LAMER de gel 3.5 g
400 บาท
4ชิ้นขึ้นไปส่งฟรีค่ะ
ค่าส่ง 20 บาท
chrisnaphat@gmail.com
ขอบคุณ SBN ka
LAMER de gel 3.5 g
400 บาท
4ชิ้นขึ้นไปส่งฟรีค่ะ
ค่าส่ง 20 บาท
chrisnaphat@gmail.com
ขอบคุณ SBN ka
Last edited by chrisnaphat; 12-05-2011 at 11:04 AM.
รีวิว จากสาวๆที่เคยใช้แล้วนะค่ะ
เราใช้อยู่ค่ะตัว LAMER the oil absorbing lotion ตัวนี้ ใช้ทั้งเช้า-เย็นนะคะ ราคาประมาณ 7พันกว่าบาท ( 50 ml ) ใช้แล้วรู้สึกว่ามีแต่คนชมว่าผิวหน้าเราดีขึ้นมากๆๆ เลยค่ะ เนื้อครีมของเค๊าจะเข้มข้นมากๆ ใช้ได้นานมั่กๆ ถือว่าคุ้มนะคะ สำหรับผลที่ได้รับสำหรับราคาที่สูง สนับสนุนค่ะ ถ้าคิดจะหาครีมดีๆ มาใช้สักยี่ห้อ รับรองยี่ห้อนี้ ไม่ผิดหวังแน่นอน 100%
http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=Z05092
ที่มาของ Crème de la Mer (ครีม เดอ ลา แมร์)
มีดอกเตอร์คนหนึ่ง Dr. Max Huber เป็นนักฟิสิกส์ยานอวกาศ ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดขณะทำการทดลอง ทำให้หน้าได้รับบาดเจ็บ เค้าก็เลยพยายามหาครีม ยา เครื่องสำอางที่มีขายในท้องตลาดมาช่วยบรรเทาแผล แต่มันไม่มียี่ห้อไหนเลยที่มันใช้ได้ผล ...เค้าก็เลยทุ่มเท เอาความรู้ตัวเองไปเสาะหาทำครีมวิเศษที่จะช่วยรักษาตัวเองได้ เค้าทดลองทำมาถึง 12 ปี และผ่านการทดลองค้นค้ามากว่า 6000 ครั้ง จนสุดท้ายได้ "Broth" เราเรียกว่า หัวเชื้อมหัศจรรย์ La Mer แล้วกัน ที่เค้าปรุงขึ้นมาจากหลากลายพืชพันธุ์ และส่วนผสมสุดยอดทั้งนั้น เค้าบอกว่ามาจาก สาหร่ายทะเล ซึ่งถ้าคุณได้ดู VDO present product หน้าเวปไซต์ ก็จะรู้ว่ามันไฮโซมากขนาดไหน สาหร่ายเค้าต้องเลี้ยงไว้โดยเฉพาะ ไม่ใช่ไปเก็บสาหร่ายที่ไหนไม่รู้มาทำ และเลี้ยงอย่างดีด้วย พอได้มาต้องเอามาสกัดเชื้อจุลินทรีย์ออกอีก สารพัดเรื่อง แล้วก็ยังมี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็ก เลซิติน วิตามิน ซี อี บี12 น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันดอกทานตะวัน จมูกข้าวสาลี อัลฟาฟ้า ซิตรัส เค้าบอกว่ากว่าจะเอามาใช้งานได้ ต้องหมักเอาไว้ 3-4 เดือน กว่าที่มันจะออกฤทธิ์ ถึงเอามาทำเป็นน้ำเชื้อหลักใน ครีม LA MER ได้
จุดเด่นของ LA MER
คำตอบไม่ใช่มาจากเรา แต่มาจากเพื่อนๆที่ใช้ และคนอื่นๆที่รีวิวที่นี่ เค้าบอกว่า มันจะทำให้หน้ารู้สึกชุ่มชื่น รู้สึกว่าถ้าหน้าแย่ๆมา เอาเจ้านี่โปะ สักพักก็รู้สึกหน้าดี มีชีวิตชีวา สัมผัสแล้วนุ่ม ถ้าใช้นานๆ จะรู้สึกว่าริ้วรอยไม่ค่อยมี ผิวหน้าดูเรียบ แล้วก็รู้สึกว่าลดรอยแก่ได้...แต่เนื้อมันจะหนักๆ ก็แน่สิเพราะ LA MER ไม่ใช่ water based cream เพราะมีคนเคยมา list top 5 ingredients of LA MER เอาไว้ว่ามีดังนี้ Seaweed extract, mineral oil, petrolatum, glycerin, and isohexadecane....แต่ละตัวเหนียวเหนอะทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่ seaweed extract ละมั้ง
ส่วนตัวเราคิดว่า เพราะเหตุผลเดียวเลยคือเพราะคุณสมบัติการกักเก็บ "อากาศ และ น้ำ" ไม่ให้ออกจากผิว มันก็จะทำให้อะไรๆก็ดูดีขึ้นไปหมด ระหว่างชั้นผิวกับครีม มี ไฮโดรเจน ออกซิเจน ซึ่งเป็นโมเลกุลขั้นต้นของทุกๆสิ่งชีวิต หมุนเวียนไปมา กว่าจะ leak ออกไปก็นานอยู่ มันก็เสมือนผิวได้รับการปกป้องและไม่เสียความชื้นไป
เราไม่รู้ว่าคุณสมบัตินี้มันเหมาะกับอากาศเมืองไทยหรือเปล่า เพราะมันร้อนตับแตกซะอย่างนั้น แถมร้อนชื้นด้วยแต่รู้ว่าที่ต่างประเทศ อากาศแห้งกว่า หนาวกว่า ใช้เล้ว น่าจะเห็นผลได้ชัดมากกว่า หรือไม่คุณก็ถาม ถ้ามีเพื่อนเป็นแอร์ สจ๊วต เวลาเดินทางไปต่างประเทศ หลายคนพก LA MER ไปด้วยเพราะอะไร ก็เพราะผิวพวกเธอต้องอยู่ในสภาพเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวชื้น เดี๋ยวหนาว อะไรไม่รู้ มั่วไปหมด ผิวก็จะต่อต้านกับสภาพที่เปลี่ยนไปมา จนมันทำตัวไม่ถูกว่าควรอยูในสภาพไหนดี สุดท้ายก็ต้องกลับไปที่จุดเดิม คือขอความชุ่มชื่นไว้ก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง... LA MER ก็จะเป็น Hero มากๆ
http://beautyfact.blogspot.com/2009/03/la-mer.html
สุดยอดครีมแล้วค่า
ส่วนตัวใช้แล้วรอยแดงจางเร็ว พวกรอยสิวนะค่ะ
เลยเปลี่ยนมาใช้กันทั้งบ้าน