่าเชื่อจากจังหวะที่เชลซีกำลังจะสวนกลับหลังลูคัสกะจังหวะบอลผิดลูกเลยข้ามหัวแต่แอชลีย์ โคลที่กำลังติดเครื่องดันทำช้าเลยถูกรุมตอมทั้งลูคัส,รามิเรสและเจอร์ราร์ดก่อนเป็นอดีตแข้งปอร์โต้แย่งได้แล้วกระชากขึ้นมาก่อนป้ายออกซ้ายให้ตอร์เรสตรงริมกรอบโทษฝั่งซ้ายแล้วลากแต่งเข้าขวาก่อนยิงยัดติดไซด์ทะลุแนวรับโดยเฉพาะเจทีที่แสกหน้าเลี้ยวเบียดเสาเสียบหน้าต่างจนปีเตอร์ เช็กได้แต่ยืนดูเฉยๆ เสียงเดอะค็อปในแอนฟิลด์แทบดังไปถึงหมู่เกาะฟาโรห์กันเลยทีเดียว "หมดครึ่งแรกหงส์แดง"นำ 2-0

    ครึ่งหลัง

    ดร็อกบามาแล้ว
    ไม่เป็นที่แปลกใจเมื่อคาร์โล่ อันเชล็อตติส่งดร็อกบาลงตั้งแต่ต้นครึ่งหลังโดยแทนซาโลมง กาลูที่แทบไม่มีบทบาทใดๆเลย

    มักซี่ยิงไกล
    แต่เริ่มมาได้นาทีเศษๆลิเวอร์พูลเคาะบอลสวนกลับขึ้นมาสวยงามก่อนที่มักซี่จะรับบอลจาก"หัวขิง"แล้วพลิกยิงไกลบอลพุ่งเข้าเป้าดูแล้วสยองแต่เช็กยืนคุมเสาดีรับเข้ามือหนึบ

    ลูคัสสุดยอด
    วันนีลูคัสตัดบอลสำคัญๆได้หลายหนเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแดนกลางในการรับมือกับผู้เล่นของเชลซีอย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าอเนลก้า,มาลูด้าและดร็อกบาต้องเสียท่าให้แข้งฟ้าประทานผู้นี้กันหมดและช่วงนี้"จ่าฝูง"กำลังขึงเกมอย่างหนักหมายจะตีไข่แตกให้เร็วที่สุด

    ดร็อกบาปั่นฟรีคิก
    เชลซีแม้ได้ครองบอลเยอะแต่ยังหาโอกาสง้างเกือกยิงทดสอบเรน่าไมได้เลยแม้กระทั่งได้ฟรีคิก 30 หลาดร็อกบารับหน้าที่ยิงแต่เลือกปั่นจะให้อ้อมกำแพงแต่สงสัยลืมกดล่างขวาบอลเลยไม่ไซด์พุ่งออกข้างเสาไปเอง

    รามิเรสโขกข้ามคาน
    นาที 60 แอชลีย์ โคลเปิดบอลจากปีกซ้ายเป็นรามิเรสโขกเต็มๆแต่บอลข้ามคานออกไปนี่ถ้าเข้าหัวดร็อกบาสงสัยไม่น่าเหลือ

    เชอร์คอฟซัดเรน่าเซฟ
    ทีมเยือนบุกหนักมากอีกนาทีเดียวเชอร์คอฟได้ลูกชิ่งจากเพื่อนก่อนลากกระชากหลุดเข้าในเขตโทษด้านซ้ายแล้วส่องยิงกะให้เบียดเสาแต่เรน่ายืนคุมอยู่ปัดทิ้งหวุดหวิด

    เรน่าโคตรเซฟ!!
    นาที 65 ซูเปอร์เซฟแห่งเกมเกิดขึ้นจากจังหวะที่ดร็อกบาเปิดบอลขึ้นมาทางปีกขวาแล้วมาลูด้าวิ่งสอดมาแปด้วยอีขวาตัดหน้าเคลลี่ระยะเผาขน 6 หลาแต่จอมฮาประจำทีมล้มตัวปัดเซฟเหลือเชื่อมาก

    หงส์รับแหลก
    ตอนนี้"หงส์แดง"ไม่สนใจเกมรุกแล้วเพราะรับเต็มตัวแนวรับใครได้บอลหวดทิ้งแบบไม่ต้องคิดให้มาก

    มักซี่ยิงไกลอีก
    นาที 72 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกทางปีกขวาแล้วสุดท้ายบอลโดนเคลียร์แต่มักซี่ยิงไกลเข้ากรอบแต่ไม่ผ่านมือเช็กที่ล้มรับเข้ามือหนึบ

    เคาท์เกือบซัดเม็ด 3
    อีก 3 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลได้เตะมุมแล้วบอลเคลียร์ไม่ขาดเมเรเลสสบโอกาสยิงบอลโดนไม่เต็มไปติดบล็อกกองหลังแล้วแฉลบมาเข้าทางเคาท์ที่จับแล้วพลิกหมุนตัวยิงตรงระยะ 8 หลามุมแคบแต่เช็กล้มตัวใช้ขาเซฟเฉี่ยวเสานิดเดียวเท่านั้น

    บีบหัวใจ
    เกมของลิเวอร์พูลทำเอาแฟนนั่งลุ้นกันไม่ติดเพราะตอนนี้เป็นเชลซีที่บุกวันเวย์แล้วตอนนี้อันเช่ส่งตัวรุกมาหมดทั้งสเตอร์ริดจ์และโบซิงวาในขณะที่รอย ฮอดจ์สันซึ่งเป็นคนเปลี่ยนตัวยากอยู่แล้วยังไม่ขยับทำอะไร

    นิโก้ซัดชนคาน!!
    ก่อนหมดเวลา 4 นาทีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นหลังแนวรับเจ้าถิ่นพลาดปล่อยให้อเนลก้าพลิกบอลในเขตโทษแล้วหักข้อยิงร้อนถึงเรน่าต้องล้มตัวปัดบอลกระเด้งลงพื้นชนคานแล้วกำลังจะเข้าทางดร็อกบาที่วิ่งมาซ้ำเน้นๆ 5 หลาแต่คาร์ราเกอร์มานัวเนียสไลด์ตัดจนเรน่ากลับมาคว้าเข้ามือ รอดตายช็อก!!

    มักซี่หลุดเดี่ยวยิงไม่ได้
    ช่วงทดเจ็บลิเวอร์พูลเกือบหล่อเฟี้ยวหลังจังหวะสวนกลับเอ็นก็อกที่ลงมาแทนตอร์เรสพลิกบอลแล้วไหลให้มักซี่หลุดทะลุเข้าไปล่อเป้ากับปีเตอร์ เช็กแล้วล็อกหนีและแม้นายทวารร่างโย่งจะเอาตัวมาโดนแต่แข้งอาร์เจนไตน์มาล้มช้าไปนิดท่าเลยไม่สวยเท่าไหร่จนฮาวเวิร์ด เวบบ์ให้เล่นต่อไม่งั้นเสียจุดโทษแน่นอน

    หมดเวลา"หงส์แดง"เอาชนะเชลซีอย่างสุดยอด 2-0 และเป็นการกวาดชัย 3 นัดติดทำให้พุ่งจากอันดับ 16 มาอยู่ที่ 9 ห่างจากแมนฯซิตี้ทีมอันดับ 4 แค่ 5 แต้มส่วนเชลซีแพ้เป็นนัดที่ 2 ในฤดูกาลนี้และนำหน้าแมนฯยูไนเต็ดแค่ 2 แต้มเท่านั้น

    รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    ลิเวอร์พูล :
    โฆเซ่ เรน่า 7,มาร์ติน เคลลี่ 8,เจมี่ คาร์ราเกอร์ 7.5,มาร์ติน สเคอร์เทล 7,พอล คอนเชสกี้ 7,ราอูล เมเรเลส 6.5(สเปียริ่ง น.92),ลูคัส เลว่า 8,เดิร์ก เคาท์ 7.5(เชลเวย์ น.84),สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 8.5,มักซี่ โรดริเกซ 6.5,เฟร์นานโด ตอร์เรส 9* (เอ็นก็อก น.88)

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 5.5(โบซิงวา น.70,6),จอห์น เทอร์รี่ 5.5,อเล็กซ์ 6,แอชลีย์ โคล 7,รามิเรส 5,จอห์น โอบี มิเกล 5.5,ยูริ เชอร์คอฟ 6(สเตอร์ริดจ์ น.76,6),ซาโลมง กาลู 5.5(ดร็อกบา น.46,6.5),นิโกลาส์ อเนลก้า 6.5,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 6.5


















































    credit
    เบน ฟรีคิก
    www.soccersuck.com/ss


  2. #2
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    ฮีโร่ทูซีโร่!เอสเซียงยิงชัยก่อนโดนไล่เชลซี 1-0

    ฮีโร่ทูซีโร่!เอสเซียงยิงชัยก่อนโดนไล่เชลซี 1-0

    มิชาเอล เอสเซียงแข้งบัฟฟาโล่คัมแบ็คดราม่าหลังยิงประตูชัยให้เชลซีเบียดเอาชนะฟูแล่มหวุดหวิด 1-0 ขโยกหนีรองฝูง 4 แต้มแต่อับโชคโดนใบแดงท้ายเกมโดนแบนนัดหน้าฮาไม่ออก

    พรีเมียร์ ลีก

    วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2553


    เชลซี 1 : 0 ฟูแล่ม

    ประตู :
    1-0 มิชาเอล เอสเซียง น.30

    "สิงห์บลู" เชลซีเปิดสแตมฟอร์ดบริดจ์ทำศึกดาร์บี้แมตกับ”เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่มด้วยความมุ่งมั่นที่จะเก็บ 3 คะแนนเต็มให้ได้หลังไปพลาดท่าพ่ายลิเวอร์พูลทำให้ช่องว่างของคะแนนห่างเหลือเพียง 2 คะแนน เจ้าบ้านส่งดิดิเย่ร์ ดร็อกบาลงสนามแม้จะเป็นไข้มาลาเรียอยู่โดยมีฟลอร็องต์ มาลูด้าปีกดาวซัลโวนำทีมล่าตาข่ายทีมเยือน

    ด้านฟูแล่มทีมเยือนขาดกองหลังทีมชาติเม็กซิโกคาร์ลอส ซัลซิโด้ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บจากเกมที่เสมอกับแอสตัน วิลล่ามา 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยสตีเฟ่น เคลลี่ได้ลงทำหน้าที่แทนในแนวรับ

    ครึ่งแรก

    เชลซีครองเกมบดแหลก
    เปิดเกมมาก็เป็นเจ้าบ้านเชลซีเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างเพลิดเพลินโดยเปอร์เซ็นต์ครองบอลของเจ้าบ้านสูงถึง 76 เรียกได้ว่าไม่แบ่งฟูแล่มเล่นบ้างกันเลยทีเดียว แต่เจ้าบ้านก็ยังหาจังหวะจัดแจ้งเข้าไปส่องประตูไม่ได้เพราะทางทีมเยือนก็ยันไว้ได้ดีสกัดบอลจังหวะสุดท้ายกันได้ดีไม่มีพลาด

    ฟูแล่มเริ่มได้โงหัวขึ้น
    เข้าสู่ช่วง 20 นาทีแรกของเกม ฟูแล่มที่ตั้งรับข้างเดียวมาตลอดเริ่มตอบโต้เจ้าบ้านได้บ้างแล้วเป็นแม็ทธิว บริกส์แบ็คซ้ายพาบอลลุยขึ้นมาเองจากฝั่งซ้ายก่อนตัดสินใจส่องไกลวัดดวงแต่บอลก็ตรงตัวเช็กรับเข้าซองไม่มีปัญหา

    จนได้! เอสเซียงโขกหายสิงห์เฮก่อน
    นาทีที่ 29 ของการแข่งขันประตูแรกของเกมก็มาเกิดขึ้นจนได้ โดยเป็นเจ้าบ้านที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากการเทคตัวขึ้นโขกแบบเต็มกบาลของเอสเซียงที่ยืนสุดโล่งไร้ตัวประกบในเขตโทษคนเดียวเป็นกาลูที่ครอสบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปอย่างแม่นยำ เชลซีนำแล้ว 1-0

    ดับเบิ้ลเดมประสานงานดี
    หลังจากเสียประตูฟูแล่มที่โดนบังคับให้เปิดเกมรุกมากขึ้นก็อาศัย “ดับเบิ้ลเดม” เดมพ์ซี่ย์กับเดมเบเล่ที่ผลัดกันลากเลื้อยทำเกมโดยเฉพาะเดมเบเล่นี่ต้องยอมรับว่าพลิ้วชนิดหาตัวจับยากจริงๆแต่ก็ยังไม่สามารถหาจังหวะจบแบบจะๆได้

    กาลูยิงไม่เต็ม
    นาทีที่ 40 เชลซีก็ยังไม่เพลาเกมโดยกลับมาเป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้ากดดันฟูแล่มต่อและควรจะได้ประตูที่สองถึงสองครั้งสองคราจากจังหวะที่มาลูด้าลากกระชากผ่านแนวรับฟูแล่มด้านฝั่งซ้ายแล้วครอสเข้ากลางมาให้กาลูซัดโล่งๆด้วยอีซ้ายหน้าประตูแต่โดนไม่เต็มบอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปแบบอย่างน่าเสียดาย

    กาลูซัดหลุดเสาอีก
    ถัดมานาทีเดียวจากจังหวะโต้กลับเร็วซีร์คอฟจ่ายทะลุช่องให้กาลูได้หลุดเข้ามาทางฝั่งขวาแต่ก็สับไกหลุดเสาไกลไปซะอีก เชลซีพลาดโอกาสบวกสกอร์เพิ่มไปอีกครั้งนึง

    จบ 45 นาทีแรก เชลซีเจ้าบ้านนำอยู่ 1-0 โดยที่มีโอกาสจะได้ลูกที่สองหลากหลายครั้งแต่ก็ยังบวกเพิ่มไม่ได้

    ครึ่งหลัง

    เอสเซียงเข้าช้ารับเหลือง
    นาทีที่ 50 เป็นจังหวะเข้าสกัดช้าของเอสเซียงที่เหยียดเท้าพุ่งปลายสตั๊ดเข้าไปใส่เดมพ์ซี่ย์ที่ออกบอลไปแล้ว ทำให้เอสเซียงรับใบเหลืองแรกของเกมนี้ไปก่อนใคร

    หวิดสอง! ฮิวจ์สกัดจากเส้น
    5 นาทีถัดมาเชลซีน่าจะได้ประตูที่สองอย่างยิ่งอีกครั้งหลังกาลูใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกแนวรับของฟูแล่มทั้งแผงเข้าไปแปผ่านชวาเซอร์แล้วแต่ก่อนที่บอลจะไหลเข้าประตูเป็นแอร่อน ฮิวจ์ที่มาสกัดบอลจากเส้นประตูช่วยชีวิตฟูแล่มไว้ได้ทันท่วงที

    เอสเซียงเจ็บแต่เล่นต่อได้
    แฟนๆเชลซีถึงกับต้องกระวนกระวายเล็กๆจากจังหวะที่เอสเซียงขึ้นโหม่งบอลแล้วโดนเอตูฮูพุ่งเข้ามาชาร์จทำให้ลงผิดท่าแต่เอสเซียงก็ออกไปปฐมพยาบาลเล็กน้อยแล้วกลับมาเล่นต่อได้ จากจังหวะนี้มาร์ค ฮิวจ์ตัดสินใจส่งแอนดี้ จอห์นสันลงมาเสริมเกมรุกโดยแทนที่เอตูฮู

    สิงห์น่าได้อีกแล้ว
    นาทีที่ 65 จากการลุยเข้ามาของมาลูด้าผ่านตลอดจนไปดวลกับชวาเซอร์แต่โดนรวบล้มไปเป็นดร็อกบาเติมขึ้นมาสับไกแต่บอลก็ยังไปแฉลบกองหลังฟูแล่มที่ยืนขวางหน้าประตูกันอยู่อีก ซึ่งจังหวะนี้มาลูด้าประท้วงผู้ตัดสินเล็กน้อยว่าควรจะเป็นจุดโทษแต่ผู้ตัดสินก็ถือว่าให้เป็นจังหวะได้เปรียบไป

    ฟูแล่มเหนียวจริง
    ถัดมาไม่กี่นาทีพายุเกมรุกของเชลซีก็พัดเข้าถล่มแนวรับฟูแล่มอย่างต่อเนื่องจากลูกยิงไกลหน้าเขตโทษของเอสเซียงเป็นชวาเซอร์ที่ผวาปัดได้ทันแต่บอลก็มาเข้าทางอิวาโนวิชได้ฮาล์ฟวอลเล่ย์เต็มข้อบอลพุ่งวาบน่ากลัวแต่ก็ยังไปติดบล็อคของกองหลังฟูแล่มออกหลังไปอีก

    เช็กเซฟเยี่ยม
    ฟูแล่มเตือนให้เชลซีรู้ว่าบุกเพลินระวังจะโดน ด้วยลูกยิงจากระยะไกลของเดมพ์ซี่ย์บอลพุ่งแรงแหวกอากาศเข้าหาประตูเชลซีแต่เช็กก็โชว์การป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยมกระโดดปัดบอลออกไปได้อย่างสวยงาม

    เกร่าอัดเต็มข้อไม่ผ่านเช็ก
    นาทีที่ 81 จากการโหม่งสกัดของรามิเรสบอลไปเข้าทางเกร่าปรี่เข้ามาวอลเล่ย์แบบสุดมันส์แต่เช็กก็ยังไวทายาทล้มตัวปัดบอลออกมาได้อย่างสุดยอด เกร่าเกือบจะทำเชลซีงานกร่อยซะแล้ว

    เสียหาย! เอสเซียงโดนไล่!
    นาทีสุดท้ายของการแข่งขันเอสเซียงไปทำโฉ่งฉ่างพุ่งเข้าไปเสียบแบบสไลด์เข้าไปทั้งสองขาใส่ผู้เล่นฟูแล่มโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปแบบไม่จำเป็นต้องเล่นเลยเนื่องจากเชลซีก็กำลังจะชนะอยู่แล้วแท้ๆ

    จบเกม เชลซีเฉือนชนะฟูแล่มไปแบบน่ายิงได้มากกว่านี้ 1-0 นำจ่าฝูงต่อไปได้ตามเป้าด้วยสถิติชนะรวดในบ้านแถมยังไม่เสียประตูในบ้านเลยอีกด้วย

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    เชลซี :
    ปีเตอร์ เช็ก,จอห์น เทอร์รี่,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,แอชลี่ย์ โคล ,โชเซ่ โบซิงวา (แฟร์ไรร่า น.90),จอห์น โอบี มิเกล,ยูริ ซีร์คอฟ,มิชาเอล เอสเซียง ,ฟลอร็องต์ มาลูด้า(รามิเรส น.78),ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา,ซาโลมอน กาลู (สเตอริจ น.85)

    ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาเซอร์,เบรเด้ ฮานเกลันด์,แอร่อน ฮิวจ์,แม็ทธิว บริกส์ (เกร่า น.79),สตีเฟ่น เคลลี่,ดิ๊กซั่น เอตูฮู (แอนดี้ จอห์นสัน น.62),แดนนี่ เมอร์ฟี่,เดเมี่ยน ดัฟฟ์,ไซม่อน เดวี่ส์,มูอัสซ่า เดมเบเล่,คลินท์ เดมพ์ซี่ย์























    credit
    www.soccersuck.com/ss

  3. #3
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    กองแช่งกด Like!เชลซีแพ้แมวคาบ้านช็อก 3-0

    กองแช่งกด Like!เชลซีแพ้แมวคาบ้านช็อก 3-0

    กองแช่งกด Like กันยิกหลังเชลซีที่ไร้สองเซนเตอร์ตัวจริงพลาดครั้งรุนแรงที่สุดในฤดูกาลนี้ด้วยการแพ้ซันเดอร์แลนด์คาบ้านสุดช็อก 3-0 ชนิดฟอร์มสุดห่วยทำให้นอกจากโดนเปิดซิงในสแตมฟอร์ด บริดจ์แล้วยังทำให้การไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกกลับมาเข้มข้นอีกครั้ง

    พรีเมียร์ลีก

    วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2553


    เชลซี 0-3 ซันเดอร์แลนด์

    ประตู : 0-1 โอนูฮา น.45,0-2 กิยาน น.52,0-3 เวลเบ็ค น.87


    คาร์โล่ อันเชล็อตติมีปัญหาในการจัดตัวแนวรับหลังอเล็กซ์ติดโทษแบนส่วนจอห์น เทอร์รี่เจ็บทำให้ต้องใช้เปาโล แฟร์เรียร่าคู่กับบรานิสลาฟ อิวาโนวิชส่วนมิดฟิลด์ยังใช้รามิเรส,มิเกลและเชอร์คอฟซึ่งแฟนเชลซีไม่ค่อยชอบใจนักแต่คงต้องทำใจเพราะเอสเซียงติดโทษแบนส่วนแลมพาร์ดยังไม่หายดี

    ด้านซันเดอร์แลนด์ของสตีฟ บรูซส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามนำโดยเวลเบ็ค,กิยาน,ริชาร์ดและจอมโหดไม่แคร์สื่ออย่างคัทเทอร์โมล

    ครึ่งแรก

    แมวเริ่มต้นพอทน
    ช่วงแรกเชลซีเข้าทำตามสไตล์เจ้าบ้านส่วนซันเดอร์แลนด์ลงไปช่วยกันและจังหวะครองบอลจะมาเล่นใกล้ๆกันเพื่อเค้าบอลทำชิ่งไปมาเรียกว่าเป็นการเริ่มต้นที่โอเคแต่รูปแบบการเล่นเช่นนี้ไม่น่าจะยืนระยะได้นานซักเท่าไหร่

    เชลซียังหนืด
    เล่นมา 10 นาทีเหมือน"แมวดำ"ยังทำได้ดีและพาบอลมาป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษ"จ่าฝูง"ได้บ้างประปรายในขณะที่ลูกทีมคาร์โล่ อันเชล็อตติยังเนือยๆแม้พยายามเข้าทำจากริมเส้นทั้งสองข้างแต่ยังเสียบอลกันเอง

    นิโก้หลุดเดี่ยว
    อีก 7 นาทีต่อมาเชลซีได้โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดและน่าจะเป็นประตูอย่างยิ่งหลังโอบี มิเกลเปิดโด่งปั่นไซด์ตั้งแต่กลางสนามข้ามหัวเซนเตอร์จนอเนลก้าได้วิ่งตัดหลังหลุดเข้าเขตโทษแต่เคร็ก กอร์ดอนปรี่ออกมาบวกใช้มือตะปบบอลกระเด้งหลุดจากเท้าเป็นสุดยอดการเซฟจริงๆ

    เชอร์คอฟโซโล่ยิงถาก
    นาทีถัดมาเจ้าถิ่นมาอีกหนและน่าจะขึ้นนำหลังเชอร์คอฟพลิกบอลหมุนรอบเหมือนตีรถเข้าอนุเสาวรีย์หลับตัวประกบแล้วมากระชากหนีอีก 2 ก่อนไปซัดด้วยอีซ้ายในกรอบบอลดันบดผ่านเสาไกลออกไปอย่างน่าเสียดาย

    รามิเรสทำเสียว
    เชลซีเริ่มบดหนักขึ้นเรื่อยๆแต่ยังโอกาสเหน่งๆไม่ค่อยได้เนื่องจากแข้งซันเดอร์แลนด์ลงไปรับเยอะแตนาที 24 ลูกเตะมุมของเจ้าถิ่นถูกเคลียร์ทิ้งออกมานอกเขตโทษแล้วรามิเรสวิ่งมาโขกแบบตัดหน้าบอลโด่งเสียวร้อนถึงกอร์ดอนต้องถอยกลับไปรับบนเส้นแล้วหลังชนเสาซะสั่นไหว

    ดร็อกซัดฟรีคิกเต็มๆ
    ก่อนครึ่งชั่วโมงหนึ่งนาทีเชลซีได้ฟรีคิกกลางหน้าเขตโทษระยะ 20 หลาเป็นดร็อกบาวิ่งมาอัดเต็มๆและตรงๆบอลทะลุกำแพงไปแฉลบขาโอนูฮาข้ามคานน่าเข้าสุดๆ ถ้าไม่แฉลบสงสัยกอร์ดอนได้ออกแรงเซฟแน่นอน

    เชลซีหาโอกาสเข้าทำจะๆไม่ได้ก็เลยพยายามหาจากวิธีอื่นและลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษยังเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่ดร็อกบาพยายามเป็นหนที่สอวก่อนหมดครึ่งแรก 10 นาทีแต่คราวนี้ปั่นไซด์อ้อมกำแพงแต่กอร์ดอนอ่านทางขาดวิ่งมารับเข้ามือหนึบ

    เช็กซูเปอร์เซฟ!!!
    แต่นาทีถัดมาเชลซีเกือบช็อกทั้งสนามหลังทีมบุกเพลินจนเกือบโดนเองจากจังหวะที่ เปิดบอลปั่นจากปีกขวาให้เวลเบ็คเทคตัวโขกสวนบอลพุ่งเข้ามุมแต่เช็กโชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดบนเส้นสุดเหลือเชื่อ

    เวลเบ็คหลุดเดี่ยว!
    แนวรับเชลซีชักมีรูโหว่เยอะซะแล้วเพราะจังหวะที่เชลซีดันสูงถึงกลางสนามแล้วกิยานพักบอลหันหลังแต่พลิกม้วนหนีก่อนปาดโด่งข้ามเซนเตอร์ให้เวลเบ็คแตะพรวดหลุดเดี่ยวไปยิงด้วยอีซ้ายสวนตัวเช็กแต่ติดบล็อกอย่างน่าเสียดาย

    อิวาโนวิชรอดใบแดง
    แถมนาที 40 อิวาโนวิชโชคดีไม่ถูกไล่ออกหลังซันเดอร์แลนด์ตัดบอลกลางสนามหลุดมา 3 ตัวส่วนเจ้าถิ่นมีแค่ 2 ทำให้เซนเด้นแทงทะลุให้กิยานแต่อิวาโนวิชดักขาเตะเสียฟาว์ลโดนแค่เหลือ

    หลังโคตรรั่วเชลซีโดนจนได้
    เชลซียังบุกเรื่อยๆแต่เกมไม่อันตรายเอาซะเลยแต่แนวรับน่าเป็นห่วงสุดๆเพราะวันนี้โดนยังไงก็หลุดและนาทีสุดท้ายกิยานได้หลุดเดี่ยวอีกแต่อิวาโนวิชเข้ามาบีบทำให้ต้องรีบยิงบอลติดเซฟเช็กแล้วกระดอนไปมุมแคบเสาไกลเป็นริชาร์ดสันวิ่งมายิงซ้ำแต่เช็กมาเหยียดเอาขาเซฟบนเส้น

    แต่จังหวะต่อเนื่องอิวาโนวิชโหม่งเคลียร์ไม่ดีมาเข้าทางโอนูฮาที่ทำท่าเหมือนจะยิงสวนจากนอกเบตโทษแต่กลับกระชากลากหนีมิเกลที่ผวากลัวบอลไปแล้วก่อนมาหนีโบซิงวาและอิวาโนวิชอีก 2 แล้วล้มตัวเขี่ยยิงแบบโดนไม่เต็มบอลค่อยๆกลิ้งกระดุกกระดิกเข้าหน้าต่างไปแบบช็อกแฟนทั้งสนาม หมดครึ่งแรกเชลซีตาม 1-0 และเป็นการเสียประตูในบ้านนัดแรกในฤดูกาลนี้อีกด้วย

    ครึ่งหลัง

    เชลซีโคม่าโดน 2-0
    เล่นมา 7 นาทีเชลซีอาการไม่ดีขึ้นเลยเพราะโดนเจาะตรงเซนเตอร์อีกแล้วคราวนี้"แมวดำ"เล่นหยั่งกะบาร์ซ่าจากจังหวะที่แงะบอลออกจากปีกซ้ายแล้วเวลเบ็คลากหนีมาแล้วป้ายให้เซนเด้นก่อนไหลทะลุช่องให้กิยานหลุดเข้าเขตโทษหนีไลน์ล้ำหน้าแล้วเอียงตัวแปสวนเช็กเข้าไปสวยงาม จังหวะนี้อิวาโนวิชเจอดับเบิ้ลเพราะจังหวะที่เวลเบ็คให้บอลเซนเด้นอิวาโนวิชพยายามจะเข้าไปจับอดีตแข้งเชลซีเองแต่แข้งจอมเก๋าเบิ้ลคืนเร็วทำให้กิยานว่าง สกอร์ช็อก 2-0 คู่เซนเตอร์บ่อสุดๆ

    เกมรุกเจ้าถิ่นทื่อจัด
    เกมรุกของเชลซีที่เคยสะแด่วตอนนี้เละเทะเพราะโอกาสจะยิงก็เจอนัวเนียแทะโลมตัวเอนไปเอนมายิงลำบากแถมลูกเปิดจากริมเส้นก็ยังไม่สามารถฝ่าด่านแนวรับ"แมวดำ"ไปได้เลย

    เวลเบ็คเกือบยิงเม็ดสาม
    แถวนาที 60 สกอร์เกือบไกล 3-0 จากจังหวะฟรีคิกริมเส้นที่เซนเด้นเล่นสั้นกับเวลเบ็คแล้วอดีตเด็กผีแตะเข้าในก่อนกึ่งยิงกึ่งผ่านเลียดบอลไม่โดนใครแล้วเฉี่ยวเสาออกไปเฉย

    เชลซีไร้จิตนาการ
    เกมเนือยๆพร้อมเสียงไม่พอใจของแฟนเชลซีตามจังหวะที่นักเตะส่งหรือจ่ายพลาดกันเองส่วนแข้ง"แมวดำ"เล่นแบบเนิ่บๆต่อบอลเคาะกันเหมือนว่ากำลังลุ้นแชมป์ขนาดโอนูฮายังลากสนุกสนานจนเกือบยิงเบิ้ลแต่ไปแฉลบบอลหล่นบนเพดานตาข่ายซะงั้น

    โคลคล้ำแถมให้ เชลซี 0-3
    ก่อนหมดเวลา 3 นาทีเชลซียังเละไม่เลิกโดนลูกที่สามจากความผิดพลาดของแอชลีย์ โคลที่วิ่งมาดักกินลูกโด่งของทีมเยือนแต่เจอตัวหลังไล่มากดดันเลยต้องพาหนีไปจนถึงมุมธงแล้วล้มตัวปาดบอลคืนให้เช็กแต่หารู้ไม่ว่าเวลเบ็คปลอมตัวแอบย่องมายิงแปสวนเข้าประตูโล่งๆ 

    เชลซีแทบไม่ได้ทำให้กอร์ดอนต้องออกแรงเซฟใดๆเลยก่อนลงท้ายแพ้ในบ้านเป็นหนแรกอย่างชอกช้ำหลังชนะรวดมา 6 นัดและตอนนี้นำอาร์เซนอลและแมนฯยูฯแค่ 2 และ 3 แต้มตามลำดับเท่านั้นส่วนซันเดอร์แลนด์ชนะเชลซีในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีขยับจาก 9 มาอันดับ 6 มี 19 แต้มจาก 13 นัดแถมเหลือเชื่อตรงที่ว่า"แมวดำ"ชนะนอกบ้านนัดแรกในซีซั่นนี้อีกด้วย

    รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    เชลซี :
    ปีเตอร์ เช็ก 6,โจเซ่ โบซิงวา 6.5,เปาโล แฟร์เรียร่า 5.5,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6 ,แอชลีย์ โคล 6.5,รามิเรส 6.5(แม็คเคแครน น.69,6.5),จอห์น โอบี มิเกล 6,ยูริ เชอร์คอฟ 7(กากูต้า น.75,6),ฟลอร็องต์ มาลูด้า 6(กาลู น.58,6),ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6,นิโกลาส์ อเนลก้า 6.5

    ซันเดอร์แลนด์ : เคร็ก กอร์ดอน 7,เนดุม โอนูฮา 7.5,ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์ 6.5,ไตตัส บรัมเบิ้ล 7,ฟิลิป บาร์ดสลีย์ 7,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 7,เบาเดอไวน์ เซนเด้น 6.5,ลี คัทเทอร์โมล 6.5(เอลโมฮามาดี้ น.90),เคียราน ริชาร์ดสัน 7,แดนนี่ เวลเบ็ค 6.5(ริเวรอส น.90),อาซาโมอาห์ กิยาน 8 *(มัลบร็องก์ น.83)









































    credit
    www.soccersuck.com/ss

  4. #4
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    พ่ายพลิกล็อก!! ลูกโลกเปิดบ้านอัดสิงห์หลับ 1-0

    ขอสามคำ"เบน ฟอสเตอร์"นายทวารทีมชาติอังกฤษที่งัดตำรายุทธภิชัยเซฟลูกยิงของเชลซีเป็นพายุบุแคมนับสิบส่งผลทำให้ลูกยิงต้นเกมของลี โบว์เยอร์เป็นประตูชัยพลิกล็อก 1-0 ในที่สุด

    พรีเมียร์ลีก

    วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2553


    เบอร์มิงแฮม 1-0 เชลซี

    ประตู : 1-0 โบว์เยอร์ น.17


    คาร์โล่ อันเชล็อตติกลับมาใช้งานอเล็กซ์ที่พ้นโทษแบนและชะลอการผ่าตัดหัวเข่าออกไปอีกส่วนนักเตะในตำแหน่งอื่นๆยังคงเดิมเนื่องจากมีเลือกจำกัด

    ส่วนเบอร์มิงแฮมเจ้าถิ่นยังใช้เหล่าผึ้งงานในแดนกลางทั้งแบร์รี่ เฟอร์กูสัน,ลี โบว์เยอร์,เซบาสเตียน ลาร์สสันและมีสองคู่หน้าตัวป่วนอย่างคาเมรอน เจโรมและนิโกล่า ซิกิช

    ครึ่งแรก

    เชลซีเกือบนำช็อก!
    เริ่มมานาทีเดียวเชลซีเกือบนำเร็วจากลูกวางยาวให้ดร็อกบาแตะอกชิ่งให้กาลูหลุดเข้าเขตโทษแต่จังหวะแหย่เท้ายิงสุดปลายแถมเบน ฟอสเตอร์ผวาออกมาจะเล่นแต่ช้ากว่าเสี้ยววินาทีเดียวยังดีบอลลอดขาไปซุกหน้าต่างเสียวทั้งสนาม

    รามิเรสโขกเสียว
    ทีมเยือนมาค่อนข้างดีเพราะอีก 2 นาทีต่อมารามิเรสเกือบปลดล็อกทำลูกแรกหลังสอดมาโขกลูกเปิดของแอชลีย์ โคลที่เสาสองระยะเผาขนแต่มุมเหลือน้อยทำให้บอลเข้ามือฟอสเตอร์ที่ยืนรอดักเหยื่อสบาย

    ดร็อกหลุดเดี่ยวยิงไม่เข้า!!
    เชลซีมาโคตรดีและน่าจะขึ้นนำอย่างที่สุดในนาทีที่ 5 และต้องชมว่าเป็นการเล่นแบบซูเปอร์เพลย์เมื่อบอลอยู่แถวเส้นหลังแดนตัวเองเมื่ออิวาโนวิชโดนบีบจนต้องใช้วิชาบังแล้วพลิกหนีก่อนทำชิ่งกับแอชลีย์ โคลจากนั้นบอลถูกลำเลียงขึ้นมาและเป็นกาลูแทงเลียดทะลุช่องผ่าคู่เซนเตอร์น้ำหนักโคตรเทพให้ดร็อกบาวิ่งสอดหลุดเดี่ยวไปดวลกับฟอสเตอร์แต่หอกไข้มาลาเลียดันเอียงตัวรีบยิงไม่มีหลอกทำให้อดีตจอมหนึบแมนฯยูฯทิ้งตัวพุ่งรับเข้ามือไปเลย จังหวะนี้ล็อกหลอกหรือชิพยังไงก็หายแน่เพราะมุมกว้างมากมาย

    เชลซียังดีกว่า
    เกมของเบอร์มิงแฮมยังไม่มีอะไรให้ทีมเยือนต้องเป็นห่วงเพราะเน้น"ฮิตแอนด์โฮป"หรือฝากฝังการพักบอลในแดนหน้าเพื่อต่อเกมรุกซึ่งจุดสำคัญจึงอยู่ที่การตามให้ถึงเนื้อถึงตัวของเหล่าตัวรับทั้งหลายซึ่งจนถึงตอนนี้อิวาโนวิชเด่นสุด

    เงิบ!โอกาสแรกลูกโลกนำ 1-0
    แต่นาที 17 โอกาสแรกของลูกโลกกลายเป็นประตูขึ้นนำทันทีจากลูกเปิดจากปีกขวายาวโด่งให้เจโรมกระโดดดึงสองกองหลังเชลซีให้มาประกบแล้วเขกชงให้โบว์เยอร์มาเก็บตกในเขตโทษคนเดียวโล่งๆแล้วแปด้วยอีซ้ายสวนตัวเช็กที่ปรี่จะบล็อกไม่ทัน เบอร์มิงแฮมนำ 1-0

    ฟอสเตอร์โคตรพ่อเซฟ!!
    ฤ ว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของเชลซีอีกครั้งเพราะหลังเสียประตูก็พยายามจะทวงเอาประตูโดยนาที 24 อเนลก้ากระชากเลื้อยทางริมกรอบโทษฝั่งซ้ายก่อนเปิดย้อยให้ดร็อกบาขึ้นเทคโขกเต็มๆกบาลระยะ 7 หลาแต่ฟอสเตอร์สวมวิญญาณกอร์ดอน แบ็งค์พุ่งปัดมือเดียวบนเส้นสุดบรรลือโลก

    โคลคล้ำอยู่ไม่ไหวขอยิง
    อีก 5 นาทีต่อมายังเป็นเชลซีที่นวดเรื่อยๆและกาลูแทงทะลุช่องให้แอชลีย์ โคลวิ่งเติมสอดเข้าเขตโทษมุมแคบก่อนตะบันด้วยอีซ้ายแต่ฟอสเตอร์ยืนปิดมิดล้มตัวปัดเสียเตะมุม

    ฟอสเตอร์ออกแรงอีก!
    ฟอสเตอร์ถุงมือซื้อใหม่เหอะเพราะวันนี้เซฟอีกแล้วนาที 37 ได้ฟรีคิกไกลเป็นดร็อกบายิงเลียดหลบกำแพงแต่พี่จอมเซฟก็ล้มตัวปัดออกหลังไปอีก

    เชลซีดวงแตก!!
    เชลซีสงสัยทำบาปมาเยอะเพราะไม่ถึงนาทีพลาดโอกาสอย่างไม่น่าเชื่อจากจังหวะที่ดร็อกบาเทคโขกบอลย้อยกำลังจะเข้าอยู่แล้วแต่ไปเช็ดคานกระเด้งลงพื้นหน้าตาเฉย หมดครึ่งแรกเบอร์มิงแฮมพลิกล็อกนำ 1-0

    ครึ่งหลัง

    ลูกโลกขึงเกมรับ
    กรรมการเป่านกหวีดเชลซีไม่รอช้าลุยเข้าใส่หมายจะเอาประตูคืนให้เร็วที่สุดแต่ตอนนี้ช่องว่างเริ่มมีน้อยเพราะเจ้าถิ่นเริ่มขึงแน่นตามถนัดและใช้วิธีชวนทะเลาะเข้าเร็วทำให้ตอนนี้เกมกลายเป็นบอลสามหน้าไปแล้ว

    เชลซีชวดโทษ-กาลูยิงเหน่งข้ามคาน
    เลยหนึ่งชั่วโมงมา 2 นาทีเชลซีพลาด 2 โอกาสทองอย่างน่าเสียดายเริ่มจากรามิเรสกระชากหลุดเข้าเขตโทษแต่โรเจอร์ จอห์นสันสไลด์สุดขาโดนทั้งบอลทั้งขาแต่มาร์ค ฮัลซีย์โบกมือให้เล่นต่อและแม้จอห์นสันเจ็บขาลุกไม่ไหวแต่เชลซีลุยต่อจังหวะต่อเนื่องมาลูด้าแทงทะลุช่องให้กาลูหลุดเข้าเขตโทษแล้วทำท่าจะยิงด้วยอีซ้ายแต่ล็อกจนฟอสเตอร์ทิ้งตัวล้มแต่พอยิงปั่นไซด์ดันข้ามคานไปเอง

    ดร็ออัดฟรีคิกหนสอง
    นาที 70 เชลซีได้ฟรีคิกระยะ 25 หลาดร็อกบารับอาสายิงหลังเพื่อนแตะเปลี่ยนจุดบอลข้ามกำแพงน่ากลัวแต่ฟอสเตอร์ยืนตำแหน่งดีรับเข้ามือสองจังหวะ

    ฟอสเตอร์สุดยอด
    อีก 2 นาทีฟอสเตอร์ยังทำงานหนักต่อไปและหนนี้ต้องบอกว่าฝีมือหลังกาลูกกระชากฝ่าแนวรับเข้าเขตโทษแล้วนายทวารทีมชาติอังกฤษปรี่มาใช้ขาดักสกัดแถมจังหวะบอลกระฉอกที่กาลูได้เปรียบวิ่งเข้าหาก่อนยังเป็นฟอสเตอร์วิ่งมาปัดทิ้งออกหลังเสียเตะมุมอีก

    แม่เจ้า...ฟอสเตอร์คนหรือแป้งเปียก
    อีก 3 นาทีต่อมาฟอสเตอร์เทียยบชั้นคาซิญาสแล้วเชลซีได้เตะมุมแล้วอิวาโนวิชโขกขวิดที่เสาแรกแล้วฟอสเตอร์ยังวิ่งมาปัดแบบควักกระปิบนเส้นทันเหลือเชื่อทั้งๆที่เพื่อนยืนบังอยู่อีกคนด้วย

    เชลซีพับสนาม
    ยิ่งเข้าสู่ช่วงท้ายเกมเท่าไหร่เบอร์มิงแฮมก็ถอยไปรับกันเต็มสูบเรียกว่าไม่คิดบุกแล้วทำให้เชลซีมาอยู่ข้างเดียวแต่การเข้าทำเริ่มไม่เป็นมวยเพราะทีมเยือนเองก็เริ่มหันมาบอมบ์ยาววัดดวงบ้าง

    หมดเวลาเชลซีแพ้พลิกล็อกให้เบอร์มิงแฮม 1-0 และเป็นการพ่ายแพ้ 3 จาก 4 นัดหลังสุดโดยเสียถึง 6 ยิงได้ลูกเดียวรวมถึงเป็นการพ่ายแพ้ 2 นัดติดนับตั้งแต่เสียเรย์ วิลกินส์มือขวาทำให้ตอนนี้ตำแหน่งจ่าฝูงสั่นคลอนถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทาบเท่ากัน 28 แต้มแต่ประตูได้เสียดีกว่า

    รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    เบอร์มิงแฮม :
    เบน ฟอสเตอร์ 10*,สตีเฟ่น คาร์,โรเจอร์ จอห์นสัน,สก็อต แดน,เลียม ริดจ์เวลล์ ,เซบาสเตียน ลาร์สสัน,แบร์รี่ เฟอร์กูสัน,ลี โบว์เยอร์,คีธ ฟาเฮย์ ,คาเมรอน เจโรม,นิโกลา ซิกิช(คเล็บ น.72)

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,เปาโล แฟร์เรียร่า(โบซิงวา น.65),อเล็กซ์,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช,แอชลีย์ โคล,รามิเรส(สเตอร์ริดจ์ น.72),จอห์น โอบี มิเกล,ฟลอร็องต์ มาลูด้า,นิโกลาส์ อเนลก้า,ดิดิเยร์ ดร็อกบา,ซาโลมง กาลู


















    ขอบคุณข่าวจาก http://www.soccersuck.com/

    [/color][/QUOTE]

  5. #5
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    กองแช่งฉลองต่อ!สิงห์บู่ไม่เลิกเจ๊านิว 1-1

    โทษทีครับช้าไปหน่อย ไม่ได้ตามดูเลย วันอาทิตย์ที่แล้วเหนื่อยมาก นอนแต่หัวค่ำ ลากยาวมาวันจันทร์ความเหนื่อยก็ยังไม่หายไป เร่ิมมีเรี่ยวแรงก็นึกถึง SbnTown ทันที ^ ^

    Quote Originally Posted by บุ๊ค ฟอร์ลัน
    กองแช่งฉลองต่อ!สิงห์บู่ไม่เลิกเจ๊านิว 1-1

    กองแช่งได้ฉลองกันต่อหลัง "แชมป์เก่า" เชลซีฟอร์มบู่ไม่เลิกไม่ชนะใครติดต่อกันเป็นเกมที่สาม ทำได้แค่ไล่ตีเสมอนิวคาสเซิ่ล 1-1 เก็บเพิ่มได้แค่แต้มเดียวเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ตกเป็นฝ่ายตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คะแนนแล้ว

    พรีเมียร์ลีก

    วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2553


    นิวคาสเซิ่ล 1 : 1 เชลซี

    ประตู :
    1-0 แอนดี้ แคร์โรลล์ น.6, 1-1 ซาโลมอง กาลู น.45

    ครึ่งแรก

    นิวเกือบนำไก่โห่
    เริ่มเกมมานาทีเศษเจ้าบ้านเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วหลังได้ฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้ายเปิดเข้ากลางมาเป็นแคร์โรลล์ที่ได้โขกเช็คปัดได้[imgr]http://upic.me/i/ug/whve3.jpg[/imgr]

    อเล็กซ์พลาด!แคร์โรลล์เก็บส้มนิวนำ 1-0
    นาที 7 แฟนทีมเยือนช็อคสุดๆหลังอเล็กซ์ทำพลาดคืนหลังให้ปีเตอร์ เช็คที่วิ่งออกมาสวนทางกันทำให้บอลเลยเช็คไปแล้วเป็นแอนดี้ แคร์โรลล์วิ่งตามไปเก็บส้มยิงเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำ 1-0

    นิวเหนือกว่าชัดเจน
    ช่วง 15 นาทีแรกของเกมเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจนทั้งโอกาสในการจบสกอร์และเปอร์เซ็นต์การครองบอล

    แมลงสาบพลิกยิง
    นาที 19 เชลซีมาได้โอกาสที่ใกล้เคียงการเป็นประตูที่สุดในครึ่งแรกหลังดิดิเยร์ ดร็อกบาได้บอลอยู่ในเขตโทษก่อนพลิกหนีตัวประกบแล้วซัดเต็มข้อด้วยซ้ายบอลพุ่งแรงมากแต่ทิม ครูลโชว์ซุปเปอร์เซฟปัดออกหลังไปได้

    โจนาสส่องไกล
    เกมผ่านพ้นไป 30 นาทีรูปเกมยังคงเหมือนช่วงต้นเกมคือนิวคาสเซิ่ลเป็นฝ่ายบุกกดดันทีมเยือนได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้วก็มีโอกาสลุ้นอีกหนจากลูกส่องไกลของโจนาส กูเตียร์เรสแต่บอลก็เหินข้ามคานไปไกล

    อเมโอบี้หลุดสิงห์เกือบโดนอีก
    เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกนิวคาสเซิ่ลเกือบได้ลูกสองหลังวางบอลจากกลางสนามไปที่หน้าเขตโทษแอนดี้ แคร์โรลล์เบียดแย่งโหม่งอเล็กซ์ได้โขกตั้งไปให้อเมโอบี้หลุดเข้าไปในเขตโทษแล้วแต่ดันกะจังหวะบอลพลาดทำให้พลาดโอกาสยิงไป

    สิงห์ตีเสมอนาทีสุดท้าย
    นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเชลซีมาได้ประตูตีเสมอแบบโชคช่วยเล็กน้อยหลังฟลอร็องต์ มาลูด้าจ่ายให้ซาโลมอง กาลูที่ยืนว่างอยู่ในเขตโทษล็อกหนีตัวประกบแล้วซัดทีนทีบอลไปแฉลบแดนนี่ ซิมป์สันเปลี่ยนทางผ่านมือทิม ครูลเข้าประตูไป เชลซีตีเสมอ 1-1 จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่าจบครึ่งแรกไป

    ครึ่งหลัง

    สิงห์ดีขึ้น
    ช่วงต้นครึ่งหลังเกมของเชลซีดีขึ้นกว่าครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัดหลังครองบอลเก็บบอลได้มากขึ้นไม่เสียง่ายแบบครึ่งแรกแล้วก็มีโอกาสได้ลุ้นจากลูกยิงในกรอบเขตโทษของดร็อกบาแต่ทิม ครูลล้มตัวเซฟเอาไว้ได้

    แอชลี่ย์ โคลเจ้าพ่อเซฟบนเส้น
    เกมพลิกกลับมาเป็นของเจ้าบ้านอีกครั้งหลังจากที่ปล่อยให้เชลซีได้ครองเกมอยู่พักนึงในช่วงต้นหลังแล้วก็เกือบได้ประตูออกนำอีกหนจากจังหวะที่เช็คออกมาจากหน้าปากประตูเพื่อตัดบอลแต่ไม่ขาดไปเข้าทางเราท์เลดจ์ที่รออยู่ทางริมเส้นเขตโทษฝั่งขวาซัดสวนเต็มแรงเข้ามาเลยหมดสิทธิ์สำหรับเช็คไปแล้ว แต่ยังมีแอชลี่ย์ โคลที่ยืนอยู่บนเส้นสกัดออกมาได้หวุดหวิด

    อิวาโนวิชโขกติดเซฟ
    นาที 70 เชลซีมีลุ้นจากจังหวะเตะมุมที่เปิดเข้ามาเป็นบรานิสลาฟ อิวโนวิชได้โขกแม้บอลจะตรงกรอบแต่ก็ตรงตัวทิม ครูลรับเอาไว้ได้

    เหลือเชื่อ!กาลู 3 หลาออกเฉย
    เกมนี้เชลซีไม่ได้สามแต้มซาโลมอง กาลูนอนไม่หลับแน่หลังได้โอกาสทองจากจังหวะที่นิโคลาส์ อเนลก้าเปิดให้กาลูที่อยู่ในเขตโทษพักอกหนีกองหลังนิวคาสเซิ่ลและทิม ครูลที่ออกมาพลาดได้แล้วแต่ดันยิงระยะเผาขน 3 หลาออกไปอย่างเหลือเชื่อ

    วัดกันทดเจ็บ
    ช่วงทดเวลาบาดเจ็บต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพอใจในผลเสมอพยายามเปิดเกมบุกใส่กันอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ทำให้จบเกมนิวคาสเซิ่ลเปิดบ้านเสมอกับเชลซี 1-1

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    นิวคาสเซิ่ล :
    ทิม ครูล 6.5, โซล แคป์เบลล์ 7.5**, สตีเว่น เทย์เลอร์ 7, แดนนี่ ซิมป์สัน 6, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 7, โจนาส กูเตียร์เรซ 7, ติโอเต้ 7.5 , แดนนี่ กัธธรี่ 6.5 , โชล่า อเมโอบี้ 6.5 (เรนเจอร์ส น.78), แอนดี้ แคร์โรลล์ 7, เวย์น เราท์เลดจ์ 7

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 5.5, แอชลี่ย์ โคล 6, โจเซ่ โบซิงวา 6, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6, อเล็กซ์ 5.5, ฟลอรองต์ มาลูด้า 6, จอห์น โอบี มิเกล 5 (สเตอร์ริดจ์ น.80), รามิเรส 5.5 , นิโคล่าส์ อเนลก้า 6, ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6.5, ซาโลมอง กาลู 6.5

    ****หมายเหตุเกมนี้ไม่ใส่ stat ให้นะครับเนื่องจากเว็บที่อัพ stat มีปัญหา



































































    credit:www.soccersuck.com/ss
    ตอนนี้เซลซีแย่แล้วครับ ห้านัดหลังสุดแพ้ไปซะสาม
    ยิงได้สอง เสียประตูไป 7 ไม่รู้ว่าจะกลับมาได้รึปล่าว
    ตอนนี้โดนแมนยูแซงไปแล้ว t t
    เอามาจากบทความของคุณ Petrboat แพทเชลซีตัวยง ที่บทความเกี่ยวกับฟอร็มทีย่ำแย่ของ เซลซีไว้ได้ดีทีเดียว
    Quote Originally Posted by Petrboat


    เพราะอะไรทำไม เชลซี ถึงฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย ?????


    ..........ในขณะที่กระแส เอล กลาซิโก้ กำลังกึกก้องท่ามกลางบรรยากาศอันแสนเหน็บหนาวจนบาดลึกถึงขั้วหัวใจทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามมากมายมาขึ้นมาตั้งแง่ใส่อภิมหากุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ จอมอหังการณ์..

    คำถามที่ว่านั่นก็คือเพราะเหตุใด เดอะ สเปเชี่ยล วัน ที่ขึ้นชื่อในด้านการสร้างมาตรฐานเกมรับอันเหนียวแน่นถึงได้เสียประตูเละเทะขนาดนั้น ?

    นับตั้งแต่ เรอัล มาดริด เจอ ดาวิด บีญ่า พิฆาตประตูที่ 3 เข้าไปเปรียบได้ดั่งกับว่าตัว มูรินโญ่ ถูกคำสาปให้ทำได้เพียงนั่งปลงในผลงานของลูกทีมอยู่ข้างสนามเพราะโดน บาร์เซโลน่า งัดลูกโหดมาเล่นขนาดนั้นเป็นใครก็คงโชว์สกิล "เครียด" ไม่ออก

    ผลที่ตามมาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทำดีมาจนเกือบๆ 1 ใน 3 ของซีซั่นแต่พบเหตุการณ์อันไม่คาดฝันแบบนั้นที่ คัมป์ นู เข้าไปอนาคตกุนซือ ณ เบอร์นาบิว ก็สั่นคลอนเล็กน้อยเหมือนกัน..

    จะว่าไปแล้วช่วงนี้เส้นชะตาของเหล่าผู้จัดการทีมยักษ์ใหญ่คนก็อยู่บนเส้นด้ายหลายคน.. รอย ฮอดจ์สัน ถูกสบประมาทว่าไม่เหมาะกับการคุมระดับ ลิเวอร์พูล และสถานการณ์ต่างๆ เริ่มไม่สวยงามเหมือนที่คาดหวังไว้ตอนต้น

    ส่วนทางด้าน ราฟาเอล เบนิเตซ ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดเป็นพิเศษเพราะเข้ามารับงานต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่วาดความสำเร็จ 3 แชมป์ไว้ให้คนทั่วโลกตราตึงแล้วพอตัว เอลราฟา ต้องมาสานต่อความกดดันจึงเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด

    ทว่าในความรู้สึกแล้วมีอีกคนที่กำลังประสบปัญหาแต่ว่าเจอในสิ่งที่แตกต่างออกไป.. คาร์โล อันเชล็อตติ คนนี้การันตีฝีมือได้ว่าของแท้แต่พอทีมผลงานแย่ภาพวันเก่าๆ เสี่ยหมีเฮดช็อตเริ่มลอยมาให้เห็นเป็นลางๆ กันอีกครั้ง..

    ออกสตาร์ทด้วยการยิงคู่แข่งไส้แตกชนะ 5 นัดรวดถล่มไป 21 ดอกและเจอเปิดซิงเพียงประตูเดียวเท่านั้นในเกมที่บุกไปเอาชนะ เวสต์แฮม 1 - 3 จนเกิดเสียงอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องว่า "เอ็งเอาแชมป์ไปเถอะ"

    ไม่พอ.. เชลซี เคยนำ แมนยูไนเต็ด มากสุดด้วยช่องว่าง 5 แต้มแต่เพราะเหตุใดปัจจุบันนี้ทีมที่อยู่บนหัวตารางจึงเป็นปีศาจแดงหาใช่สิงโตน้ำเงินครามที่ร้อนแรงในช่วงเปิดซีซั่น ?

    อันนี้มันน่าคิดจริงๆ ครับแต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอแยกออกเป็น 2 ปัจจัยหลักๆ ..

    อย่างแรกเลยคือการที่ เรย์ วิลกิ้น ตำนานของสโมสรจึงถูกเด้งฟ่า่ผ่าอย่างกระทันหัน.. อันนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะเป็นแน่แท้เพราะแค่เกมแรกที่ปราศจากชายที่หน้าตาคล้าย ทอม เฮนนิ่ง ออฟเรโบ ไปเพียงเกมเดียวทัพสิงห์บลูปราชัยทันที..

    และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือเป็นการพ่ายคาบ้านให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ถึง 0 - 3 ในชนิดที่เล่นกันได้สมควรแพ้ด้วยความสัตย์จริง

    จะบอกว่าถูกเฉดหัวออกเพราะ วิลกิ้น ไม่เก่งก็ไม่ใช่.. รับช่วงต่อเป็นคนตราทัพในช่วงที่ทีมไร้กุนซือก็เคยมาแล้ว หรือจะเป็นการช่วยประสานงานกับ กุส ฮิดดิงค์ ผงาดคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2009 น่าเชิดชูชะมัด

    ปีที่ผ่านมาก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปและผนึุกกำลังกับ คาร์โล อันเชล็อตติ จนกระชากแชมป์ลีกสูงสุดจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาครองได้สำเร็จแถมคอยเป็นล่ามให้กับตัว อันเช่ อีกด้วยเวลากุนซือคางทูมอยากระเบิดโทสะใส่นักเตะบางคน

    เรื่องของเรื่องคือมันน่าสงสัยไม่น้อยเมื่อ ไมเคิ่ล เอมินาโล่ อดีตหัวหน้าแมวมองผู้ซึ่งเคยเกือบอิมพอร์ต เนย์มาร์ โกทูลอนดอน ดันเป็นผู้ที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนซึ่งบ่งบอกได้เป็นนัยๆ เลยว่างานนี้มีลับลมคมไหนจากคนเบื้องบนอย่างไม่ต้องสงสัย

    ตัวอันเช่เองก็ดูเหมือนจะแอนตี้เสียด้วยเพราะสังเกตุได้ง่ายๆ เลยว่าเวลาืที่ตัวเขาต้องการความแน่ใจบุคคลที่จะปรึกษาเป็นอันดับแรกไม่ใช่ เอมินาโล่ แต่กลายเป็น พอลล์ คลีเมนต์ ผู้ช่วยอีกคนต่างหาก..

    ของแบบนี้ต่อให้พูดสัก 10 วันมันก็ไม่จบเพราะมันหามูลความจริงที่เชื่อถือไม่ได้.. ต่อความยาวสาวความยืดต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์และยังถือว่าโชคดีที่ เรย์ วิลกิ้น เองยอมใจเย็นไม่เอาเรื่องที่สิ่งที่เกิดขึ้น

    อีกสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการที่ผู้เล่นตัวหลักประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ.. ซึ่งผมให้น้ำหนักในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะมากถ้าว่ากันถึงเรื่องในสนามล้วนๆ ไม่ต้องเอาคนอื่นมาเอี่ยว

    การเสีย จอห์น เทอร์รี่ ไปทำให้แผงเกมรับยวบลงทันทีไม่ต้องรีรออะไร.. แถมช่วงนั้นปราการหลังบราซิลเลี่ยนอย่าง อเล็กซ์ ก็ดันมาเจ็บพร้อมกันพอดีส่งผลให้ เรนาโต้ เปาโล เฟอร์เรร่า ต้องลงไปเล่นแทนจนเสียผู้เสียคน

    นั่นแสดงให้เห็นว่าขุมกำลังตัวสำรอง เชลซี ไม่สามารถทดแทนกันได้เหมือนฤดูกาลก่อนๆ.. บทจะดันดาวรุ่งอย่าง เจฟฟรี่ บรูม่า ลงไปเล่นก็ดันเกรงว่าประสบการณ์จะไม่พอซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าถ้าเป็นแบบนั้นอันเช่จะบอกว่าซีซั่นนี้ดันดาวรุ่งเต็มตัวเพื่อ ???

    คือของแบบนี้มันต้องกล้าลอง.. เพราะจะว่าไปดาวรุ่งส่วนใหญ่มีโอกาสเฉพาะนัดที่ไม่สำคัญเท่านั้น.. จอสช์ แม็คเอแคร่น ได้ลงเล่นเยอะจริงแต่ก็เหมือนที่ผมบอกไปถ้าเกมใหญ่ก็ได้ลงช่วงคับขันสุดๆ หรือไม่ก็เฉพาะเวลาที่ทีมยิงสกอร์ขาดแค่นั้นเอง

    ตัดบทสรุปด้านดาวรุ่งและเกมรับไปมาต่อกันที่แดนกลางกันต่อ.. อันนี้ผมว่าร้ายแรงที่สุดเพราะภาพก็ฟ้องในทางอ้อมเมื่อ ดิดิเยร์ ดร็อกบา หรือ นิโกล่าส์ อเนลก้า ไม่มีตัวเปิดป้อนอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด พวกเขาก็ไม่ได้มีจังหวะได้จบงามๆ สักที

    ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กันคือาศัยชงเองกินเองแบบนั้นความหลากหลายไม่พอ เจอจับทางได้เกมตัน ขาดนักเตะที่มีวิชชั่นไปแบบนี้กองหน้าเหนื่อย..

    ตัวแทนที่น่าจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอย่าง ยอสซี่ เบนายูน ก็ดันบาดเจ็บยาวครั้นจะให้ รามิเรส มาเล่นแทนก็ไม่ไหวเพราะยังปรับตัวกับบอลอังกฤษไม่ได้แถมสไตล์ก็ไม่ให้อีกต่างหาก

    หลายครั้ง ฟลอล็องค์ มาลูด้า ต้องมาเล่นแต่ก็ทำให้เกมริมเส้นดูดร็อปไปเพราะ แอชลีย์ โคล จะเติมความร้อนแรงทางด้านซ้ายได้เผ็ดมันที่สุดต้องคอมโบร่วมกับ มาลูด้า เท่านั้น

    แล้วพอลองใช้ ยูริ เชียร์คอฟ เล่นก็พอไปวัดไปวาได้ นักเตะคนนี้ผ่านบอลเก่ง เอาตัวรอดดี แต่มิติไม่เพิ่มเพราะเวลาเล่นดันชอบไปทับไลน์กับ มาลูด้า และ เอโคล ที่ถนัดเท้าซ้ายด้วยกันทั้งนั้น

    เจอกุนซือฝ่ายตรงข้ามจับทางหาตัวเข้าและคนรอซ้อนแบบเต็มสตรีมเสียหน่อยเกมรุกก็ตื้อไปเสียดื้อๆ ????

    ร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือการขาด ไมเคิ่ล เอสเซียง เพราะโดนโทษแบนถึง 3 นัดส่งผลกระทบต่อทีมอย่างมาก.. คือไม่มีคนสร้างสรรค์เกมตรงกลางประสิทธิภาพมันก็หายแต่ว่าขาดความหนาแน่นอย่าง เอสเซียง ไปแดนกลางดูเบาหวิวไปโดยปริยาย

    เอากันง่ายๆ นัดที่แพ้ ซันเดอร์แลนด์ มีเพียง จอห์น โอบิ มิเกล ที่สอบผ่านส่วน เชียร์คอฟ ดูดร็อปและ รามิเรส ออร่ายังไม่ถึงสร้างความหนาแน่นแบบที่ เอสเซียง ทำยังไม่ได้เลยโดน ลี แคทเทิ่ลโม คนเดียวกลบ 3 มิดฟิล์ดสิงโตน้ำเงินครามซะเรียบวุธ

    เกมวันเสาร์ืที่จะถึงนี้ เชลซี เตรียมเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน น่าจะเคลียร์ปัญหาหลายๆ อย่างไปได้เพราะ จอห์น เทอร์รี่ ฟิตปั๋งส่วน เอสเซียง ก็พ้นโทษแบนกลับมา

    จะขาดก็เพียงแค่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ยังเป็นข้อสงสัยว่าชายคนนี้หรือไม่ที่คือต้นเหตุแห่งการฟอร์มทรุดของ เชลซี ตัวจริง ?

    ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะเป็นเช่นไรเพราะถ้าหาก เชลซี คืนฟอร์มกลับมาชนะได้ก็จะเป็นแบบเดิมคือเสียงเชิดชูกลับมาอีกครั้งเหมือนตอนที่ออกสตาร์ทร้อนแรงตอนต้นฤดูกาลทั้งๆ มี แลมพาร์ด ในแผงฟอร์เมชั่นแค่ 2 นัดเท่านั้น

    บางทีทนรอไป 10 วันเพื่อยลโฉมของ "เดอะ แฟรงค์" อย่างเต็มตัวเราคงได้บทสรุปสักทีว่า เชลซี ที่เคยร้อนแรงนั้นมันเป็นความสามารถของแท้หรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา..


    ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับตอนเขียนมึนหัวมากแต่ก็ยังอยากเขียนเพราะต้องการเขียนให้เสร็จก่อนเกมเจอเอฟเวอร์ตัน

    Petrboat

  6. #6
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    สิงห์ไม่ฟื้น!นำก่อนโดนท๊อฟฟี่ตีเจ๊าท้ายเกม 1-1

    Quote Originally Posted by Zaine_R
    สิงห์ไม่ฟื้น!นำก่อนโดนท๊อฟฟี่ตีเจ๊าท้ายเกม 1-1

    "สิงห์ไฮโซ" เชลซียังคงไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาสู่ฟอร์มที่พวกเขาต้องการได้สักที แม้ว่าเกมนี้จะขึ้นนำไปก่อนจากลูกจุดโทษของดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่สุดท้ายก็มาโดนทางเอฟเวอร์ตันบุกกดดันจนถูกตีเสมอจากเจอร์เมน เบ็คฟอร์ดทำให้แบ่งแต้มกันไปในท้ายที่สุด

    พรีเมียร์ ลีก

    วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2553


    เชลซี 1 : 1 เอฟเวอร์ตัน

    ประตู :
    1-0 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา(จุดโทษ) น.41,1-1 เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด น.86

    "สิงห์ไฮโซ" เชลซีเปิดรังแสตมป์ฟอร์ด บริดจ์หมายจัดการกับเอฟเวอร์ตันให้จงได้ เพื่อกู้สถานการณ์ที่ฟอร์มของทีมช่วงนี้ทำคะแนนหายเพียบ

    โดยข่าวดีก็คือพวกเขาได้ตัวจอห์น เทอร์รี่กัปตันทีมคนเก่งกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังหายหน้าไปพักหนึ่ง รวมทั้งมิชาเอล เอสเซียงมิดฟิลด์คนสำคัญด้วย

    ส่วนเอฟเวอร์ตันก็ใช่ว่าจะไม่มีทีเด็ดเมื่อได้ตัวหลุยส์ ซาฮากลับมาฟิตสมบูรณ์พร้อมล่าตาข่ายอีกครั้ง

    ครึ่งแรก

    พี่ดุกส่องซะเร็ว
    เริ่มเกมมาได้แค่ครึ่งนาที เอฟเวอร์ตันก็ทำเสียวก่อนเลยจากซาฮาที่ได้บอลนอกกรอบเขตโทษ สบโอกาสพี่แกเลยลองส่องด้วยซ้ายข้างถนัดดู บอลพุ่งคมใช้ได้จนเช็กต้องล้มตัวปัดออกไป

    สิงห์ยังงึกงัก
    ผ่านช่วง 10 นาทีแรก เกมของเชลซีดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางสักเท่าไร โดยเฉพาะในแดนหน้าที่วันนี้ดร็อกบา กับอเนลก้าเหมือนจะจูนกันติดๆขัดๆ

    ส่วนทางเอฟเวอร์ตันในช่วงต้นเกมนี้ถือว่าดูดีเลยทีเดียว

    ฮาวเวิร์ดทำเสียวซะงั้น
    นาทีที่ 14 จากจังหวะไม่มีอะไร ฮาวเวิร์ดก็เกือบจะทำให้เอฟเวอร์ตันมาเสียประตูง่ายๆ จากจังหวะที่เขาจะออกไปรับบอลแล้วดันทำลั่น แต่ถือว่าโชคดีที่จาเกียลก้าอยู่แถวนั้นเคลียร์ทิ้งออกไปได้ทัน

    ท๊อฟฟี่มาดีจริง
    เกมของทีมเยือนเอฟเวอร์ตันในวันนี้ถือว่าวางแทคติคกันมาได้ดีเลยทีเดียว สามารถบีบเกมตรงกลางของเชลซีให้ทำอะไรไม่ค่อยถนัดนัก และยังยืนตำแหน่งกันได้อย่างเหนียวแน่น โอกาสของเชลซีก็เลยน้อยลงไปด้วย

    มาลูด้าปะทะเนวิลล์
    นาทีที่ 24 เกิดเหตุปะทะอารมณ์กันขึ้นมาบริเวณกลางสนาม จากจังหวะที่ฟีล เนวิลล์ไปอัดใส่มาลูด้าแบบเต็มข้อ จนทำให้ปีกเลือดเฟร้นช์เดือดขึ้นมา สวนกลับไปด้วยการเอามือตบไปบริเวณอก-คอทันทีแบบแค่เฉียดๆ จนทำให้ต้องมีการมาห้ามทัพกันเบาๆ และผู้ตัดสินก็ต้องเข้ามาคุยเพื่อให้ระงับอารมณ์ด้วย

    เจทีดีดเืกือบได้เฮ
    อีก 4 นาทีต่อมา จอห์น เทอร์รี่ทำเอาทั้งสนามครางฮือ หลังโชว์เทคนิคดีดบอลในกรอบเขตโทษ ทั้งน้ำหนัก และทิศทางสวยงามสุดๆ ข้ามหัวของฮาวเวิร์ดไปได้แล้ว แต่บอลกลับตกลงคานเด้งออกมา แม้ดร็อกบาจะพยายามตามโหม่งซ้ำ แต่ก็ถูกทางกองหลังของเอฟเวอร์ตันมาเบียดตั๊นท์ไว้ได้ก่อน

    เกมชักจะหนัก
    เล่นเป็นเล่นมาเริ่มกลายเป็นเกมหนักเสียแล้ว เพราะทั้งผู้เล่นของเชลซี และเอฟเวอร์ตันต่างก็ใส่กันแบบไม่มียั้ง ถึงลูกถึงคนพอสมควร โดยเฉพาะอิวาโนวิชที่สกัดแบบเต็มสูบโดดขาคู่เสียบถึง 2 ครั้งติดๆ แต่ก็เป้นการสกัดบอล

    สิงห์เสียว!แมลงสาบเจ็บเอง
    นาทีที่ 35 แฟนเชลซีเสียวว๊าบกันทั้งสนาม จากจังหวะที่ดร็อกบาหมุนตัวแต่งบอลแล้วขาหลังดันลื่น ทำให้เสียหลักล้มลงผิดธรรมชาติ สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี

    แต่พอปฐมพยาบาลขั้นต้นเสร็จแล้วก็สามารถกลับลงไปเล่นได้อีกครั้ง

    ซี๊ด!กาลูโหม่งหลุดอย่างเสียว
    อีก 3 นาทีต่อมา หลังจากถูกทางเอฟเวอร์ตันกดดันอยู่พักหนึง เชลซีก็มาได้ลุ้นจากลูกเตะมุมที่เปิดเข้าในกรอบเขตโทษแล้วกาลูมีโอกาสได้ขึ้นโหม่งคนเดียว เพราะกองหลังของเอฟเวอร์ตันประกบพลาดไปแล้ว เพียงแต่บอลกลับหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

    จังหวะนี้ฮาวเวิร์ดถึงกับปี๊ดแตกตะโกนโวยใส่เพื่อนทันทีว่าทำไมให้โขกได้ง่ายแบบนี้

    เนวิลล์พลาด!คืนหลังโดนฉก-เสียจุดโทษ
    นาทีที่ 40 ฮาวเวิร์ดทั้งเซงและเฮงในเวลาเดียวกัน จากจังหวะจ่ายคืนหลังพลาดของฟีล เนวิลล์ที่น่าตบกบาลสุดๆเพราะไม่เห็นว่ามีอเนลก้ายืนดักอยู่ ทำให้ถูกฉกเข้าไปแตะหลบฮาวเวิร์ดที่เอาตัวกันเอาไว้ปะทะล้มลงไปทั้งคู่ ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที

    ถือได้ว่าโชคดีมากที่ผู้ตัดสินเดินมาแจกแค่ใบเหลืองให้กับฮาวเวิร์ด เพราะมองว่ามีผู้เล่นของเอฟเวอร์ตันเหลืออยู่อีกคนในกรอบเขตโทษ ถือว่าไม่ใช่ตัวสุดท้าย

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเสียประตูอยู่ดี เพราะโดนทางดร็อกบาที่รับหน้าที่ซัดจุดโทษเข้าไปไม่มีเหลือ เชลซีนำแล้ว 1-0

    หมด 45 นาทีแรก ความผิดพลาดของฟีล เนวิลล์ทำให้มีความแตกต่างเกิดขึ้นในเกมที่สูสีกัน เชลซีนำเอฟเวอร์ตันอยู่ 1-0

    ครึ่งหลัง

    ท๊อฟฟี่เร่งเกมใหญ่
    ผ่านช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลัง ถือได้ว่าเอฟเวอร์ตันกระตุ้นกันมาดี เพราะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าทางเจ้าบ้าน และมีโอกาสบุกขึ้นไปกดดันอยู่เนืองๆ เพียงแต่จังหวะยิงยังไม่จะแจ้งสักดอก

    ในขณะที่ทางเชลซีเหมือนกับว่ายังต่อบอลกันไม่ค่อยติดในแดนหน้าคล้ายๆช่วงครึ่งแรก

    พี่ดุกไม่ไหว-เบ็คฟอร์ดลง
    นาทีที่ 58 หลุยส์ ซาฮามีปัญหาอาการบาดเจ็บตกค้างจากการที่โดนทางอิวาโนวิชหวดแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้เอฟเวอร์ตันต้องเปลี่ยนเอาเจอร์เมน เบ็คฟอร์ดลงมาเล่นแทน

    ร็อดเวลล์โขกชนเสา
    อีก 3 นาทีต่อมา เอฟเวอร์ตันพลาดได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่เบนส์เติมขึ้นทางซ้ายโยนบอลเข้ากลางเขตโทษให้ร็อดเวลล์ได้พุ่งตัวโหม่งคนเดียวเต็มๆ และทางเช็กก็หมดสิทธิ์รับไปแล้ว แต่บอลดันไปชนเสา แถมยังเป็นเหลี่ยมนอกที่เด้งออกมา น่าเสียดายแท้

    ท๊อฟฟี่กดดันดี-สิงห์ชักยังไง
    เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เกมของเอฟเวอร์ตันถือว่ามุ่งมั่น และกดดันทางเชลซีได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จังหวะสุดท้ายนั้นยังขาดไปอยู่ ในขณะที่เชลซีนั้นเกมถือว่าไม่เฉียบ หรือมิติน้อยไปหน่อยในนัดนี้

    เคฮิลล์ไม่น่าเล่น
    นาทีที่ 73 ทิม เคฮิลล์ไปเล่นตามน้ำแบบไม่น่าเล่นเลยสักนิดในจังหวะที่พยายามจะเข้าไปเล่นบอลจากลูกจ่ายทะลุช่องของพีนาร์ ซึ่งทางเช็กพุ่งออกมารับบอลได้ก่อน และไม่ทันแน่ๆแล้ว แต่เคฮิลล์ก็ยังยื่นสตั๊ดเข้าไปจิ้มใส่หน้าของเช็ก จนทำให้ต้องนอนหมอบ เห็นแล้วน่าหวาดเสียวสุดๆ

    จังหวะนี้ทำให้เทอร์รี่ถึงกับฉุนขาดเข้าไปเอาเรื่องเคฮิลล์ จนเพื่อนต้องมาห้ามทัพกันยกใหญ่

    หลังเข้ามาแพทย์เข้ามาปฐมพยายามถือว่าโชคดีมากที่เช็กแค่คิ้วแตก เพราะจังหวะนี้อาจจะอันตรายได้มากหากปุ่มสตั๊ดเข้าจุดสำคัญ เช่น ตา

    ท๊อฟฟี่พยายามต่อ
    เกมดำเนินเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เอฟเวอร์ตันยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำเกมเพื่อที่จะทวงประตูตีเสมอกลับคืนมาให้ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเชลซีที่บัญชาการโดนเทอร์รี่ซึ่งเด่นมากๆในเกมนี้ไปได้

    สิงห์เกือบได้เม็ดสอง
    นาทีที่ 82 เชลซีเกือบจะได้ประตูปิดกล่องไปแล้ว จากจังหวะที่เอสเซียงแทงทะลุช่องสวยหยดให้กับแฟร์เรร่าเติมขึ้นมาเปิดเลียดปาดหน้าประตู แต่ไม่มีเข้าใครชาร์จได้ทัน แม้แต่โคลที่เสาสองเพราะโดนทางกองหลังเอฟเวอร์ตันเข้ามากระแทกเข้าไว้

    เบนส์สุดตีน!เบ็คฟอร์ดโขกตุง
    นาทีที่ 86 เลห์ตัน เบนส์โชว์ความสุดยอดด้วยการกระขากบอลหนีผู้เล่นของเชลซีถึง 3 คนไปเปิดบอลยาวไปเสาสอง เคฮิลล์ขึ้นโขกชงกลับเข้ากลางให้กับเบ็คฟอร์ดหลุดไปโขกเหน่งๆเผาขนคนเดียวไม่มีเหลือ เอฟเวอร์ตันตีเสมอสำเร็จแล้ว

    ทด 7 นาทีกันไปเลย
    ผู้ตัดสินที่ 4 ออกมาชูป้ายทดเวลา 7 นาที เพราะมีจังหวะอาการบาดเจ็บของเช็ก และพีนาร์ ทำให้เกมนี้ยังไม่เจ็บลงง่ายๆ ได้ลุ้นกันต่ออีกเฮือก

    ช่วงทดเวลากลายเป็นทางเอฟเวอร์ตันที่โหมบุกกดดันใส่อย่างหนัก จนเชลซีต้องตั้งรับกันอุตลุด

    จบเกมเชลซีทำได้แค่เสมอกับทางเอฟเวอร์ตันไป 1-1 ฟอร์มยังคงบู่ต่อเนื่อง 6 เกมเก็บชัยชนะได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    เชลซี :
    ปีเตอร์ เช็ก 6.5,จอห์น เทอร์รี่ 7.5,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 7.5,แอชลี่ย์ โคล 6.5,โจเซ่ โบซิงวา 6.5(แฟร์เรร่า 6 น.65),จอห์น โอบี มิเกล 7(สเตอร์ริดจ์ - น.88),ฟลอร็องต์ มาลูด้า 7,มิชาเอล เอสเซียง 6.5,นิโกล่าส์ อเนลก้า 7(รามิเรส 6 น.78),ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 7,ซาโลมอง กาลู 6.5

    เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด 5.5,ซิลแวง ดิสแต็ง 7,ฟีล จาเกียลก้า 7,เลห์ตัน เบนส์ 6.5,ฟีล เนวิลล์ 5.5,มารูยาน เฟลายนี่ 6,แจ็ค ร็อดเวลล์ 6.5,ทิม เคฮิลล์ 6,สตีเว่น พีนาร์ 6.5(บิยาเลตดินอฟ - น.87),เซมัส โคลแมน 6.5,หลุยส์ ซาฮา 6(เบ็คฟอร์ด 7 น.58)

















    ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com/ss

  7. #7
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    ซีโร่ทูฮีโร่!โกเมสทำเสีย-เซฟโทษไก่เจ๊าสิงห์ 1-1

    Quote Originally Posted by Zaine_R
    ซีโร่ทูฮีโร่!โกเมสทำเสีย-เซฟโทษไก่เจ๊าสิงห์ 1-1

    เฮเรลโญ่ โกเมสเกือบต้องฝันร้ายเสียแล้ว เพราะดันไปทำเสียจุดโทษในช่วงทดเวลาในขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 แต่แล้วเขาก็กลายเป็นฮีโร่ของเหล่าผองสเปอร์สพุ่งเซฟลูกโทษของดร็อกบาเอาไว้ได้ ทำให้สุดท้ายแบ่งแต้มกันไป เชลซียังคงสะกดคำว่าชนะไม่เป็น 5 เกมติด

    พรีเมียร์ ลีก

    วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2553


    สเปอร์ส 1 : 1 เชลซี

    ประตู :
    1-0 โรมัน พาฟลูเชนโก้ น.15,1-1 ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา น.70

    นี่บิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลหลายคนเฝ้ารอประจำสัปดาห์นี้ โดยเป็นการพบกันระหว่างสเปอร์สที่เปิดรังไวท์ ฮาร์ท เลนต้อนรับการมาเยือนของเชลซีที่กำลังกระท่อนกระแท่นอยู่

    ทางด้านเจ้าบ้านมาแบบเต็มๆ แถมยังได้ไมเคิ่ล ดอว์สันที่เจ็บไปนานกลับคืนทีมด้วย จะขาดก็เพียงแต่ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ตที่เร่งความฟิตกลับมาไม่ทันเกมนี้

    กลายเป็นแฟรงค์ แลมพาร์ด และดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ตอนแรกหลายข่าวสับสนว่าพร้อมหรือไม่ แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาคืนทีมให้แฟนบอลได้ชื่นใจ เพียงแต่มีชื่อเป็นตัวสำรองไปก่อนเท่านั้น

    ครึ่งแรก

    เอก็อตโต้เกือบสร้างงาน
    เริ่มเกมมาได้แค่ 3 นาที สเปอร์สก็เกือบจะผิดพลาดกันเองจนเสียประตูซะแล้ว จากจังหวะที่เอสเซียงโยนบอลอย่างกับแลมพ์พาร์ดไปน้ำหนักพอดิบพอดีให้กับอเนลก้าสวนขึ้นไปทางซ้าย ก่อนที่จะไกลให้กับกาลูตรงกลาง แต่เจ้าตัวจับบอลไม่ดี เลยหมดโอกาสยิง และบอลก็เข้าทางสเปอร์สแล้ว แต่เอก็อตโต้ดันไปลังเลจะปล่อยให้โกเมสออกมารับลืมมองว่ามีผู้เล่นของเชลซีพร้อมวิ่งเข้ามาฉกไปยิง แต่ยังดีรู้ตัวทันรีบสกัดทิ้งออกไปได้

    สิงห์ดูได้เนื้อกว่า
    ผ่าน 10 นาทีแรก เกมนี้ถือว่าสูีสีกันพอสมควร แต่ก็เป็นทางเชลซีที่ครองบอลได้่เหนือกว่าทางเจ้าบ้าน และมีโอกาสได้ลองส่องอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ส่วนมากจะเป็นนอกกรอบ และไม่ได้ลุ้นเสียวอะไรมาก

    สิงห์ตะลึง!พาฟลูแตะแล้วยิง
    นาทีที่ 15 พอดิบพอดี เชลซีที่เหมือนจะดูดีกว่าในช่วงต้นเกมกลับต้องเซ็งไปก่อนซะงั้น จากจังหวะสวนกลับโยนยาวจังหวะเดียวของสเปอร์สไปให้กับเดโฟที่วิ่งไปรับบอลทางด้านซ้าย ก่อนที่จะจ่ายเข้ากรอบเขตโทษให้กับพาฟลูเชนโก้ที่วิ่งมาแตะบอลหนีเทอร์รี่ที่เหมือนจะเหม่อเพราะไม่ยอมไล่ตาม ทำให้่หอกรัสเซี่ยนได้โอกาสซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งผ่านมือของเช็กที่ล้มตัวปัดไม่ทันเสียบตาข่ายเข้าไปสวยงาม สเปอร์สนำแล้ว 1-0

    กล้องซูมไปที่หน้าของอันเชล็อตติบอกบุญไม่รับอย่างแรง เพราะสถานการณ์กดดันเหลือเกิน

    จ่าเฉยเสียว!เฮ่งเจียเจ็บ
    อีก 4 นาทีต่อมา แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ถึงกับสะดุ้งออกมาจากม้านั่ง จากจังหวะที่เอสเซียงไปเข้าบอลช้าใส่เบล และย่ำเข้าที่ขา จนทำให้ปีกเฮ่งเจียล้มลงกุมขาก่อนร้องโอดโอยชนิดที่เสียวว่าหักหรือไม่หัก ทำให้ผู้ตัดสินต้องหยุดเกมมาดูอาการ ก่อนที่จะพบว่าไม่บาดเจ็บรุนแรงนัก

    จังหวะนี้ไม่ได้เป็นการฟาวล์เพราะทั้งผู้ตัดสิน และผู้ช่วยไม่ได้ว่าอะไร

    กาลูชาร์จไม่ตรง
    นาทีที่ 22 ซี๊ดปากกันใหญ่สำหรับแฟนเชลซี จากจังหวะที่รามิเรสยึกยักอยู่ริมเส้นขวา ก่อนที่จะเปิดบอลแบบได้เสียบเข้าไปที่เสาแรก ตำแหน่งเหมาะเจาะเพราะกองหลังของสเปอร์สยากสกัด แต่ทางกาลูที่พุ่งเข้ามาก็ชาร์จบอลปลิ้นไปเสาไกลได้แค่เสียงฮือฮา

    กาลูได้อีกหนึ่งเสียว!
    นาทีที่ 25 กาลูได้โอกาสทำแฟนซู้ดปากอีกครั้ง จากจังหวะที่มาลูด้าพาบอลไปทางริมเส้นได้สวน ก่อนที่จะเลี้ยงตัดเข้าในเขตโทษพยายามจ่ายเข้ากลาง ติดบล็อกของทางบาสซง แต่อเนลก้าเก็บตกได้ก่อนที่จะคักบอลเข้าไปหน้าประตู เป็นกาลูที่เทคตัวสูงกว่าใครได้โหม่ง แต่บอลไม่หนีมือโกเมสมากนัก ทำให้ปัดไว้ได้ ก่อนจะตามตะครุบอีกจังหวะ

    เกมสนุกน่าดูชม
    เข้าช่วงครึ่งชั่วโมงแรก เกมของทั้งสองทีมไม่ยี่หระกันเลยแม้แต่นิดเดียว บุกใส่กันชนิดได้ลุ้น ได้สนุกกันอยู่ตลอดเวลา ผลัดกันรุกรับเกมเปิดเป็นอย่างยิ่ง งานนี้แฟนบอลลุ้นกันมันส์ไปเลย

    เจทีสกัดสุดแม่น
    นาทีที่ 34 เทอร์รี่โชว์ความสามารถในเกมรับด้วยการดักจังหวะสำคัญที่เดโฟกำลังจะแตะบอลหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวกับทางเช็กแน่แล้วในการสวนกลับเร็ว แต่ก็โดนทางอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษปั้มเกี่ยวบอลเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ

    กาลูโหม่งแค่เสียวอีก
    อีก 2 นาทีต่อมา กาลูเจ้าเก่าคนเดิมยังคงไม่มีดวงในการทำประตู จากจังหวะฟรีคิกของเชลซีที่โยนบอลได้น่ากลัวเข้ากรอบเขตโทษ กาลูขึ้นโหม่งเช็ดสะบัดไปเสาสอง แต่ก็หลุดออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น

    สิงห์เฮเก้อ!
    นาทีที่ 42 เชลซีเฮกันเก้อเลย จากจังหวะที่เบลไปประมาทในกรอบเขตโทษพยายามจะแตะบอลหนี แต่โดนผู้เล่นเชลซีฉกไปได้ก่อนที่จะรีบเปิดบอลเข้ากลาง บอลไปแฉลบพวกเดียวกันเอง แต่กลายเป็นดีเข้าทางของอเนลก้าที่แปบอลเข้าไปนอนอยู่ก้นตาข่ายได้แล้ว แต่ไลน์แมนตีธงล้ำหน้าไปเสียก่อน

    เกือบไป!เช็กช่วยเซฟชีวิต
    ช่วงทดเวลานาทีแรก อเนลก้าเกือบทำทีมเสียประตูที่สองซะแล้ว หลังไปจ่ายบอลพลาดง่ายๆโดนสเปอร์สสวนกลับ พาฟลูเชนโก้บรรจงจ่ายบอลทะลุช่องให้กับเดโฟวิ่งแซงอิวาโนวิช แต่เป็นเช็กที่อ่านเกมขาดว่าเพื่อนวิ่งตามฝีเท้าซาไกไม่ทันแน่ เลยพุ่งออกมาตัดบอลไว้ได้ทัน

    ช่วงท้ายสเปอร์สได้บุกเสียวอีกเล็กน้อย แต่สุดท้ายมิมีอะไรเกิดขึ้น ครึ่งแรกยังคงนำทางเชลซีอยู่ 1-0

    ครึ่งหลัง

    เชลซีเปลี่ยนเอาดิดิเย่ร์ ดร็อกบาลงเล่นแทนจอห์น โอบี มิเกล

    แมลงสาบเกือบอาละวาด
    นาทีที่ 55 ดร็อกบาที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังเกือบที่จะแผลงฤทธิ์เพราะได้โอกาสตะบันจากนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงไปเสาสอง แต่โกเมสก็จะพุ่งสุดตัวไปปัดเอาไว้ได้ปลายมือ

    จังหวะต่อเนื่องจากเตะมุม สเปอร์สเคลียร์ออกไปด้านข้าง แต่โดนเชลซีบอมบ์กลับเข้ามาอีกครั้ง ปาลาซิออสเจตนาดีตั้งใจโหม่งเสยเพื่อจะสกัด แต่กลับกลายเป็นบอลพุ่งจะเสียบใต้คาน ยังดีที่โกเมสไวดีดตัวปัดเอาไว้ได้ทัน

    ซาไกออก-เปรตเข้า
    นาทีที่ 60 สเปอร์สต้องแก้เกมเมื่อเดโฟดูเหมือนว่าจะโชว์ฝีไม้ลายมือไม่ออกเท่าไรในเกมนี้ ส่งเคร้าซ์ลงไปเล่นแทน ซึ่งทำให้ตอนนี้คู่หน้าของเจ้าบ้านสูงใหญ่ได้ใจกันทั้งคู่

    ไก่ชักจะยังไง
    รูปเกมในครึ่งหลังกลายเป็นว่าสเปอร์สต้องเน้นตั้งรับซะส่วนมากต่างกับในครึ่งแรกที่ดูสูสีกันกว่านี้ ถ้าหากยังปล่อยให้เชลซีต้องทำเกมบุกอยู่แบบนี้เรื่อยๆ พลาดเมื่อไรได้ร้องจ๊ากแน่

    สิงห์ปรับเกมอีก
    นาทีที่ 68 เชลซีต้องปรับเกมอีกคำรบ หลังจากทำท่าจะดีแล้วก็โดนทางสเปอร์สตั้งเกมบุกกลับแบบได้ลุ้นเสียวอยู่พอควร จึงต้องเปลี่ยนเอากาลูออกและส่งสเตอร์ริดจ์ลงไปเล่นแทน

    พลังแมลงสาบ!ยิงลูกตีนระเบิด
    อีก 2 นาทีต่อมา เชลซีมาได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของดอว์สันที่ไปโหม่งสกัดจากการที่เขาประกบดร็อกบาไม่ดีไปหลงบอล ทำให้ดร็อกบามีโอกาสได้หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายตามน้ำในกรอบเขตโทษปานว่ายิงลูกปืนใหญ่ บอลพุ่งเร็วแรงจนถึงขนาดที่ว่าตรงตัวโกเมสแต่ก็ปัดเอาไว้ไม่อยู่ บอลเด้งข้ามหัวเข้าประตูไป เกมเสมอกัน 1-1 แล้ว

    แม้ว่าจากภาพช้าในจังหวะที่ดอว์สันเบียดกับดร็อกบาอยู่จะเป็นแขนดร็อกบาที่โดนบอลก็ตาม แต่ผู้ตัดสินไม่เห็น จึงต้องยกประโยชน์ให้กับทางเชลซีไป

    ไก่รอดเฉย!
    นาทีที่ 77 สเปอร์สรอดพ้นจากการเสียประตูได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากจังหวะเตะมุมที่โยนเข้าไปเสาแรกดร็อกบาเบียดทางเคร้าซ์โหม่งเช็ดเข้ากลาง เสอตร์ริดจ์กำลังง้างจะกระโดดแปบอลเข้าประตูไปแล้ว แต่เอก็อตโต้ไม่รู้มาจากไหนกระโดดดีดบอลกลับหลังออกไปได้แบบเฉียดฉิว

    ขอเสียงโหน่ยยยย!แลมพ์กลับมาแว้ว
    นาทีที่ 76 เชลซีน้ำขึ้นให้รีบตักโมเมนตั้มของทีมกำลังได้บุกกดดันทางสเปอร์สที่ระส่ำ ส่งแลมพาร์ดตัวทำเกมที่แฟนบอลคิดถึงมาเนิ่นนานลงเล่นแทนมาลูด้า

    จ่าเฉยรู้ตัวส่งคีนน้อยลง
    อีก 2 นาทีต่อมา เร้ดแนปป์เริ่มรู้ตัวว่ากองหน้าสูงๆสองคนมันไม่เวิร์คเลยต้องเปลี่ยนเอาคีนลงไปเล่นแทนพาฟลูเชนโก้ผู้ทำประตูในเกมนี้

    เลนน่อนยิงไม่ดี
    นาทีที่ 79 จังหวะเคลียร์บอลแบบสะเปะสะปะของกองหลังเชลซีเกือบทำให้สเปอร์สมีโอกาสขึ้นนำอีกครั้ง เพราะบอลไปเข้าทางเลนน่อนที่มีโอกาสตั้งป้อมยิงนอกกรอบ แต่เหมือนเจ้าตัวจะเร่งๆทำให้ยิงออกหลังไป

    โกเมสเกือบทำแย่
    นาทีที่ 84 การสื่อสารของผู้เล่นสเปอร์สที่ผิดพลาดเกือบทำให้ทีมต้องพบกับฝันหลาย จากจังหวะที่เชลซีสวนกลับเร็วแล้วแทงบอลทะลุช่องขึ้นหน้าซึ่งไม่ได้เปรียบแล้ว และโกเมสน่าจะเคลียร์ได้ หรือไม่ก็รอรับในกรอบเขตโทษ แต่กลับหวดไปติดเอก็อตโต้ที่วิ่งบังบอลมา ยังดีที่ไม่กระดอนเข้าประตูไป

    โกเมสดราม่า!ทำเสียโทษแต่เซฟแจ่ม
    ช่วงทดเวลานาทีแรก กองหลังของสเปอร์สพลาดท่าให้ดร็อกบาเกี่ยวบอลตวัดขึ้นหน้าได้ ทำให้รามิเรสมีโอกาสหลุดเข้าไปเตรียมยิง และโกเมสก็พุ่งออกมาจะรับบอล แต่ช้ากว่า ทำให้ชนกันอย่างจัง ผู้ตัดสินวิ่งมาชี้เป็นจุุดโทษทันทีไม่มีลังเล

    แต่ดร็อกบาเป็นคนรับหน้าที่สังหารกลับถูกทางโกเมสเซฟเอาไว้ได้อย่างสวยสดงดงาม

    ทำให้จบเกมทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1 แบ่งกันทีมล่ะแต้ม สเปอร์สแซงโบลตันกลับขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 5 มี 27 คะแนน ในขณะที่เชลซีมี 31 คะแนนอยู่ที่ 4 เหมือนเดิม

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    สเปอร์ส :
    โกเมส 7,เซบาสเตียน บาสซง 7,ไมเคิ่ล ดอว์สัน 7.5,เบนอต์ อัสซู-เอก็อตโต้ 6,อลัน ฮัตตัน 7,ลูก้า โมดริช 7,วิลสัน ปาลาซิออส 7(ซานโดร - น.89),แกเร็ธ เบล 6.5,แอร่อน เลนน่อน 7,โรมัน พาฟลูเชนโก้ 7(คีน - น.78),เจอร์เมน เดโฟ 6(เคร้าซ์ 6 น.60)

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6.5,จอห์น เทอร์รี่ 6.5,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6,แอชลี่ย์ โคล 6,เปาโล แฟร์เรร่า 7,จอห์น โอบี มิเกล 6(ดร็อกบา 7 น.45),มิชาเอล เอสเซียง 6,ฟลอร็องต์ มาลูด้า 6.5(แลมพาร์ด 6 น.78),ซาโลมอง กาลู 6(สเตอร์ริดจ์ 6 น.68),นิโกล่าส์ อเนลก้า 6,รามิเรส 6






















    ขอบคุณ Soccersuck.com/ss

  8. #8
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    Rip เชลซี!ปืนเป่าดิ้น 3-1 จี้ผีเหลือ 2 แต้ม

    Quote Originally Posted by arshamakh
    RIP เชลซี!ปืนเป่าดิ้น 3-1 จี้ผีเหลือ 2 แต้ม

    เชลซีนอกบ้านเน่าไม่เลิกล่าสุดถูกอาร์เซนอลใช้ความเฉียบคมยิงกระจุย 3-1 จากประตูของอเล็กซ์ ซง,เชสก์ ฟาเบรกัสและธี โอวัลค็อตต์ขยับขึ้นรองฝูงตามแมนฯยูฯเหลือ 2 แต้มแต่เตะมากกว่าหนึ่งนัดส่วนลูกทีมคาร์โล่ อันเชล็อตติดมก้นถึง 6 แต้มเข้าให้แล้ว

    พรีเมียร์ลีก

    วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2553


    อาร์เซน่อล 3 -1 เชลซี

    ประตู :
    1-0 อเล็กซ์ ซง น.44, 2-0 เชส ฟาเบรกาส น.51, 3-0 ธีโอ วัลค็อตต์ น.53, 3-1 บรานิสลาฟ อิวาโนวิช น.57

    ไลน์อัพของเจ้าถิ่นวันนี้ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรเมื่อมีชื่อของ โยฮัน ชูรู และ ธีโอ วัลค็อตต์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในคืนนี้เลย ขณะที่ เชลซี มีดิดิเย่ร์ ดร๊อกบา ของแสลงของอาร์เซน่อล ลงสนามตามคาดแต่ไม่มี นิโกล่าส์ อเนลก้า แม้แต่ในรายชื่อตัวสำรอง

    ครึ่งแรก

    ฟานเพอร์ซี่จั่วลม
    เริ่มเกมมาอาร์เซน่อลพยายามรุกเข้าใส่เชลซีก่อนแต่เชลซีก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำเข้าสู่นาทีที่ 6 ซงชิพบอลอย่างแม่นให้ฟานเพอร์ซี่ที่สอดขึ้นไปแบบไม่ล้ำหน้าแต่ศูนย์หน้าจอมยิงนกกลับแปไม่โดนไปอย่างน่าเขกกะโหลก

    ดร๊อกบาทักทายน้อง ๆ
    นาที่ที่ 8 จากจังหวะที่อาร์เซน่อลจ่ายบอลพลาดกันกลางสนาม บอลมาเข้าทางดร๊อกบาลากเข้าไปในกรอบเขตโทษโดยมีชูรูประคองอยู่ห่าง ๆ ก่อนหาจังหวะยิงแต่บอลเฉี่ยวออกข้างไปนิดเดียว

    มาลูด้าเกือบทำเสียจุดโทษ
    นาที 16 บอลครอสจากด้านข้างของเอสเซียงเกือบจะถึงหัวดร๊อกบาดีที่ชูรูถึงบอลก่อนโขกออกหลังไปได้แบบจวนเจียน ผ่านไป 20 นาทีต้องบอกว่า เชลซีค่อนข้างจะสร้างเกมรุกได้วูบวาบเหนือกว่าเจ้าถิ่นที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ในแดนกลางเล็กน้อย นาที 21 ฟานเพอร์ซี่ได้บอลตรงกรอบเขตโทษมาลูด้าเข้ามาขวางล้มลงไป เจ้าถิ่นพยายามจะฟ้องเอาจุดโทษแต่ผู้ตัดสินยังเฉย

    ธีโอหลุดแต่จับบอลไม่เชื่องเท้า
    เกมหลังจาก 20 นาทีแรกอาร์เซน่อลค่อย ๆ มีโอกาสมากขึ้นเรื่อย ๆ นาที 26 ฟาเบรกาสวางบอลอย่างแม่นจากแดนตัวเองมาให้วัลค็อตต์แต่ทว่าแข้งความเร็วสูงกลับจับบอลแรกไม่ดี อิวาโนวิชเข้ามาคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

    ซ้ายพิฆาตนกทำการแสดง
    เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย อาร์เซน่อลขึงเกมได้ตามสไตล์นาที 35 ฟานเพอร์ซี่ทำชิ่งกับนาสรี่ก่อนจังหวะสุดท้ายฟานเพอร์ซี่จะยิงโด่งข้ามคานออกไปตามแบบฉบับซ้ายพิฆาตนก

    ปืนดาหน้าเข้าใส่
    นาที 40 จังหวะที่วัลค็อตต์ทะลุเข้าไปแล้วเทอร์รี่สกัดไม่ขาดบอลมาเข้าทางวัลค็อตต์อีกครั้งโชคดีที่อิวาโนวิชมาสกัดบอลออกไปได้ทัน ก่อนที่นาทีถัดมา ซานญ่าลองส่องไกลเต็มข้อบอลไปติดหัวดร๊อกบาเต็ม ๆ

    นาสรี่ชิพสวยแต่เช็คบินสวยกว่า
    โอกาสที่ดีที่สุดของอาร์เซน่อลมาถึงในนาที 41 จากบอลที่ขลุกขลิกอยุ่ในแดนหน้าบอลกระเด้งกลับไปเข้าทางนาสรี่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของฝรั่งเศสจะตัดสินใจชิพบอลอย่างสวยแต่เช็คยังตัวยาวพอที่จะถอยไปปัดออกหลังได้

    1-0!อเล็กซ์ ซงงงงง
    หลังจากทีขึงเกมอยู่ข้างเดียวนาทีที่ 44 พลพรรคเดอะกันเนอร์สก็มาเอาประตูขึ้นนำจนได้โดยบอลขึ้นมาจากซงที่ป้ายให้วิลเชียร์ก่อนที่ซงจะตามไปรับบอลจากจังหวะที่ฟาเบรกาสพยายามแต่งบอลยิงแต่โดนแฟร์เรร่าเข้าขวาง บอลหลุดมาถึงซงอีกครั้งก่อนที่มิดฟิลด์ทีมชาติแคเมอรูนจะเก็บตกซัดด้วยซ้ายในเขตโทษฝั่งซ้ายบอลเสียบเสาสองเข้าไปจนปัญญาที่เช็คจะป้องกัน ทำให้จบครึ่งแรกอาร์เซน่อลเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบเอาไว้ได้ก่อน

    ครึ่งหลัง

    เอสเซียงพลาดโดนเม็ดสอง
    ครึ่งหลังอันเช่คิดเร็วทำเร็วถอดมิเกลออกแล้วส่งรามิเรสลงมาแทนเพื่อเน้นเกมรุกมากขึ้น แต่แค่ 6 นาทีในครึ่งหลังงานของเชลซียิ่งดูหนักอึ้งขึ้นไปอีกเมื่อเอสเซียงที่พยายามมาแย่งบอลจากฟานเพอร์ซี่แต่กลายเป็นบอลดันลั่น และวัลค็อตต์ก็ใช้สปีดไปเก็บบอลก่อนควบไปจ่ายผ่านเช็คให้ฟาเบรกาสที่มีแค่ประตูอยู่ตรงหน้าโล่ง ๆ กดเรียดเข้าไปแบบไม่ยากเย็นให้อาร์เซน่อลนำห่างเป็น 2-0

    ธีโอไม่ได้ดีแค่เร็ว
    เรียกว่าเอาอะไรมาหยุดก็ไม่อยู่ซะแล้วสำหรับความฮอตของและเร็วของวัลค็อตต์คราวนี้เหยื่อเป็นมาลูด้าที่จับบอลแล้วเหม่อโดนวัลค็อตต์วิ่งมาฉกให้ฟาเบรกาสก่อนแข้งสเปนจะคืนให้วัลค็อตต์ควบเดี่ยวไปดวลกับเช็คและอดีตนักวิ่งลมกรดในวัยเด็กก็ไม่ทำให้เวนเกอร์ผิดหวังที่เซอร์ไพรส์ส่งมาเป็นตัวจริงกดเต็มด้วยขวาเสียบมุมดิกจนปัญญาที่เช็คจะเซฟในนาทีที่ 53 น่อลหนีห่างเป็น 3-0 แล้ว

    สิงห์ฟื้นไวอิวาโนวิชโขกไล่ทันควัน
    นาที 57 เชลซีกลับมีฮึดขึ้นมาอีกครั้งจากลูกฟรีคิกและเป็นดร๊อกบารับหน้าที่เปิดให้อิวาโนวิชโฉบเข้าโขกได้ก่อนฟาเบียงสกี้ที่ออกมาเก้ ๆ กัง ๆ บอลตุงตาข่ายทำให้ทีมเยือนไล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว 1-3

    สิงห์เริ่มคะนอง
    เชลซีได้ใจสร้างเกมรุกกดดันอาร์เซน่อลที่ดูเหมือนจะแผ่วลงไปนาที 63 อิวาโนวิชควบบอลขึ้นมาได้สวยก่อนจังหวะสุดท้ายดร็อกบาจะได้ซัดบอลติดบล็อกออกหลังไป และนาทีถัดมาโบซิงวาที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาลองส่องระยะไกลแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ

    กลิชี่เกือบทำหมูหกอีกแล้ว
    นาที 65 บอลโด่งที่ไม่มีอะไรของเชลซีแต่กลิชี่กลับทำเสียวโดยพยายามโหม่งคืนหลังแต่เกือบจะไม่ถึงฟาเบียงสกี้ยังดีที่โกล์โปแลนด์ยังเร็วพุ่งออกมารับไว้ได้ทัน

    นาสรี่ฝังไม่ลง
    นาที 69 ดร๊อกบาได้เปิดฟรีคิกจากจุดเดิมที่ได้ประตูตีไข่แตกแต่บอลยังถูกเคลียร์ไว้ได้หลังจากนั้นฟาเบรกาสตัดบอลได้ในแดนกลางก่อนที่ซงจะวางยาวให้วัลค็อตต์หลุดขึ้นไปตามถนัดก่อนกระดกบอลให้นาสรี่ที่สอดขึ้นมารับบอลที่กากูต้าสกัดพลาดเดี่ยว ๆ แต่จังหวะสุดท้ายกลับแตะบอลเบา เช็คเข้ามาเซฟไว้ได้ทัน

    อะไรของพี่บี้?
    เชลซีพยายามให้ลูกโด่งเล่นงานอาร์เซน่อลมากขึ้นนาที 75 กากูต้าลองส่องไกลแต่บอลยังไม่ตรงกรอบบอลโด่งออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น ถัดมา 5 นาทีอาร์เซน่อลพลาดโอกาสฝังแบบเน้น ๆที่สุดแล้วโดยวิลเชียร์ใส่พานให้ดิยาบี้แต่พี่บี้แต่งจังหวะมากไปสุดท้ายโดนบล็อคไว้ได้ตามสูตร

    ดร๊อกบาคนเก่าหายไป
    นาที 84 ดร๊อกบาได้ส่งฟรีคิกระยะอันตรายแฟนอาร์เซน่อลนั่งลุ้นเสียวแต่กลายเป็นหอกไอวอเรี่ยนยิงโด่งข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น ถัดมาอีก 3 นาที แลมพาร์ดได้กดบอลเน้น ๆ อีกทีแต่บอลเบาฟาเบียงสกี้รับสบาย

    ปืนเริ่มผ่อนคลาย
    ท้ายเกมอาร์เซน่อลพยายามเก็บบอลแล้วเคาะแต่ก็ครองได้ไม่นานเพราะเชลซีบีบจังหวะเร็วนาทีสุดท้ายดร๊อกบาได้จังหวะที่อาร์เซน่อลเคลียร์ลูกฟรีคิกไม่ขาดกดเต็มข้อแต่บอลติดบล็อกกองหลังออกไปอีก ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 2 ชามัคห์ได้โฉบบอลได้ก่อนเช็คแต่ไม่มีมุมยิงเลยต้องส่งคืนหลังไปตามสไตล์ชามัคห์ ท้ายของช่วงทดเวลา อาร์เซน่อลเริ่มย่ามใจเล่นสบายมากก่อนประคองเกมจนหมดเวลาทำให้อาร์เซน่อลถอนแค้นเชลซีที่ผูกปีแพ้สำเร็จด้วยสกอร์ 3-1 ทิ้งให้แชมป์เก่าตกอยู่ในสภาวะหลังพิงฝาต่อไป

    รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

    อาร์เซน่อล :
    ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ 6.5, บาการี่ ซานญ่า 6.5, โลร็องต์ กอสเซียลนี่ 7, โยฮัน ชูรู 7.5, กาแอล กลิชี่ 6, ธีโอ วัลค็อตต์ 8**(ดิยาบี้ น.73 6), อเล็กซานเดอร์ ซง 7, แจ๊ค วิลเชียร์ 6.5, ซาเมียร์ นาสรี่ 7, เชส ฟาเบรกาส 7.5 (โรซิคกี้ น.88), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 7 (ชามัคห์ น.76)

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ค 6.5, เปาโล แฟร์เรร่า 5(โบซิงวา น.61 6), บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 7, จอห์น เทอร์รี่ 6, แอชลี่ย์ โคล 6 , มิกาแอล เอสเซียง 5.5, จอน โอบี มิเกล 5.5(รามิเรส น.46 5.5), แฟร้งค์ แลมพาร์ด 6 , ซาโลมง กาลู 6 , ฟลอร็องต์ มาลูด้า 5.5(กากูต้า น.56 6), ดิดิเย่ร์ ดร๊อกบา 6




























    ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com

  9. #9
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    ต่ออายุ!มาลูด้านำชัยเชลซี 1-0 ตาม 4 แต้ม

    Quote Originally Posted by Tor The Hitman
    ต่ออายุ!มาลูด้านำชัยเชลซี 1-0 ตาม 4 แต้ม

    เชลซีปลดล็อกคว้าชัยหนแรกในรอบ 6 นัดสำเร็จหลังเปิดบ้านเบียดเอาชนะโบลตันหวุดหวิด 1-0 จากประตูของฟลอร็องต์ มาลูด้าทำให้ไล่"จ่าฝูง"แมนฯยูฯเหลือ 4 แต้มแต่เตะมากกว่าหนึ่งนัด

    พรีเมียร์ลีก

    วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2553


    เชลซี 1 : 0 โบลตัน วันเดอเรอร์ส

    ประตู :
    1-0 ฟลอร็องต์ มาลูด้า น.61

    เชลซีฟอร์มตกแบบกู่ไม่กลับตั้งแต่ปลดเรย์ วิลกิ้นออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทีมล่าสุดไม่ชนะใครมา 5 นัดติดแล้วโดยเฉพาะเมื่อวันจันทร์ก็เพิ่งบุกไปแพ้อาร์เซนอลคู่แข่งลุ้นแชมป์ไปถึง 1-3

    ส่วนโบลตันยังทำผลงานได้ดีคงเส้นคงวาแต่เกมนี้จะไม่มี อี ชุง-ยองดาวเตะทีมชาติเกาหลีใต้ที่เดินทางไปเก็บตัวกับทีมชาติแล้ว

    อย่างไรก็ดีคู่นี้ก็เหมือนบอลแพ้ทางกันเพราะเชลซีไม่แพ้โบลตันมา 7 ปีแล้วรวมทั้งหมด 14 เกมและเป็นฝ่ายกำชัยถึง 12 นัดด้วยกัน

    ครึ่งแรก

    เอสเซียงทักก่อน
    เปิดฉากมา 4 นาทีนักสู้พันธ์ข้าวหลามของเจ้าบ้านอย่างเอสเซียงก็มาได้จังหวะสับไกนอกกรอบเขตโทษเป็นการทักทายแต่บอลเหินข้ามคานไป

    ฟรีคิกแมลงสาบ
    เกมในช่วงถัดจากนั้นเป็นเชลซีที่ทำเกมได้เหนือกว่าอาคันตุกะจนนาที 18 ก็มาได้จังหวะลุ้นประตูจากฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษที่ดร็อกบารับอาสาปั่นบอลแต่ดันหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

    โบลตันเริ่มตอบโต้
    ทีมเยือนโบลตันอาศัยจังหวะทำฟาวล์ตัดเกม"สิงห์บลู"อยู่บ่อยครั้งทำให้เกมรุกของเชลซีขาดความต่อเนื่องไปและในนาที 22 เทย์เลอร์มิดฟิลด์เท้าหนักก็ได้ซัดด้วยอีซ้ายในกรอบเขตโทษทว่าลูกบอลหลุดเสาไปอีก

    เอลมานเดอร์ได้ช่องยิง
    ถัดมาอีก 2 นาทีเอลมานเดอร์ก็รับบอลจากการโขกชงมาของเดวิสหัวหอกกัปตันทีมก่อนที่ดาวเตะทีมชาติสวีเดนจะส่องไกลด้วยขวาไปติดบล็อก

    ครึ่งทางสิงห์ครองเกม
    เกมเข้าสู่ช่วงครึ่งทางของครึ่งแรกเป็นฝั่งเชลซีที่ครองเกมได้ดีกว่าอยู่ที่ 63% - 37% เลยทีเดียวแต่อย่างที่เห็นว่าโบลตันอาศัยการตัดเกมเข้าทำลายล้างจนยอดฟาวล์พุ่งไปอยู่ที่ 13 ครั้งเข้าไปแล้ว

    แลมพ์งัดท่าไม้ตายแต่ไม่ติด
    นาที 30 แลมพาร์ดที่กำลังจับจังหวะเก่าๆของตัวเองมาได้ส่องท่าไม้ตายด้วยลูกยิงไกลแต่บอลไปติดบล็อกเสียก่อน

    เทย์เลอร์ได้ยิงอีกแล้ว
    ถัดมาอีก 3 นาทีเทย์เลอร์กองกลางจอมยิงไกลก็มาได้จังหวะส่องนอกกรอบตามถนัดเมื่อได้รับบอลจากโฮลเด้นมาแต่ลูกนี้ก็ข้ามคานออกหลังไปอีก

    จบครึ่งแรก 0-0
    จบเกมครึ่งแรกเขลซียังทำอะไรทีมเยือนได้ไม่ถนัดมากนักเล่นเอาแฟนๆที่มาเชียร์ออกอาการเซ็งกันไปตามๆกันเพราะแม้จะได้ครองเกมมากกว่าเกือบเท่าตัวแต่สุดท้ายโอกาสการทำประตูก็จบลงที่ฝั่งละ 3 เท่ากันและไม่เข้ากรอบกันเลยทั้งคู่สกอร์เลยหยุดอยู่ที่ 0-0

    ครึ่งหลัง

    ดร็อกบาออกตัวแรงซัดชนเสา
    เริ่มครึ่งหลังได้ไม่ถึง 5 นาทีแลมพาร์ดโชว์คิลเลอร์พาสอันสุดยอดออกมาเมื่อแทงบอลทะลุช่องทะแยงจากหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายไปในกรอบเขตโทษด้านขวามือให้ดร็อกบาวิ่งเข้ามายิงแบบไม่จับส่งบอลหนีมือยาสเคไลเน่นไปชนโคนเสาเล่นเอาแฟนเจ้าบ้านที่อยู่หลังประตูเฮเก้อกันไปเลย

    มาลูด้าวัดระยะ
    ถัดมาอีก 1 นาทีมาลูด้าสบโอกาสยิงด้วยเท้าซ้ายจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษแต่ไปติดบล็อกเสียอีก

    ไบซันเดินเครื่อง
    นาที 59 เอสเซียงได้จังหวะทำชิ่ง 1-2 กับแลมพาร์ดหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะโยกหนีกองหลังโบลตันแล้วตัดสินใจยิงด้วยเท้าซ้ายไปเข้ามือยาสเคไลเน่น

    สิงห์บลูทะยานนำ
    แลละแล้วเชลซีก็มาได้ประตูออกนำจนได้เมื่อ"ไบซัน"ที่แอบพกบ้องข้าวหลามลงสนามพาบอลกระชากจากแดนตัวเองแล้วแทงทะลุช่องไปทางริมเส้นฝั่งขวาให้ดร็อกบาวิ่งสปีดไปเอาบอลก่อนตบเข้ากลางมายังจุดนัดพบให้มาลูด้าสอดเข้ามาแปไม่เหลือซากให้เชลซีนำโบลตัน 1-0

    เชลซีเร่งจะเอาอีก
    ถัดมาแค่นาทีเดียวเชลซียังเร่งเครื่องจะทิ้งห่างสองเม็ดให้ได้เมื่อมาลูด้ารับบอลจากอเนลก้าแล้วตัดสินใจเหนี่ยวยิงด้วยอีซ้ายบริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแต่ไปติดบล็อกจังหวะถัดจากนั้นแลมพาร์ดก็วิ่งเข้ามาอัดด้วยเท้าซ้ายเช่นกันที่นอกกรอบแต่ไปเข้ามือผู้รักษาประตูทีมเยือน

    ริคเก็ตต์ยิงได้ลุ้น
    แต่โบลตันก็มาได้โอกาสตีเสมอเมื่อริคเก็ตต์ตะลุยพาบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนตัดเข้าในแล้วปั่นด้วยเท้าซ้ายข้ามคานไปนิดเดียว

    เอลมานเดอร์ได้โอกาสอีกหน
    เอลมานเดอร์มาได้โอกาสยิงในกรอบไปติดเซฟหลังรับบอลมาจากการโขกชงของเดวิสเช่นเดิมเรียกได้ว่าเข้าขากันมากสำหรับคู่นี้

    โฮลเด้นยิงชนแขนเทอร์รี่
    นาที 67 เดวิสอาศัยความขยันไปปั๊มแย่งบอลมาจากโบซิงวาแถวริมเส้นด้านขวาใกล้ประตูเชลซีได้ก่อนจะพาบอลไปจ่ายให้โฮลเด้นยิงด้วยเท้าขวาในเขตโทษไปติดแขนเทอร์รี่อย่างจังแต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไรคงมองว่าไม่ได้เจตนาแต่จริงๆแล้วทางบอลน่าจะทำให้เช็คงานเข้าได้เหมือนกัน

    เคฮิลล์โขกหลุดเสา
    เชลซีชักจะโดนกดดันบ้างแล้วเมื่อโอกาสทวงประตูคืนของอาคันตุกะมีมาเรื่อยๆอย่างจังหวะนี้ที่เป็นลูกฟรีคิกซึ่งเทย์เลอร์ได้เปิดเข้ามาให้แกร่ เคฮิลล์ปราการหลังที่มีข่าวว่าเชลซีกำลังให้ความสนใจสอดเข้ามาโขกเต็มกบาลแต่ลูกหลุดกรอบไปนิดเดียว

    เชลซีได้ลุ้นสองหนติด
    จากจังหวะเตะมุมที่แลมพาร์ดเปิดเข้ามาให้เอสเซียงโถมตัวขึ้นโขกบอลผ่านมือยาสเคไลเน่นแต่มูอัมบ้าที่ยืนเฝ้าเส้นเตะสกัดออกมาได้ทันแต่ยังมาเข้าทางโปรโขกที่ล้มตัวพุ่งโหม่งแต่บอลข้ามคานไปชวดได้ประตูทิ้งห่างไปอีก

    ท้ายเกมสิงห์ปิดเกมอย่างเก๋า
    ช่วงท้ายเกมโชว์ลูกเก๋าเมื่อเล่นถ่ายบอลไปมาปิดเกมผนวกกับการเปลียนตัวฆ่าเวลาจนสามารถเอาชนะโบลตันไปได้ 1-0 จากประตูโทนของมาลูด้า

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    เชลซี :
    ปีเตอร์ เช็ค 6, โชเซ่ โบซิงวา 5.5 (เปาโล เฟอร์ไรร่า N/A น.90), จอห์น เทอร์รีี่ ***7.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6.5 , แอชลี่ย์ โคล 5.5, รามิเรส 6.5, ไมเคิ่ล แอสเซียง 6, แฟรงค์ แลมพาร์ด 6, ฟรอร็องต์ มาลูด้า 6, นิโกล่าส์ อเนลก้า 5.5 (ซาโลมง กาลู N/Aน.90), ดิดิเยร์ ดร็อกบา 6.5
    โบลตัน วันเดอเรอร์ส : ยุสซี่ ยาสเคไลเน่น 6, ซามูเอล ริคเก็ตต์ส 7, แกรี่ เคฮิลล์ 6.5, แซ็ต ไนท์ 6.5, พอล โรบินสัน 6, แม็ทธิว เทย์เลอร์ 7 (มาร์ติน เปตรอฟ 6 น.78), ฟาบริซ มูอัมบา 6, สจ๊วร์ต โฮลเด้น 6.5 (มาร์ก เดวี่ส์ N/A น.82), โร้ดริโก้ 7 (อีวาน คลาสนิช 6.5 น.72), เควิน เดวิส 6.5, โยฮัน เอลมานเดอร์ 6



















    ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com

  10. #10
    iDnOuSe4's Avatar
    iDnOuSe4 is offline Trusted Member
    Join Date
    Sep 2010
    Location
    Nontaburi
    Posts
    1,250
    Blog Entries
    6
    สิงห์ตาตั้ง!ยิงตัวเองพ่ายหมาป่าอนาถ 1-0

    Quote Originally Posted by Zaine_R
    สิงห์ตาตั้ง!ยิงตัวเองพ่ายหมาป่าอนาถ 1-0

    "สิงห์ไฮโซ" เชลซีช็อกตาตั้งไปอีกครั้งหนึ่ง หลังจากพยายามที่จะเก็บ 3 คะแนนเพื่อไล่กวดจ่าฝูงในตารางแต่กลับกลายเป็นว่าบุกไปพ่ายต่อวูลฟ์ 1-0 จากการทำเข้าประตูตัวเองของโจเซ่ โบซิงวาทำให้แพ้เป็นนัดที่ 6 เข้าให้แล้ว

    พรีเมียร์ ลีก

    วันพุธที่ 5 มกราคม 2554


    วูลฟ์ 1 : 0 เชลซี

    ประตู :
    1-0 โจเซ่ โบซิงวา(o.g.) น.5

    ครึ่งแรก

    หมาป่าได้ทักทายก่อน
    เริ่มเกมมาได้ 4 นาทีเป็นทางเจ้าบ้านวูลฟ์ที่ได้โอกาสทักทายเชลซีก่อน จากจังหวะที่ซูบาร์วิ่งเติมขึ้นไปจัดการส่องไกล แต่บอลไม่หนีกลางประตูทำให้เช็กรับเอาไว้ได้

    เงิบ!สิงห์ช็อกยิงตัวเองเฉย
    อีกเพียงหนึ่งนาทีต่อมาเชลซีถึงกับเซ็งสุดๆเพราะดันมาโดนวูลฟ์ทำประตูขึ้นนำไปก่อน แถมไม่ได้ยิงเองแต่เป็นโบซิงวาที่ทำเข้าประตูตัวเองไปอย่างเซ็งๆทำให้วูลฟ์ออกนำไปก่อนแล้ว 1-0

    สิงห์ได้ลุ้นแต่ไม่มีผล
    หลังจากเชลซีเริ่มที่จะเซ็ตเกมของตัวเองได้ ก็มีโอกาสลุ้นยิงประตูจากทั้งดร็อกบาและกาลู แต่บอลก็พุ่งไปติดบล็อกทั้งหมด ทำให้ไม่ได้ลุ้นอะไรมากมายต้องหาโอกาสกันต่อไป

    ใส่คนละหมัด!
    นาทีที่่ 28 เรียกได้่เลยว่าแลกกันไปคนละดอก เริ่มแรกเป็นทางดอย์ของวูลฟ์ที่มีโอกาสส่องจากนอกกรอบเขตโทษแต่ก็ถูกเซฟเอาไว้ได้ เช่นเดียวกับทางเชลซีที่กาลูมีโอกาสได้ลองยิงแต่ก็ถูกเซฟเอาไว้ได้เช่นเดียวกัน

    สิงห์ลุ้นอีกแต่ยังไม่ได้
    นาทีที่ 36 แม้ว่าทางเชลซีจะพยายามทำเกมบุกเพื่อหาประตูยิงตีเสมอให้ได้ แต่จังหวะลุ้นของทั้งแลมพาร์ดและรามิเรสก็ถูกทางผู้เล่นของวูลฟ์ช่วยกันสกัดบล็อกเอาไว้ได้ทันทั้งหมด

    ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายทำให้วูลฟ์ยังคงนำแชมป์เก่าอย่างเชลซีอยู่ 1-0

    ครึ่งหลัง

    สิงห์เร่งเครื่องแต่ยังไม่ได้
    พอเริ่มครึ่งหลังมาทางเชลซีก็พยายามที่จะทำเกมเพื่อลุ้นประตูตีเสมอให้จงได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยิงทิ้งยิงขว้างกันไปหมด หรือไม่ก็ถูกทางผู้รักษาประตูของวูลฟ์ปัดป้องเอาไว้ได้

    แมลงสาปยิงอัดเสา
    นาทีที่ 65 เชลซีได้ลุ้นประตูตีเสมอที่เรียกได้เลยว่าเกือบไปแล้ว จากจังหวะที่ดร็อกบาได้พลิกยิงบริเวณกรอบเขตโทษฝั่งขวา แม้บอลจะผ่านมือผู้รักษาประตูไปได้แล้ว แต่ก็ชนเสาเข้าไปเต็มเม็ดเต็มหน่วย

    หมาป่าเกือบได้อีก
    นาทีที่ 70 วูลฟ์ทำเสียวเกือบจะบวกประตูที่สองนำห่างเชลซีไปเสียแล้ว จากจังหวะฟรีคิกที่ฮันท์จัดการปั่นไกล บอลพุ่งโค้งข้ามกำแพงแม้จะผ่านมือของเช็กไปได้ แต่ก็อัดสามเหลี่ยมเข้าอย่างจัง

    เกมยังทรงๆ
    กำลังจะเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เกมของทั้งสองทีมตอนนี้เหมือนกับว่ากั้กๆกันไปแล้ว เพราะทางวูลฟ์เองนำอยู่ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไร ส่วนทางเชลซีที่พยายามจะเปิดเกมรุกแต่ก็ดูทำอะไรไม่ค่อยจะมั่นเหมาะ ทำให้เกมทรงๆด้วยกันทั้งคู่

    สิงห์พยายามเร่ง
    5 นาทีสุดท้ายเชลซีพยายามที่จะเร่งเครื่องเพื่อทวงประตูตีเสมอคืนให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของวูลฟ์เข้าไปทำประตูอย่างที่หวังได้

    จบ 90 นาทีกลายเป็นว่าวูลฟ์ทีมบ๊วยของตารางสามารถเอาชนะเชลซีไปได้ 1-0

    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
    วูลฟ์ :
    เวย์น เฮนเนสซี่ย์,คริสตอฟห์ แบร์ร่า,ริชาร์ด สเตียร์แมน,จอร์จ อีโลโคบี้,โรนัลด์ ซูบาร์,ดาวิด เอ็ดเวิร์ด,เควิน โฟลี่ย์,สตีเฟ่น ฮันท์,แมทธิว จาร์วิส,เควิน ดอยล์(วอร์ด น.70),สตีเว่น เฟล็ทเชอร์(อีแบงค์-เบล็ค น.70(มิลิยาส น.83)

    เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก,จอห์น เทอร์รี่,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ,แอชลี่ย์ โคล,โจเซ่ โบซิงวา,มิชาเอล เอสเซียง,แฟรงค์ แลมพาร์ด,รามิเรส(สเตอร์ริดจ์ น.72),ฟลอร็องต์ มาลูด้า(กากูต้า น.79),ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา,ซาโลมอง กาลู(อเนลก้า น.66)
















    ขอบคุณข่าวจาก www.soccersuck.com/ss

Page 2 of 5 FirstFirst 1 2 3 4 ... LastLast

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •