Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 10 of 16

Thread: ก็..พี่ เ ป็ น พี่ ข อ ง ผ ม นี่ ค รั บ!!!

Hybrid View

  1. #1
    noii's Avatar
    noii is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    53

    Talking ก็..พี่ เ ป็ น พี่ ข อ ง ผ ม นี่ ค รั บ!!!

    ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
    แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
    ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

    วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน

    จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

    โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน " ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

    ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

    พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

    พ ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

    " ผมขโมยเองครับ"

    ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

    จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

    และด่าว่าน้องชายของฉัน " ของคนในบ้านแกเอง แกยังข! โมยได้ต่อไปแ กจะทำชั่วอะไรอีก

    แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

    คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

    แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

    น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

    " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

    ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

    หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

    ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...

    เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

    ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

    ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

    คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

    " ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"

    แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

    " แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเร! าก็ไม่ค่อยมีเงิน"

    ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

    " ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

    พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

    " ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"
    คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

    ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

    " ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

    แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

    ใครจะรู้ได้ .......

    วันต่อมาในตอนเช้ามืด น ้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

    และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

    ขณะฉันกำลังหลับ

    " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิท ยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ .... ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

    ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

    ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .....

    ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้อ! งชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

    กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

    ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

    วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

    " มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"

    ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

    ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง ..

    ฉันถามเขาว่า

    " ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

    น้องช ายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

    " ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ ก้อได้หัวเร าะเยาะพี่กันพอดี"

    ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

    " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

    จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน แล้วพูดว่า

    " ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

    ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

    ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน !
    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

    วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

    ฉันสังเกตเห็นว่า หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

    หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

    " แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

    แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

    " แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

    วันนี้เค้าขอเลิกงา นเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

    ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

    น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"!

    ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

    ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

    ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด " เจ็บมากไหม"

    ฉันถาม

    " ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..."

    น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

    เพราะฉันหันหน้าหนีเขา น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

    " เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ"

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

    หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

    หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

    แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

    ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

    แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

    จึงได้ย้า ยกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

    น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

    เขาบอกกับฉันว่า

    " พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

    สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว

    เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
    ...
    แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

    เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

    วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

    และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

    ฉันและสาม! ีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันข าหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

    ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

    " ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

    ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

    ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

    " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขย เพิ่งจะได้เป็นประธาน

    ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

    คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

    น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

    ฉันบอกกับน้องว่า

    " แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพร! าะพี่..."

    " ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

    น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...


    เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

    เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

    ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

    " ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

    น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล " พี่สาวของผมครับ" .....

    และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

    " ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

    เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม.

    เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

    วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

    พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

    และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้าง เดียวเดินเป็นระยะทางไกล

    เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

    เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ....... นับจากวันนั้น

    ผมสาบานกับตัวเอง ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมใ! ห้ดี

    และจะทำดีกับเธอ"

    เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

    คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

    " ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

    ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

    จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา

    คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

    แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

    .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

    หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


    จบบริบูรณ์....


    ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัท! ฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

    ส่วนน้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า " ซัมซุง"

    และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์ โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ
    เมื่อรัก........เราจะให้อภัย
    เมื่อให้อภัย.......เราจะรัก

  2. #2
    pungpondom's Avatar
    pungpondom is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    8
    สุดยอดดเลยค่ะ

  3. #3
    เมจิ's Avatar
    เมจิ is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    109
    อ่านมาก็ทึ่งมาเรื่อยๆทุกบรรทัด แต่พอถึงตอนจบนี่ โอ้โหววว สุดยอด

    คิดดีทำดีแล้วได้ดีมีอยู่จริง สองพี่น้องนี้น่าชื่นชมจังเลยยย

  4. #4
    iyoyo's Avatar
    iyoyo is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1

    Thumbs up

    น้ำตาคลอเลย
    รักครอบครัวขึ้นอีกมากมาย
    จงระวังความคิดของตัวเอง คำพูดของตัวเอง และ การกระทำของตัวเอง

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    0
    อ่านแล้วคิดถึงพี่สาวตัวเองจัง...มีกันอยู่ 2 คนก็รักกันมากๆค่ะ ทะเลาะกันบ้างตามประสา แต่ยังไงความผูกพันพี่น้องก็ไม่เคยเปลี่ยน

    ชื่นชมครอบครัวนี้จริงๆ

  6. #6
    barumbum is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    1
    ซึ้งมากมายค่ะ

  7. #7
    wawe's Avatar
    wawe is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    685
    อ่านแล้วคิดถึงน้องสาวจังเลย เธอเสียชีวิตเมื่อปี 49 ด้วยโรคพุ่มพวง ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ว่าพี่ชายหรือพี่สาวเดือดร้อนอะไรน้องคนนี้ช่วยได้เสมอ จิตใจเธอประเสริฐสุด ๆ เธอมอบศพให้โรงพยาบาลเพื่อเป็นครูใหญ่ ได้ร่วมพระราชทานเพลิงศพเมื่อปีที่แล้วแต่ไม่ได้เผาเพราะกระดูกของเธอก็ยังเป็นครูใหญ่อีก
    ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
    การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางแห่งความสุขสงบ
    มนุษย์ย่อมได้รับผลของการกระทำของตนเสมอ อาจจะเร็วหรือช้าเท่านั้น

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •