เพิ่งกลับเข้ามาคุณดิวจะปิดกระทู้สะแล้ว
คุณมอดขอผมตอบคำถามที่คุณดิวถามไว้ก่อนค่อยปิดกระทู้นะครับ
ที่คุณดิว ถามไว้ดังนี้นะครับ
ขอแค่ประเด็นเดียวจะได้ไม่ต้องทำให้กระทู้นี้พัฒนากลายเป็นกรณี บาดหมางของคนสองกลุ่มที่ ฟังกันไม่ได้ยินต่อไป จุดเริ่มต้น เกิดจากเรื่องเล็กๆ ที่คุณ ดิว มาห้ามไม่ให้คน ไปพันธมิตร
อันนี้ เป็นเจตนาเหมือนดี แต่ คนหลายคนไม่อยากได้ยินหรอกครับ
เพราะคุณดิวเอง ไม่ได้ เข้าใจหัวอกคนที่นั้น ว่า เขารู้สึก อะไร
เจตนาที่คุณดิวอ้างว่า เป็นเจตนาดี ก็กลายเปรียบเหมือนเป็นการทำลายความรู้สึกของคนที่พันธมิตร ที่เขาร่วมรู้สึก ทุกข์ ของคนที่ร่วมกันต่อสู้ ในสิ่งที่เขาเชื่อ
และท้ายสุด คนที่เขาร่วมทุกข์กันมาต้องสูญเสีย ความรู้สึก ทุกข์ เสียใจ โกรธ
จึงต้องทำให้เขาต่อสู้ต่อไป ถ้าคุณดิว หวังดี และอยากเตือนเขาให้ไม่ไป ที่นั้นเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่ตัวพวกเค้า
คุณดิว ควร จะมีการแสดงออกให้ รู้ว่า คุณดิวรู้สึก ถึงทุกข์ที่เขากำลังมีด้วย เรียกได้ว่า “เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ดังคำแผ่เมตตา”
ทุกข์ในที่นี้คือทุกข์ที่เกิดจากการ สูญเสีย คนที่ตนรัก ซึ่งความรู้สึก ร่วมถึงทุกข์ที่เขามีจนทำให้เราเข้าใจได้เช่นเดียวกับคนที่กำลังทุกข์เหล่านั้น อันนี้เรียกว่า เมตตา
ซึ่งในกระทู้นี้ที่เขียน คุณดิวไม่ได้มีการแสดงออกถึงเมตตา ที่มี ต่อคน ที่กำลังทุกข์ที่นั้นเลย
เอาง่ายๆ นะครับ ถ้ามีคนที่แข็งแรงกว่า มาทำให้ลูกเราตาย
แล้วทุกข์ที่เกิดจากการต้องพรากจากคนที่เรารัก ทำให้เราเสียใจ ร้องไห้ เสียงดังโวยวาย
เราเห็นคนที่ฆ่าลูกเราต่อหน้าต่อตา เราโกรธ จนอยากวิ่งไปทำร้ายเขา หรือ อย่างน้อย ได้ถามเขาสักคำ ว่า ฆ่าลูกของเราทำไม?
หัวใจ คุณทำด้วยอะไร ทำไม ถึงได้ฆ่าคนไม่มีทางสู้ แต่...มีคนวิ่งเข้ามาห้ามแล้วบอกว่า อย่าไปสนใจเลย จงอุเบกขาเสีย
แล้วเราจะทำเช่นไรต่อไป?
เพื่อนที่ร่วมทุกข์กันมากับคนที่สูญเสีย จึงยังมีความต้องการต่อสู้ต่อเพื่อถามต่อว่า คุณทำอย่างนั้นลงไปได้อย่างไร
คุณดิวก็มาบอก เพื่อนๆ ของเขา ว่า อย่าไปเลยที่นั้นน่ากลัว กลับบ้านเถอะ
เพื่อนๆ ที่ร่วมทุกข์กันมากับผู้ที่สูญเสียจากการต่อสู้ คนที่เขายังมีหัวใจร่วมกันอยู่เขาก็ย่อมที่จะทนไม่ได้ที่จะกลายเป็นคน ที่ทิ้งให้ ครอบครัว ของคนที่สูญเสีย นั้น ต้องเผชิญ ทุกข์และชะตากรรมตามลำพัง
เขา เลย ไม่ได้ ยินสิ่งที่ คุณ ดิวเตือน เพราะ เป็น อุเบกขาที่คุณดิว อ้าง อย่างขาดเมตตา
มาถึง ตัวอื่น ๆ ไม่ว่า จะเป็น กรุณา คือ การไปช่วยให้เขาหายทุกข์นั้น
คุณดิว ก็ไม่มีอะไร หรือ ข้อความใดในกระทู้ที่คุณดิว ที่จะแสดงให้เห็นว่า
คุณดิวจะสามารถช่วยได้ให้เขาหายทุกข์จากทุกข์ที่ยังมีอยู่นั้นได้
สมมตินะครับ ถ้าผมเป็นคุณพ่อ ของน้องโบว์ หรือ ลูกของสารวัตรจ๊าบ
ผมทุกข์มาก เพราะต้องการรู้แค่ว่า คุณคนนั้นฆ่าลูก ฆ่าพ่อ ของผมทำไม
ทุกข์ที่เกิดขึ้นของผม เพียงแค่ต้องการถามคนที่ สั่งการ คนที่ปฎิบัติการว่า คุณทำลงไปได้อย่างไร
ขอแค่ให้ได้ถามผมก็หายทุกข์ แต่คุณดิวก็ไม่ได้นำคนที่ทำผิดและทำให้คนที่ผมรักต้องตายมาให้ผมได้ถาม เพียงแค่นั้นผมก็จะดีใจอย่างมากๆ
แต่คุณดิวก็ไม่ได้ทำ หรืออาจจะอ้างว่าอยากทำแต่ทำไม่ได้(ซึ่งเดี๋ยวผมจะชี้แจงต่อข้างล่างว่า แล้วถ้าทำไม่ได้อะไรคือสิ่งที่จะช่วยให้เข้าใจจิตใจเค้าได้) คุณดิวเองไม่ได้แสดงออกเลยในกระทู้นี้
ที่คุณดิวทำนั้นเป็นเพียงการพยายามจะให้ทุกคนกลับบ้าน จากที่คุณดิวพยายามบอกว่าให้ทุกคนอุเบกขาต่อความวุ่นวายนี้
อันนี้ เรียกว่า ไม่มี กรุณา
ซึ่งถ้ามองกลับกันไปยังเพื่อนๆ ที่ร่วมทุกข์กันกับผู้สูญเสีย ซึ่งก็คือกลุ่มพันธมิตร ที่พวกเขา พยายามที่จะนำคนที่ทำผิดมาให้ ครอบครัวของผู้สูญเสีย ได้ตั้งคำถาม ในระบบ ยุติธรรม ว่า คุณ(คนสั่งการ)ทำอย่างนั้นลงไปได้อย่างไร
มาถาม เพื่อให้คนที่ทำลงไปนั้นได้เห็น ว่าหัวใจ ของเขาทำด้วยอะไร
พอคุณดิวห้ามไม่ให้ เขากรุณา เขาก็ต้องฟังคุณดิว ไม่ได้ ยิน สิ่งที่คุณดิว บอกว่าเจตนาดี จึง ไม่เกิดผลตามที่คุณดิวต้องการ
คนที่คุณดิวอ้างว่าเห็น ใจของเขาจึงยังไม่หายจากทุกข์เพียงพอที่จะได้ยินคุณดิว
เอาแค่ เมตตา กับ กรุณา ก่อนนะครับ แค่ไม่มีสองข้อนี้ การใช้อุเบกขาที่ว่าจึงเป็นแค่ข้ออ้างนะครับ
ถ้าเราใช้อุเบกขาเป็นข้ออ้าง บ่อยๆ กรรมที่มีกับเราจะไม่ได้แก้สักที
เช่น เรามีสามีมีเมียน้อยชอบกินเหล้า(ไม่เกี่ยวกับคุณดิวนะครับ) เราก็ไม่ทำอะไรบอกว่าอุเบกขา
เราไม่ยอมรับรู้ว่า ที่เขาต้องมีเมียน้อยเพราะอะไร ถ้าใจเราเป็นโทสะ เราก็แค่บอกว่า เพราะมันเลว
เลย มีเมียน้อย ปัญหา ก็ไม่ได้แก้อีกเช่นกัน
แต่ถ้าคุณดิว ลองพิจารณาปัญหา นี้ ว่า ที่ มีเมียน้อยเพราะอะไร(ตัวอย่างนะครับ)
สามีเมียน้อย เพราะเราให้ความรัก ความยอมรับ ต่อสามีน้อยไป
ถ้าเหตุมาจากเราสนใจการยอมรับ ที่จะได้จากนอกบ้านมากกว่าในบ้าน
พอเราพูดคนนอกบ้าน หันมาฟัง แต่พอเราพูดกลับทำให้คนในบ้าน ไม่ได้ยิน (ตัวอย่างนะครับ)
เราจึงจะเริ่มแก้ไขปัญหา โดย การอ้าง ว่า อุเบกขา โดยไม่ผ่าน เมตตา กรุณา และ มุทิตา จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้ครับ
เอาเรื่องง่ายๆ ตัวอย่างอีกเรื่อง เช่นลูกไม่รักดี พ่อแม่อ้างอุเบกขา โดย ไม่เคยสนใจ ว่า ลูกไม่รักดี เพราะทุกข์เรื่องอะไร เป็นต้นครับ
มาถึง คำถามที่ คุณดิวใช้ผมให้เป็นพวกเพื่อบอกทุกคนว่าไม่ควรไปร่วมกับพันธมิตร
อันนี้ ผมต้องขอตอบครับว่า การทำอย่างนั้น ไม่ถูกต้อง ต้องให้เขาตัดสินใจกันเอง อย่างไม่มีอคติ และมีสติ
ถ้าเราอ้างให้คนไม่ไปที่พันธมิตร เราก็ควรให้คนบอกรัฐบาลให้นำคนที่ต้องรับผิดชอบ มารับผิดชอบก่อน
เรื่องนี้ เป็นเรื่อง ที่ซับซ้อน เพราะเป็นกรรมของบ้านเมือง
บ้านเมืองเรามีปัญหา เช่นนี้ มาหลายครั้ง ปัญหา ที่เรามีผู้ปกครอง ที่ทำให้ ประชาชนต้องออกมาต่อต้าน
หากเราไม่เคยยอมรับปัญหานี้ก่อนว่า ว่าบ้านเมืองเรามีปัญหานี้จริงๆ อีกไม่นาน
ผมคิดว่า บ้านเมืองเราคงหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง
ปัญหา การต่อสู้อย่างรุนแรง ระหว่าง รัฐบาล กับประชาชน ปัญหานี้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในสังคมไทย
ถ้าเรามองปัญหานี้ให้ง่ายๆ รัฐบาล มี อำนาจรัฐ มีทุกอย่าง แต่ ประชาชน มีแค่ความเชื่อที่ตรงกัน
เปรียบไปก็เหมือน คนที่เข็งแรง กว่า รังแก คนที่อ่อนแอกว่า ก็แค่นั้นเอง
ทำไมเราถึงปล่อยให้ปัญหา นี้เกิดขึ้น ซ้ำๆในบ้านเมือง เรา
คุณดิว น่าจะลองถามตนเอง หากคุณดิว เป็นคนศึกษา ธรรมะ จริง
คำถามนี้ตอบได้ไม่ยากเลย ก็เพราะ เราชอบอ้าง อุเบกขา มากไป
ปล่อยให้ดวงวิญญาณ ที่ต้องทุกข์ จากการต้องต่อสู้ลักษณะนี้ เรียกร้องหาความยุติธรรม ตลอดไป
กรรมของบ้านเมืองเราจึง ยังไม่สามารถหมดได้ หากเราไม่เคยเลยที่จะรู้สึก ร่วมทุกข์ไปกับเขา แม้แต่ครั้งเดียว
ทุกข์ที่มี ผู้ปกครอง สนใจแต่เรื่อง ของ พรรคพวกตนเอง
ปล. อันนี้ ผมขอตอบในสิ่งที่คุณดิวถาม จึงไม่ได้ พาดพิงถึงเพื่อนสมาชิกคนอื่น
และไม่ได้มีเจตนาให้เกิดการโต้เถียงที่ไม่มีข้อยุติ
รวมทั้งเห็นด้วยอย่างยิ่ง กับสิ่งที่คุณดิวเสนอให้ปิดกระทู้นี้ครับ
เพราะผมเหนื่อยมากที่ต้องมาตอบในชุมชนแห่งนี้ แค่เห็นภรรยาเข้ามาอ่านก็เหนื่อยใจมากแล้วครับ
เห็นคุณดิวตั้งใจ ถามอย่างจริงใจ และสนใจในธรรมะ ที่แท้จริง ผมจึงต้องขออนุญาต ตอบ
Citizen Member /
Trusted Member
เพื่ออ่านคู่มือ ของเครื่องมือใดๆ ที่มีเครื่องหมายนี้ 
Previous
Downtown

Reply With Quote