
Originally Posted by
พัฒน์ สัตถาสาธุชนะ
ขอโทษพี่phungด้วยครับ
คือเมื่อเช้ามีเรียนนะครับ
เลยไม่ได้อธิบายไว้ครับได้แค่เล่าเรื่องที่เจอมาครับ
ไม่มั่นใจว่าจะสือสารถูกไหมนะครับ
แต่จะลองพยายามอธิบายนะครับตามที่ผมเข้าใจ
หากใครอ่านแล้วเห็นไม่ตรงกันคุยได้ครับ
เวลาเรามีโทสะเรามักอยากเอาชนะยอมไม่ได้แพ้ไม่ได้
แต่หากเราคุมมันได้แล้วใช้โทสะนั้นพยายามเอาชนะใจตนแทน
พยายามเอาชนะปัญหา โทสะนั้นก็จะก่อให้เกิดปัญญาครับ
แต่ปกติโทสะมันร้อนการจะคุมให้ได้นั้น ต้องใช้พรหมวิหาร4อะครับ
เมือเราเห็นเขาเป็นทุกข์ เราปรารถณาให้เขาพ้นจากทุกข์นั้น
เราก็เริ่มคุมไฟของเราไม่ให้ไปแผดเผาเขา แต่ยังแผ่ความอบอุนให้เขา
ทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจที่จะแก้ปัญหานั้นๆ
เมตตาครับ
เมื่อเราเห็นแล้วว่าเขาเป็นทุกข์ และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตน
เราจึงควบคุมไฟเพื่อช่วยคิดเอาชนะปัญหาที่เขาเจออยู่
กรุณาครับ
เมื่อเราเห็นเขาเป็นสุข ประสบความสำเร็จ
เราจึงควบคุมไฟไม่ให้อิจฉา หรือ ริษยา แต่เป็นการยินดีต่อเขา ชืนชมกับเขาด้วยความจริงใจ
มุทิตาครับ
เมื่อเห็นเขาทุกข์ จากผลที่เขาทำ
เราจึงคุมไฟเพื่อเอาชนะใจตน วางเฉยต่อความรู้สึกของเราที่มีต่อเขา
แล้วจึงสอน หรือ พูดความจริงกับเขา โดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะรู้สึกอะไรกับเรา
แต่ตอนนี้ยากครับ หากเรามีโทสะพุ่งออกมาแม้หน่อยเดียว การพูดครั้งนั้นก็เป็นแค่การเถียง
อุเบกขาครับ
ไม่รู้ว่าที่เข้าใจถูกไหมนะครับแต่เท่าที่ได้ลองใช้มาก็ประมาณนี้อะครับ
หากเห็นไม่ตรงกันหรือรู้สึกว่าที่ผมเข้าใจนั้นไม่ถูกต้องบอกได้ครับ
ครับแล้วที่ได้ลองทำดูมีเคล็ดวิชาจากเรื่องนี้ที่ผมเจอนะครับ
คือ"หากเป็นไปเพื่อเขาแล้วจริงๆ เราก็คุมไฟ(โทสะ)ของเราให้เป็นแสงสว่าง(ปัญญา)ได้"