ถึงคราวที่ทั่วโลกต้องตื่นตัวอีกครั้ง เมื่อนมผงมรณะที่มีสารเมลามีน
ปนเปื้อนได้คร่าชีวิตทารกชาวจีนไป4 คน และเด็กอีกครึ่งแสนต้อง
เผชิญกับโรคนิ่วในไตเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม
ของนมผงซึ่งนำเข้าจากประเทศจีนถูกสั่งเก็บจากท้องตลาดมาตรวจสอบ
อย่างเร่งด่วน
หลายคนสงสัยว่าสารพิษชนิดนี้คืออะไร
ทำไมถึงส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตได้วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักเจ้า
สารอันตรายนี้กันค่ะ จะว่าไปแล้วเราคงจะเคยได้ยินชื่อ "เมลามีน (Melamine)"
มาบ้างแล้ว เช่นชามเมลามีน หรือ จานเมลามีนนั่นก็เพราะเจ้าสารเมลามีนนี้
มีคุณสมบัติทนความร้อนจึงนิยมใช้ทำผลิตภัณฑ์พลาสติกไม่ว่าจะเป็นภาชนะพลาสติก
ถุงพลาสติก น้ำยาดับเพลิงน้ำยาทำความสะอาด กาว หมึกสีเหลือง รวมถึง
พบในยาฆ่าแมลงด้วย
สารเมลามีนนี้จัดเป็นสารอินทรีย์มีสารฟอร์มาลดีไฮด์หรือที่เรารู้จักกันว่า
ฟอร์มาลีนเป็นส่วนประกอบมีไนโตรเจนสูงถึง 66% เป็นผงสีขาว
ลักษณะคล้ายนมผงจนแยกไม่ออก
เมื่อนำไปละลายน้ำหรือผสมในนมจะ
ตรวจพบปริมาณไนโตรเจนสูงซึ่งการจะตรวจว่าน้ำนมนั้นมีโปรตีนสูงหรือไม่
จะวัดจากค่า ของไนโตรเจนดังนั้นถ้าผสมสารเมลามีนซึ่งมีไนโตรเจนสูงเข้า
ไปในน้ำนมจะถูกทำให้เข้าใจว่าน้ำนมมีโปรตีนสูงซึ่งไม่เป็นความจริง
นี่จึงเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการชาวจีนที่เห็นแก่ตัวและตั้งใจนำ
สารเมลามีนมาผสมกับนมผงเพื่อให้นมมีความเข้มข้นขึ้นเป็นการเพิ่มปริมาณ โปรตีนให้ได้ตามที่มาตรฐานกำหนด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนมาในอาหารที่นำเข้าจากจีน
เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อปีก่อนสหรัฐอเมริกาได้สั่งเก็บอาหารสุนัข และแมวที่
ทำจากแป้งสาลีซึ่งนำเข้าจากจีนเช่นกันเนื่องจากตรวจพบสารเมลามีนในอาหาร
สัตว์เหล่านั้นโดยสารเมลามีนนี้มีคุณสมบัติเร่งการเจริญเติบโตเพิ่ม ปริมาณโปรตีน
จึงทำให้พ่อค้าหัวใสเห็นช่องทางที่จะทำกำไรรวมทั้งผู้เลี้ยงสัตว์เมื่อเห็นราคาถูกกว่า
จึงไม่รีรอที่จะซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้
ในครั้งนั้นมีอาหารสัตว์กว่า 100 ชนิดถูกเรียกคืนและมีสัตว์เลี้ยงจำนวน
มากเจ็บป่วยล้มตายจากภาวะตับและไตล้มเหลวกระทรวงเกษตรฯ ของ สหรัฐอเมริกาจึงประกาศห้ามเตือนไม่ให้มีการนำสารเมลามีนไปผสมในอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคได้รับสารเมลามีนเข้าไปในร่างกาย ในประเทศจีนนั้น
มีการผลิตเมลามีนจำนวนมากและออกวางขายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะได้รับการรับรองมาตรฐานซึ่งสารเมลามีนนี้จะ ใช้ในกระบวนการผลิตภาชนะอาหารสัตว์
และนอกจากจีนจะขายในประเทศแล้วยังส่งออกไปขายยัง 5 ประเทศ ได้แก่
ประเทศไทย ฟิลิปปินส์เวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซียในรูปของเศษเมลามีน
ที่เหลือจากโรงงานพลาสติกซึ่งมีราคาถูกโดยผู้ขายจากจีนจะใช้ชื่อว่า"ไบโอโปรตีน"
หรือโปรตีนเทียม แทนชื่อเมลามีนให้ผู้เลี้ยงสัตว์นำไปผสมในอาหารสัตว์
เพราะมีราคาถูกกว่าโปรตีนอื่นๆที่เป็นพวกธัญพืชหรือเนื้อสัตว์เกือบ5 เท่าจึงลดต้นทุน
การผลิตได้ แต่ ในประเทศไทยเองยังตรวจไม่พบว่ามีสัตว์เสียชีวิตจากสารอันตรายนี้
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้มีสารเมลามีนปนเปื้อนมาในนมผงดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ที่มีส่วนประกอบของนมผงที่นำเข้าจาก 22บริษัทของประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นขนม
ลูกอม นมคุ้กกี้ ไอศกรีม โยเกิร์ตฯลฯก็เข้าข่ายเสี่ยงไปด้วย ในประเทศไทยเองสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ก็ได้สั่งงดนำเข้าและ
ขอร้องให้ร้านค้าต่างๆงดจำหน่ายขนมที่มีแหล่งผลิตจากจีนแล้วโดย สินค้าที่ต้องนำ
ไปตรวจสอบก่อน ได้แก่ ขนมปังกรอบ และข้าวโอ๊ตรสกาแฟตราเหมาฮวด
หรือคอฟฟี่โอทมีล แคร็กเกอร์ เวเฟอร์สติ๊กไวท์ช็อคโกแลต เวเฟอร์เคลือบช็อคโกแลตขาว
เครื่องหมายการค้าโอ รีโอ ช็อคโกแลตนมตราโดฟ ถั่วลิสงคาราเมล และนูกัตเคลือบช็อคโกแลตนมตราสนิกเกอร์ส เมนทอส โยเกิร์ต มิกซ์หรือลูกอมโยเกิร์ตกลิ่นผลไม้รวม
ลูกอมรสนม ยี่ห้อกระต่ายขาว คุ้กกี้ช็อกโกแล็ตรูปการ์ตูนหมีโคอาล่า และ
ช็อคโกแลตนมเคลือบน้ำตาลสีต่างๆ ตรา เอ็มแอนด์เอ็ม ซึ่ง 2รายการหลังนี้
ได้ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่พบสารเมลามีนขณะที่รายการอื่นๆต้องรอผล
การตรวจสอบในอาทิตย์หน้า
นอกจากนี้ยังพบสารเมลามีนปะปนในอาหารสัตว์ไม่ว่าจะปลาป่น รำสกัด
โปรตีนจากพืช โปรตีนจากวุ้นเส้น ฯลฯซึ่งขณะนี้ได้ส่งผลให้สัตว์หลาย
ตัวในสวนสัตว์ของจีนป่วยเป็นโรคไต ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้ว การที่พบสาร
เมลามีนในอาหารสัตว์และนมล้วนมีความเชื่อมโยงกันอยู่นั่นคือผู้ผลิตอาหารสัตว์
จะผสมเมลามีนในอาหาร สัตว์ที่ขาย เมื่อคนเลี้ยงวัวให้วัวรับประทานอาหารสัตว์นี้
วัวจะผลิตน้ำนมที่มีโปรตีนในน้ำนมต่ำกว่าร้อยละ3ไม่ถึงเกณฑ์ที่โรงงานนมกำหนด
จะรับซื้อ ดังนั้นคน เลี้ยงวัวจึงเติมสารเมลามีนเข้าไปในน้ำนมอีกเพื่อหลอกให้ผ่าน
การตรวจคุณภาพ เมื่อนมนั้นผ่านมาตรฐานแล้วก็จะนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ
ต่อไป ยังไม่รวมถึงการปลูกพืชอาหารสัตว์ที่อาจมีการผสมเมลามีนลงในดิน
เพื่อเพิ่มโปรตีนและเร่งการเจริญเติบโตนั่นหมายความว่า เมลามีนได้ถูก
ผสมมาตั้งแต่ต้นทางของห่วงโซ่อาหารก่อนจะมาถึงปลายทางที่ผู้บริโภค
ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์นมเท่านั้นที่เสี่ยงต่อสารเมลามีนแต่ทั้งดิน น้ำ พืชผัก
หรือเนื้อ
สัตว์ก็มีโอกาสปนเปื้อนสารเมลามีนได้เช่นกัน ขณะที่ทางไต้หวันยังพบว่า
มีสารเมลามีนปนเปื้อนมาในชีสซอสบรรจุซองสำหรับทานกับพิซซ่าจึงเป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งประเภทที่ต้องถูกตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับกรณีนมผงที่ปนเปื้อนหรือไม่
ฤทธิ์ของสารเมลามีนนั้นไม่จำเป็นต้องรับประทานเข้าไปโดยตรง
เพียงแค่สูดดมเข้าไปหรือผิวหนังสัมผัสก็ทำให้เกิดการระคายเคือง
จนส่งผลให้ ผิวหนังอักเสบได้แล้วฉะนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้ารับประทานเข้าไป
จะเกิดอะไรขึ้นเพราะร่างกายเราไม่สามารถย่อยสารเมลามีนได้
ไตจึงไม่สามารถขับ สารพิษออกมาทางปัสสาวะ
ดังนั้นเมื่อสารนี้เข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปสะสมจนกลายเป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ
และไตก่อให้เกิดมะเร็งที่ท่อปัสสาวะทำลายระบบสืบพันธุ์ และทำให้
ไตวายได้อย่างเฉียบพลันเช่นเดียวกับเด็กทารกชาวจีนทั้ง
4 คนที่เสียชีวิตเพราะรักษาไม่ทันการณ์ขณะที่ยังมีเด็กอีกกว่า 53,000 คน
ทั้งชาวจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊ากำลังป่วยเป็นนิ่วในไตอันเป็นผลพวง
มาจากสารเมลามีนนี้
ในส่วนของภาชนะที่ทำจากเมลามีนก็ต้องระวังการใช้เช่นกัน
แม้ผู้ผลิตจะบอกว่าสามารถทนความร้อนได้ถึง 100 องศา
แต่ก็ควรใช้งานที่อุณหภูมิ ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียสเนื่องจากหาก
ใช้งานกับความร้อนสูงเช่น น้ำเดือดๆอาหารที่ทอดใหม่ๆก็อาจทำให้สาร
ฟอร์มัลดีไฮด์ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งแพร่ ออกมาได้ เช่นนั้นแล้ว
หากจะใช้ภาชนะปรุงอาหารหรืออุ่นไมโครเวฟควรใช้ผลิตภัณฑ์จากเซรามิกจะดีกว่า