Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 4 of 8 FirstFirst ... 2 3 4 5 6 ... LastLast
Results 31 to 40 of 77

Thread: บทเรียนจากห้องอาหารตา

  1. #31
    oum_ja's Avatar
    oum_ja is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    290
    Warning Points:
    0/5
    ชอบกระทู้นี้มากค่ะ ขอชมเชยคุณมุกนะค่ะที่กล้าจะตั้งกระทู้นี้มา เราว่าโดนใจใครหลายๆคน

    ขออนุญาตยกข้อความบางตอนของ เดอะท็อป ซีเคร็ต เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา

    ระวังความคิดบวกเทียม

    ความคิดบางอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดบวก แต่แท้จริงลบ เช่นความคิดว่าตนเองฉลาด คนที่คิดเช่นนั้นแสดงว่าเริ่มจะไม่ฉลาดแล้ว คิดว่าตนเองเก่งก็คือไม่เก่ง ส่วนคนที่คิดลบจริงๆเช่น ฉันด้อย ฉันไม่สวย ฉันไม่เก่ง ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ และถ้าความคิดนั้นฝังลึกจนเป็นความรู้สึกด้วยแล้ว ความก้าวหน้าในชีวิตแทบไม่มี

    คนที่คิดบวกเพราะการเปรียบเทียบ แท้จริงแล้วก็คือคนที่คิดลบนั้นเอง เป็นบวกเทียมๆแต่ทุกข์จริง เพราะเขามีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ คนแบบนี้จะมีอารมณ์แปรปรวนมาก ความทุกข์สุขของเขาจะผันแปรไปตามการเปรียบเทียบ และชอบถามคำถามที่ไม่สมควรกับคนอื่น เช่น เธอเงินเดือนเท่าไร บ้านใหญ่แค่ไหน ขับรถรุ่นอะไร คำถามเหล่านี้คนคิดบวกจะไม่ถามกัน เพราะคำตอบไม่ว่าทางใดก็จะสร้างความรู้สึกลบขึ้นในใจ เช่น การถามเพื่อนว่าเธอเงินเดือนเท่าไร ถ้าน้อยกว่าคนถามก็จะลำพองใจ แต่ถ้าเพื่อนตอบว่ามากกว่า คนถามก็จะกลายเป็นเสียใจ ทั้งความรู้สึกเสียใจและลำพองใจเป็นความรู้สึกลบด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการถามคำถามที่จะทำให้คิดลบ

    พระพุทธองค์ก็ทรงเห็นบวกเทียมของความสุขทางโลกทั้งหลาย มีฝ่ายสุขนิยมบางคนกล่าวหาว่าพระพุทธเจ้าทรงมองโลกในแง่ร้าย เห็นแต่ทุกข์และความตาย มีอะไรบนโลกนี้ที่น่ามองกว่านั้นตั้งเยอะ คนกลุ่มนี้จะแสวงหาสิ่งสนองกิเลสตัณหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดนี้คือบวกเทียม ลองตั้งคำถามตัวเองดูว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้นทำให้เรามีความสุขที่จริงแท้ได้หรือ ผู้คนสมัยสุโขทัยกับกรุงเทพมหานคร ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่สุโขทัยไม่มีไฟฟ้า ไม่มีรถยนต์ เครื่องบิน พิชซ่า น้ำหอม เครื่องเสียง ที่นอนสปริง ฯลฯ

    การคิดบวกเพราะไปเทียบกับลบไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะนั้นไม่ใช่บวกที่แท้จริง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อใดเราไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ดีกว่าหรือสูงกว่า ความคิดเราจะกลายเป็นลบทันที ยกตัวอย่างเช่น เราเงินเดือนหนึ่งหมื่นบาท ไปถามเพื่อนรวมรุ่นคนหนึ่งได้แปดพัน เราจะรู้สึกบวก แต่พอไปถามเพื่อนอีกคนบอกหมื่นห้า เราก็รู้สึกลบ คนที่กำหนดความคิดบวกแบบนี้จะมีจิตใจไม่มั่นคง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหงุดหงิดง่าย และสนใจความรู้สึกสังคมมากเกินไป

    คนที่คิดลบเหมือนคนใส่แว่นสีน้ำตาลจะมองอะไรก็เห็นแต่สีนั้น ส่วนคนที่คิดบวกมากเกินไปก็ไม่เห็นตามความเป็นจริงเช่นกัน เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ที่เปรียบเปรียบว่ามองอะไรเป็นสีชมพูไปหมด เห็นแต่ส่วนบวกของคู่รัก การที่จะทำให้เรามองเห็นโลกตามความเป็นจริงต้องไม่มีบวก ไม่มีลบ คือการใส่แว่นสีใส ความคิดลบจะดึงดูดทำให้เรากลายเป็นคนเช่นนั้น เช่นคนที่คิดว่าคนอื่นเห็นแก่ตัว ก็คือคนเห็นแก่ตัวนั้นเอง ดังที่โบราณบอกไว้ว่า ผีย่อมเห็นผีด้วยกัน ส่วนความคิดบวกเพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้เรา เห็นผีเป็นเทวดาได้
    การเห็นผีเป็นเทวดาก็คือสภาวะที่เรียกว่าบวกเทียม เพราะเกิดในช่วงที่ขาดสติ หรือมีอวิชา แต่การที่คิดบวกที่แท้จริงต้องเกิดในสภาวะที่มีปัญญาและสติสัมปชัญญะเท่านั้น
    Love is life.
    And if you miss love,
    you miss life.


    ความรักคือชีวิต
    ถ้าคุณพลาดโอกาสที่จะรัก ก็เท่ากับ
    คุณพลาดโอกาสที่จะใช้ชีวิต


    Leo Buscaglia


  2. #32
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    406
    Warning Points:
    0/5
    NOBODY IS PERFECTค่ะ

    จริงๆแล้วชีวิตคนเราเท่ากันหมดแหล่ะค่ะ ทุกข์เท่ากัน สุขเท่ากัน
    คนรวยก็มีความทุกข์แบบคนรวย คนจนก็ทุกข์แบบคนจน
    มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่คนละแบบเท่านั้นเองค่ะ


    จริงๆแล้วอยู่ที่วิธีคิดของแต่ละคนมากกว่า ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบเพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า
    มันเทียบไปได้ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เค้าถึงบอกว่าเหนือฟ้า แบบว่าเหนือไปได้อีกเท่าไหร่เนี่ย!
    เราทำถูกกิเลสเขา...เขาก็ว่า...เราดี
    เราไม่ทำถูกกิเลสเขา...เขาก็ว่า...เราไม่ดี

  3. #33
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    Quote Originally Posted by meandu View Post
    ในinternetใครจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ ใครจะถ่ายรูปอะไรลงไปก็ได้

    บางทีของชิ้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของขวัญจากแฟนก็ได้ เค้าอาจจะซื้อเอง แต่เค้าอยากเขียนลงไปว่าแฟนซื้อให้ เราไม่มีทางรู้...


    บางทีกระเป๋าที่เค้าเอามาshowอาจจะไม่ใช่ของเค้าเองก็ได้ แต่เค้าอยากจะเอามาลงว่าเป็นของเค้า เราไม่มีทางรู้ อีกเหมือนกัน...


    หรือ ของเหล่านั้นอาจจะเป็นของขวัญจากแฟนเค้าจริงๆ กระเป๋าใบสวยพวกนั้นเป็นของเค้าทั้งหมดทุกใบจริงๆก้อได้ แต่ก็อย่าลืมว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก




    เห็นด้วยอย่างแรง โลกinternet บางทีก็มองหลายๆมุมไว้บ้างก็ได้นะ

    ห้องอาหารตาก็ดูขำๆๆ เหมือนเราดูละครก็ดี ไม่ต้องไปอินกับมันมากค่ะ

  4. #34
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    ไม่เคยอิจฉาเลยค่ะ เพราะเจอมาเยอะแล้ว คนรวยแต่ไม่มีความสุข
    แล้วหาซื้อวัตถุสิ่งของมาชดเชย แต่ในที่สุดเธอเหล่านั้นก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี
    "จงอย่ากลัวศัตรูที่ตำหนิคุณ แต่จงกลัวเพื่อนที่เยินยอคุณ"

  5. #35
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5

    Wow

    ความรู้สึกเดียวที่เกิด คือ สวยจัง แล้วก็จบเพราะว่าคิดต่อไปทันทีว่า

    กว่าจะหาเงินมาซื้อได้ฉันต้องเหนื่อยอีกเยอะๆๆเลย เอาเป็นว่ารักตัวเองไว้ก่อน
    ขอเหนื่อยเท่าเดิม ซื้อกระเป๋าใบที่ราคาย่อมเยาว์ลงมานิดส์แล้วกัน

    กระเป๋า นาฬิกา กว่าจะได้มาแต่ละใบต้องใช้เงินส่วนที่เหลือจริงๆๆๆ ตั้งหลายเดือน บางใบอาจเป็นปี
    แต่ความสุขที่ได้เราว่าหลังจากได้มา + ลูบๆๆ คล้ำๆๆ แล้วก็หายเห่อ ใช้เวลารวมๆ กันไม่เกินวันนึงอะ

    แฟนเราไม่ซื้อให้หรอกถ้าบอกว่าอยากได้ใบนี้ ราคาเท่านี้ เค้าอาจจะไปซื้อทองให้ในราคาเท่ากัน แล้วบอกเราว่าถ้าอยากได้ก็เอาทองไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อกระเป๋าเอง แล้วใครจะไปขายลงอะ

  6. #36
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5
    เห็นด้วยนะครับบ....ชอบๆๆตรงดีๆๆ

  7. #37
    Emu_birdy's Avatar
    Emu_birdy is offline Junior Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    Warning Points:
    0/5

    Thumbs up อืม...

    เราเข้าไปดู ห้องอาหารตาแล้วเรารู้สึกดีนะดีใจกับเค้า ดูเป็นของสวยๆงามๆเจริญหูเจริญตา เก็บข้อมูลสีและรุ่นบ้าง
    แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมาก
    ว่าอยากได้อยากมีอย่างเค้า

    เพราะถ้าเห็นแล้วอยากจะมีบ้างก็ต้องมานั่งเครียดหาเงิน
    ขอเงินคุณพ่อ คุณแม่ให้ท่านเดือดร้อนอีก

    (ชีวิตตอนนี้ก็เครียดมากพอแล้ว ทั้งเรียน ทั้งเรื่องครอบครัว ถ้ามานั่งอิจฉาอยากมีอีกอันนี้เราก็แย่หนักกว่าเดิมปวดหัวแย่เลย ^o^ )

    กะว่าคงไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแล้วช่วงนี้เพราะเศรษฐกิจไม่ดี รอช่วงปีใหม่ค่อยว่ากันอีกที


    Ps.คนที่เราเห็นว่าดูรวยๆบางอาจไม่ได้รวยจริงก็ได้!

    Put yourself in somebody else's shoe !

  8. #38
    Oan_Klom is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    128
    Warning Points:
    0/5

    Thumbs up ทุกอย่างอยู่ใจเนอะ

    คนเราจะมี หรือไม่มี มันก็อยู่ที่ใจของเราเอง ว่าพอ หรือไม่พอ................
    ใครจะมีเท่าไหร่ก็มีกันไป รู้แต่ว่าเรามีได้แค่นี้ เท่านี้ ก็พอแล้ว
    ชอบกระทู้นี้คะ เราเองก็เป็นคนนึงที่มีกิเลส เกิดความหลงใหลในรูปของกระเป๋า
    และอิจฉาเล็กๆ สำหรับเพื่อนๆๆ ที่มีกระเป๋ากันมากมาย
    สวยจริงๆๆ อยากได้ก็อยากได้ แต่สุดท้ายได้แต่มอง พอได้มา แต่ละใบกว่าจะได้ก็อยากได้แล้วอยากได้อีก
    จนบางทีหายอยากไปก็มี ซึ่งแต่ละใบที่ซื้อมา (อะไรที่เป้นของเรามันก็เป็นของเราแหล่ะ จะดิ้นรนมากมายไปทำไม)
    ก็จะดูด้วยความชื่นชมกับตัวเองว่าน้ำพักน้ำแรงเราเองนะเนี่ย (อีกส่วนถูกเก็บให้เจ้าตัวน้อยไว้แล้วด้วย อดข้าวเพื่อกระเป๋าเราทำได้ เพื่ออะไรเนี่ย...................)
    (สามีเอาแต่พูด จะเอาใบไหนก็บอกสิ เดี๋ยวซื้อให้ จนซื้อมากี่ใบแล้วก็ไม่เคยออกสักที 555)

    สรุป เพียงจิตเห็นจิต รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วคะ (เห็นว่าจิตตัวเองมีตัณหา กิเลส ราคะ.........รู้ว่าเกิดกิเลสความอยากได้แล้ว สามารถดับมันก็ดี ถ้าไม่สามารถจิตก็กระวนกระวายไม่มีที่สิ้นสุด)

    ต้องค่อยๆๆ ฝึกฝนกันไป

  9. #39
    KAN's Avatar
    KAN is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1,782
    Warning Points:
    0/5
    คนที่รวยที่สุดในโลก ไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดในโลก
    เพราะฉะนั้นคนที่มีกระเป๋ามากที่สุด ก้อไม่ใช่= คนที่มีความสุขที่สุดแน่นอน
    ถูก..ถูก...ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบ...
    --------------------------------------------------
    ส่วนตัวไม่ค่อยได้เข้าไปดูห้องนั้น เพราะกลัวสติแตก
    อย่างที่คุณหนูว่า "หาหัวใจให้เจอก้อเป็นสุข"
    [IMG]file:///C:/DOCUME%7E1/Owner/LOCALS%7E1/Temp/moz-screenshot-9.png[/IMG]
    ไม่มีไพร่ ไม่มีำอำมาตย์ มีแต่...พสกนิกร ปวงชนชาวไทย

  10. #40
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    Warning Points:
    0/5
    ความรู้สึกส่วนตัวที่เข้าชมในห้องอาหารตา คือ สวย ไม่สวย เหมาะ ไม่เหมาะกับเรา ถ้าอยากได้ ถ้าซื้อก็คิดว่าเดือดร้อนตัวเอง ครอบครัวหรือไม่ บางครั้งอาจเหมือนการดูหนัง ดูละคร อาจจะอินกับความรู้สึกต่าง ๆ ได้ เช่น หัวเราะ ร้องไห้ อิจฉา ดีใจ พอหนังจบ ละครจบ ทุกอย่างก็ จบ ไม่คิดมากเลยค่ะ
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

Page 4 of 8 FirstFirst ... 2 3 4 5 6 ... LastLast

Comments from Facebook

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •