คุณพ่อ-แม่ ของน้องเค้าต้องหยุดโทษกันเองก่อนค่ะ
เหมือนความเห็นของเพื่อนๆด้านบน
เพราะตอนนี้ความกดดันเรื่อง ลูก มีเข้ามาแล้ว ไหนจะต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องความไม่เข้าใจในกันและกันอีก มันก้อจะยิ่งเครียด ผลก้อจะไปตกกับลูก
ควรจะโฟกัสที่ตัวลูก โดยปรับความเข้าใจ รับความจริงทุกอย่าง ไม่ใช่โทษกันและกัน
ตัวเด็กเค้ารับรู้ได้นะคะ ว่าพ่อ-แม่ มีอารมณ์ประมาณไหน ถึงจะไม่สามารถแยกแยะได้เท่ากับผู้ใหญ่ก้อตามที
อ่านแล้วมันจุกขึ้นมาเลยค่ะ สงสารมาก
แม้ว่าตัวเองจะยังไม่ได้มีวุฒิภาวะใกล้เคียงที่จะเป็น แม่คน ได้ก้อตามที
แต่เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่ละเอียดอ่อน เด็กก้อคือ เด็ก
เรื่องนี้โดนเต็มๆยังไงไม่รู้ค่ะ
ที่บ้าน เค้าก้อเป็นห่วงเรื่องการเรียนแต่ จะห่วงแบบห่างๆ
ให้เราจัดการตัวเองให้มากที่สุด ประมาณว่าลูกอยากเรียนอะไรเพิ่มก้อเรียน
ไม่อยากเรียนก้อได้ แต่เค้าจะคอยถาม ว่าเราโอเคใช่มั้ย ตามเพื่อนทันรึป่าว
กับน้องก้อเหมือนกันค่ะ
แต่ มีน้องชายคนเล็กเค้าค่อนข้างเกเร ติดเพื่อน เลยต้องส่งไปเรียนประจำ ที่ ตจว.
เป็นโรงเรียนคาทอลิก ที่ห่างไกลสิ่งยั่วยุ ไม่มีแม้แต่สถานที่ติว
พ่อให้เหตุผลว่า อยู่ในเมือง แสงสี น้องก้อติดเกมส์ กลับจากโรงเรียนที่ยั่วยุก้อเยอะ
แล้วยิ่งติดเพื่อนก้อไปกันใหญ่ เลยส่งไปอยู่ชั่วคราวที่โน่น
สงสารน้องมาก คงคิดถึงบ้านนน
ป.ล. ตอนนี้ น้องอยู่ ม.5