Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Page 1 of 3 1 2 3 LastLast
Results 1 to 10 of 21

Thread: เรื่องเล่า ณ บ้านพักคนชรา

  1. #1
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159

    เรื่องเล่า ณ บ้านพักคนชรา

    รื่องเล่า ณ บ้านพักคนชรา


    แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมา
    ครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด
    สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร้างสร้างตัวจากกรรมกร
    กินค่าแรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง
    อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้น สามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ
    แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน
    ให้อยู่อุ่นกินอิ่มโดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้ว
    อยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ
    เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุได้ 6 ขวบ
    สามีของแม่เฒ่าก็หลับ ไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาล
    บอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้า ซักหยด
    แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของ
    สารพัดชนิดอดทน อดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา
    ครอบครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดีไม่มีเค้าลาง

    ว่าจะแตกหักดั่งหนึ่งคนละสายเลือด
    ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด
    ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหนเหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน
    สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสาม ส่วนให้ลูกชายคนโต
    เปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ
    ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้าบ้านอีกคน
    แม่เฒ่ายกบ้านและที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้น
    ให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดีโดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่ อยู่อาศัย
    ..


    สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่งกับข้าราชการ
    ระดับหัวหน้ากองในจังหวัดแม่เฒ่ายกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้าย
    ของแม่เฒ่ารับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา

    สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า
    สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก
    ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว
    แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือนซักผ้าทำกับข้าวจัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะ
    คอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือ
    ก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้ว
    จึงได้พักผ่อน ด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อนบ้าน ในวัยไล่เลี่ยกัน
    สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำกับข้าว ต้องถามราคา
    แล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอนที่เหลือ
    ต้องตรงกับเงินที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์

    ..
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  2. #2
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159
    แล้ววันหนึ่งสะใภ้สองก็จัดระเบียบการกินใหม่หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต
    เพื่อกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบบาท
    ไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ
    ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้น ส่วนเกิน แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ
    คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิต ลูกสะใภ้ด้วยดุษฏี
    สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก
    หลายครั้งที่แม่เฒ่าคิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด
    แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย
    แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดิน เข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ
    แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์
    สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน
    จะคุยกับลูกชายไอ้นั่นก็ออกอาการไม่ว่างถามคำตอบคำ
    เหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจนอ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย
    แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโต ที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพง
    ในกรอบทองฝังเพชรพวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส
    และไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย
    เก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ
    โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผล ไม้ตามมายัดคืนใส่มือ
    ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่า
    มันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง
    ลูกสาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวง นั่นแทบไม่ต้องพูดถึง
    เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม ว่าถ้า
    ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัว
    และพ่อค้าวานิชเข้าพบผัวของเธอเพื่อขออำนวยความสะดวก
    ในทางธุรกิจบ่อย ๆ และผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง
    ถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย
    แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร
    แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดี
    ลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้ง ๆ
    ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้น
    ระหว่างความเป็นแม่ลูก จนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น

    ..
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  3. #3
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159
    ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมา
    รายรอบร้านค้าของลูกชายคนที่สอง กระทบธุรกิจของสองผัวเมีย
    จนทรวดเซของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไร มาวางก็ขายหมด

    ปัญหาและวิกฤติการเงินในบ้านส่งสัญญาณถึงขาลง

    สองผัวเมียเริ่มมี ปากเสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้
    ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล
    โดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...

    12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้ม

    ไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะ ๆ ครู่ใหญ่ ๆ
    ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่ม ฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง
    ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับปล่อยแม่เฒ่า
    เฝ้าร้านค้าคนเดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมา
    จอดหน้าร้านขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดิน
    เข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่
    ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่องช่วยกันแบก

    ขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อย
    สองผัวเมียจึงขับรถกลับเข้าถึงบ้าน ช่วยกันเก็บของเข้าร้าน
    วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวางเมื่อไม่เห็นลังบุหรี่
    จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่กำลังจุดธูปไหว้รูปสามีบนหิ้ง

    เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่าไม่เห็น ก่อนปักธูปลงกระถาง
    เสียงสบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้าน
    ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้ กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่

    กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน

    ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์
    ตำรวจพาแม่เฒ่าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การ
    ไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำเดียว

    กว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบแต่ในอก

    ในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา
    ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมียให้ เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยน
    ภาระตอกย้ำให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้าน
    โดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ
    สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก

    ..
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  4. #4
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159
    ตำรวจยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่ เฒ่าที่บ้านบ้าน
    ซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน
    แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน
    เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราด
    เหมือนขยะบนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่าย
    ของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำ
    ของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามี
    มากอดแนบอกน้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน

    ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ

    แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต
    สองเท้าออกก้าวช้า ๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไปหยุดนิ่ง
    อยู่หน้าร้านขาย ทองของลูกชายคนโต เหมือนเป็นการบอกลา
    แล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาว
    คนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่
    จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่า
    แน่นหนักเป็นระยะ ดั่งเจ้ากรรมนายเวร กำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาทบรรเลง
    เพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่า ต้องชดใช้
    อย่างบอบช้ำยับเยิน รถกระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่ง
    อยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัด ตอนตีสามเศษ ๆ

    ..

    คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
    ด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช
    แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่
    แล้วนาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต จึงไม่มีที่ไหนอบอุ่น
    ให้พึ่งพิง เหมือนร่ม เงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนทั้งสามฟ้าเริ่มขมุกขมัว
    ใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของ
    เรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้

    ..
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  5. #5
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159
    แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับทีทรพีทั้งสามคนก็ไม่เคย
    ออกติดตามถามหาจะรู้หรือไม่ก็แล้ว แต่ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด
    แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ ผมลากลับออกมา
    ทั้งที่น้ำตานองหน้า และนี่คือประโยคสุดท้าย
    ที่แม่เฒ่าเอ่ยก่อนผมลากลับ..

    '..แม่จำ..ลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต

    จะทุกข์จะสุขก็คือลูกของแม่

    แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้
    จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน
    ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารก
    ทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า
    สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ
    วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจ
    จะมีมือของลูกคนไหน
    เอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้นลม.....'
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  6. #6
    MamyNongJ's Avatar
    MamyNongJ is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    11
    โอ้ว น้ำตาไหลเลย
    My BB Pin : 21A812BD

  7. #7
    wannit's Avatar
    wannit is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    490
    อ่านแล้วเศร้า รักแม่จับใจ (เดิมก็รักมากอยู่แล้ว )

    ขอด่าหน่อยเหอะ ไอ้ลูกทรพี

  8. #8
    fonily is offline Trusted Member
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    8
    อึ้ง....ค่ะ
    เห็นมีการระบุวันที่ด้วย นี่เรื่องจริงหรอค่ะ??

  9. #9
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    159
    โอ๊คได้มาจาก FW เมลอ่ะคะ
    อ่านแล้วแบบ อึ้ง เลย
    คือคิดว่า ตัวเรา เรารู้ว่าเรารักแม่แค่ไหน
    แต่เราเคยรู้บ้างไหมว่า "แม่รักเรามากเท่าไร"

    มีกลอนมาฝากอีกอันค่ะ
    ต้อนรับวันแม่ที่จะมาถึง
    กลอนนี้ โอ๊คแต่งเองตอนที่ท้องไอรินค่ะ

    "รักก่อนแรกพบ"

    รักตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า
    เพียงรู้ว่ามีเจ้าอยู่ใกล้ๆ

    รักตั้งแต่ยังไม่ได้ชื่นใจ
    รู้แต่ใจเรานั้นผูกพันกัน

    รักตั้งแต่ยังไม่เคยได้เพ่งพิศ
    ไม่เคยชิดแต่รู้สึกสนิทอยู่อย่างนั้น

    รักตั้งแต่ยังไม่เคยสัมผัสกัน
    รักเหล่านั้นคือ"รักเจ้า" จาก..แม่เอย


    ปล. ถ้าแม่ได้อ่าน แม่คงรู้แล้วว่า โอ๊ครู้ว่าแม่รักโอ๊คมากแค่ไหน


    แด่ แม่ ^_^
    แด่ ทุกคนที่เป็นแม่
    และที่สำคัญ
    แด่ ลูกทุกคนค่ะ
    keep your dream in your head and catch it in your hand

  10. #10
    Join Date
    Apr 2010
    Posts
    3,485
    คนอกตัญญู เนี้ยไม่มีทางจะเจริญได้หรอก ยิ่งทำกับผู้บังเกิดเกล้าด้วยนะ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่ๆ
    [SIGPIC][/SIGPIC]


    Good friends are like stars..... You don't always see them, but you know they are always there.

Page 1 of 3 1 2 3 LastLast

Similar Threads

  1. เรื่องเล่า...ผีแม่กาหลง วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
    By due in forum HUMAN; All General Interests เรื่องสนใจส่วนตัว ชมรม ทั่วไป
    Replies: 14
    Last Post: 12-19-2009, 08:06 PM

Posting Permissions

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •