เห็นด้วยกับหลายๆ คน ที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการทำความเข้าใจของคู่รักคู่นั้นค่ะ เราไม่ควรคิดแทนเค้าค่ะ
อ่ะ เล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัวเราคู่นึงให้ฟังค่ะ
เรารู้จักกับพี่ที่น่ารักคู่นึง เค้าคบกันมาห้าหกปี อยู่มาวันนึง พี่ผู้ชายก็สาวแตก กลายเป็นสาววววว ไปเลย แล้วเค้าก็เลิกกันไป
เลิกกันไปสามปี ระหว่างสามปีนั้น พี่ผู้หญิง ก็มีแฟนอีกสองสามคน แต่ไม่เวิร์ค และพี่ผู้หญิงก็พบว่า คนรักที่ดีที่สุด คือคนรักเก่าของเธอ (ที่กลายเป็นสาวววว ไปแล้ว) เพราะเค้าดูแลเธอได้ดีมากๆ และเข้าใจเธอมากที่สุด ผู้ชายอื่นๆ ที่เธอเดทด้วย ไม่เข้าใจเธอเท่านี้เลย...
เมื่อสองปีที่แล้ว พี่ผู้หญิงก็คิดว่าเธออยากมีลูก และคนที่เธออยากให้เป็นพ่อของลูก ก็คือคนรักเก่าคนนั้นนั่นเอง เพราะนิสัย สมอง หน้าตา ฐานะ จิตใจ ตรงตามที่เธอต้องการ
พี่ทั้งสองคนก็เลยมาคุยกันอีกที ฝ่ายพี่ผู้หญิง ก็ต้องการมีลูกกับพี่ผู้ชาย ส่วนฝ่ายพี่ผู้ชาย ก็ต้องการแต่งงาน เพราะที่บ้านกดดันมากเหลือเกิน บวกกับอาม่ารับไม่ได้ที่พี่ผู้ชายเป็นตุ๊ด แต่ที่สำคัญ พี่ทั้งสองคนนั้น ยังรักกันอยู่มาก มีความรักให้กันมากเหลือเกิน มากจนมองข้ามข้อด้อยบางอย่างของอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจ เค้ารักในสิ่งที่อีกฝ่ายนึงเป็นค่ะ
แล้วพี่ทั้งสองคนก็แต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้ว และตอนนี้ก็มีลูกสาวที่น่ารักหนึ่งคน อายุขวบแล้ว แต่งงานได้สามเดือนก็ท้องเลยค่ะ
พี่ผู้ชาย ก็ยังมีแฟน(ผู้ชาย) อยู่ แต่ไม่ได้มายุ่มย่ามอะไรกับครอบครัว และไม่ได้ออกหน้าออกตา และพี่ผู้ชายก็ไม่ได้ออกอาการสาวมากอย่างเมื่อก่อนแล้วนะคะ ส่วนหนึ่ง เพราะเกรงใจภรรยา และลูกสาว แต่เค้าก็มีความสุขดีค่ะ ผ่านวัยกรี๊ดกร๊าดไปแล้ว...
ฝ่ายพี่ผู้หญิง ก็พอใจที่มีสามีจิตใจดี นิสัยดี และดูแลเธอ กับลูก ดีอย่างที่เธอต้องการ เธอก็มีความสุขค่ะ
ทั้งสองคนก็ช่วยกันเลี้ยงลูก และมีความสุขกันดีค่ะ
ทั้งหมดนี้ เกิดจากความเข้าใจ และการยอมรับกันและกันของคนสองคนล้วนๆ ค่ะ ความเข้าใจนั้น นำมาซึ่งความสุขค่ะ