Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 8 of 8

Thread: ★ADDคร้า★จัดหนักๆ★★ส่งฟรีลงทบ.จ้า★มาไวไปไว★ลงเพิ่มเพียบน้า★★สยามการบินไทย★ใหม่&USED★Polkadot,Maxi,Tulipdress★ *สวย&ถูก*เดรสเป็นร้อย,CardiganZara,สแลค Arrow,สูทAIIZสูทG2000,HM,DressZara, LanmeeTopshop ZARA, -ไม่blacklistไม่รอนานจ้า-รีบจองน

Threaded View

  1. #8
    Join Date
    May 2010
    Posts
    2,058



    ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป
    แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
    โดย พิษณุ นิลกลัด


    สัปดาห์ สุดท้ายของปี 2548
    ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขามา
    ยาว นาน 30 ปี ไม่ใช่ญาติ แต่ สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ

    ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า
    สวด 3 วันแล้วเผา
    ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย
    อย่า เศร้า
    อย่า ร้องไห้
    ทุกคนต้องมีวันนี้
    เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน
    แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง
    สวด 3 วันเผา
    งานสวด 3 คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คน
    คือเมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก

    เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด

    วันเผามีเพิ่มเป็น 17 คน
    สามคน ที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น
    คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย
    เลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง
    และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น
    ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผา
    เคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
    เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

    หลังฌาปนกิจพระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง
    พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก

    จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์
    ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่ง หัวหน้าหน่วย
    แต่ ด้วยความที่รักและศรัทธา อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์
    อดีต ผู้ว่าการแบงค์ชาติ
    จึง ดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือดร้อน - แม้กระทั่งวันตาย

    ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม
    ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้
    เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็น นักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา
    การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด 30 ปี
    ทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต

    วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท
    เขาปลอบใจผมว่า ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา
    แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา
    คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์

    เขามีวิธีคิด ' เท่ๆ '
    แบบผมคิดไม่ได้มากมาย
    เป็นต้นว่า
    สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา
    อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร
    คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข
    ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา
    เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์ และไต
    ทำงานเพียง 5 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่น
    แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวัน หยุดสุดสัปดาห์
    โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุง ปัสสาวะ ไปด้วยตลอดเวลา
    เนื่อง จากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้
    6 เดือน สุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไป
    เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้ง ผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
    เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที
    แต่ 10 นาที ที่พูด มีแต่เรื่องสนุกสนาน
    เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้
    ทุกคน พูดตรงกันว่า
    ' คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม '
    พอ แขกกลับ ลูก หลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก เขาตอบว่า

    ' ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก '

    เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่
    บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว
    แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุย
    ไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์ !

    4 เดือน สุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัย เป็นแพทย์อินเทิร์น
    จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรง แล้วค่อยกลับบ้าน

    แต่อยู่ได้ 4 วันเขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน
    หมอ ซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม
    เขา พูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า
    ' ขอให้ผมกลับบ้าน เถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง'
    คุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร
    เพราะ พอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน '
    หมอ ได้ฟังแล้วหมดทางสู้
    ยอมให้คนไข้กลับบ้าน
    แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง

    1 เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
    เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด
    เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา
    แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก
    เวลา ลูก เมียพูดคุยด้วยต้องบอกว่า
    ' ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที '
    เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง !
    เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย

    เขายังรับรู้
    แต่พูดไม่ได้
    นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง

    สิบ วันก่อนพลัดพราก
    ภรรยา กระซิบข้างหูว่า
    ' พ่อสู้นะ '
    เขา ไม่กะพริบตาซะแล้ว
    ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า ' สู้ '

    เขา สู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค
    สู้ชนิดที่หมอออกปากว่า
    ' คุณลุงแกสู้จริงๆ '

    ตอนที่วางดอกไม้จันทน์
    ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า

    ' โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว
    อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย '
    ' แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป '
    สอนให้เรารู้ว่า...

    เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์
    และมันสมองมหัศจรรย์
    ที่จะสามารถเรียนรู้
    แยกแยะเรื่องดีๆ และสิ่งร้ายๆ ในชีวิต
    จงใช้โอกาสดีๆ ที่ร่างกายและจิตใจของเรา
    ยังทำอะไรๆ ได้อย่างที่สมองสั่ง

    จงเรียนรู้ และสร้างประโยชน์สุข
    ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง
    และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ!

    หากทุกๆ ครั้งที่เรียนรู้ เราล้ม
    เราพลาดอาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที
    แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ ต่อไป
    ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า

    การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป
    เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม
    Last edited by positivethink; 07-06-2011 at 01:43 PM. Reason: 1
    ^^ ★ ★ ขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ขอบคุณSBN ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ดีๆมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า ^^ ★ ★






/Header & Footer Banner -->

Tags for this Thread

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •