ช่วยแนะนำวิธีรักษารอยด่างดำสำหรับเด็กผู้ชายวัยรุ่นหน่อยค่ะ

  1. PrimmRose
    PrimmRose
    ลูกชายพิมเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแล้วก็เริ่มมีสิวมากมายเพราะเจ้าตัวชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง พอสิวเริ่มหายก็เป็นรอยจุดด่างดำเต็มไปหมด ไม่ทราบพอจะแนะนำยารักษาหน่อยได้ไหมค่ะ
  2. srichardson
    srichardson
    ใช้ AHA ทาช่วยค่ะยี่ห้อที่นีน่าใช้ประจำคือ Naturlle ราคาไม่แพงมีขายตามร้านขายยาทั่วไป ใช้ทาทั่วหน้าทิ้งไว้ได้เลยตอนกลางคืนก่อนนอน ก่อนทาไนท์ครีม (ถ้าน้องเค้าใช้) โดยไม่ต้องล้างออก หรือว่าจะใช้ AHA ของป้าพอลล่า (Paula's choice) ก้ได้ค่ะและอย่าลืม "ต้องทากันแดด" เป็นประจำสม่ำเสมอเพราะว่ากรด AHA นี่จะช่วยกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลผิวให้เร็วขึ้นหน้าจะบางใสแต่ว่าไม่ระคายเคืองเลยอาจจะง่ายต่อการเกิดฝ้าค่ะ
  3. PrimmRose
    PrimmRose
    ขอบคุณค่ะ Naturlle นี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Boot หรือเปล่าค่ะ
  4. AnnAnnAntz
    AnnAnnAntz
    เรื่องสิวและรอยดำ ถ้าสนใจเป็นพวกยา
    แนะนำ Isotrexin ค่ะรักษาได้ทั้งสิวและรอยดำ
    ถ้าเป็นยาตัวนี้จะมีอนุพันธ์เดียวกับ Ratin-A, Differin แต่จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจจะระคายเคืองได้ง่ายนิดนึง
    ก็ให้ใช้พวกมอยส์เจอร์เพิ่ม อาจเลือกชนิดที่เป็นเจลจะได้ไม่อุดตันและเหนอะหนะ
    อย่างที่พี่นีน่าแนะนำไว้เลยค่ะ หากจะใช้พวกผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดเลือนจุดด่างดำ
    ต้องใช้ครีมกันแดดควบคู่ค่ะ
    พี่พิมอาจจะเลือกให้น้องค่า SPF60 UVA/UVB PA+++
    (สามบวกเหมาสำหรับการออกแดดกลางแจ้งเป็นเวลานานค่ะ)
    อาจสังเกตุสภาพผิวหน้าและสิวของน้อง แล้วลองไปปรึกษาเภสัชที่ร้านขายยาก็ได้ค่ะ
  5. hippo2517
    hippo2517
    Quote Originally Posted by srichardson View Post
    ใช้ AHA ทาช่วยค่ะยี่ห้อที่นีน่าใช้ประจำคือ Naturlle ราคาไม่แพงมีขายตามร้านขายยาทั่วไป ใช้ทาทั่วหน้าทิ้งไว้ได้เลยตอนกลางคืนก่อนนอน ก่อนทาไนท์ครีม (ถ้าน้องเค้าใช้) โดยไม่ต้องล้างออก หรือว่าจะใช้ AHA ของป้าพอลล่า (Paula's choice) ก้ได้ค่ะและอย่าลืม "ต้องทากันแดด" เป็นประจำสม่ำเสมอเพราะว่ากรด AHA นี่จะช่วยกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลผิวให้เร็วขึ้นหน้าจะบางใสแต่ว่าไม่ระคายเคืองเลยอาจจะง่ายต่อการเกิดฝ้าค่ะ
    เจ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ไอ้ยี่ห้อนี้มันยังขาดตลาดอยู่เลยค่ะ ตั๋นเดินห่ทั่วกรุงแล้วด้วยขนาดร้านขายยาที่ศิริราชก็ไปมาแล้วนะค๊ะ เจ๊เจอฝากด้วยนะคร๊า คนที่บ้านอยากใช้เพราะตั๋นเอาสรรพคุณที่เจ๊บอกมาอวดอ้างให้เค้าฟังค่ะ
  6. KeRoRo
    KeRoRo
    หุหุ

    ต้องหา ครีมที่มี ส่วนประกอบ ของ AHA / BHA หรือ Vitamin C ก้ได้นะคับ

    ถ้ายี่ห้อ ทั่วๆๆไปในท้องตลาด ก้ พวก Garnier light , Olay white radiance , smoothe E

    ถ้ากลัวแพ้ ก้ Vichy Bi white , Eucerin white solution

    แต่แนะนำให้ ทากันแดดเพิ่มด้วยนะคับ หากใช้ครีมบำรุงผิว เหล่านั้น เพราะจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น

    แต่ถ้ายังพอมีสิว อยู่ แนะนำ Differin นะคับ อาจจะเห็นผลในการรักษาสิวช้า แต่ ผิวไม่ลอกเป็นขุย เหมือนกลุ่ม วิตามินA อื่นๆๆนะคับ อีกทั้ง ยังสามารถใช้ ลดรอยดำ จากสิว ได้ด้วยคับ


    ปล. AHA ของป้า ขาดตลาดจ้า ที่ร้านไม่มีมา สี่เดือนละ
  7. asiaticia
    asiaticia
    AHA อีกเสียงค่ะถ้าจะลดรอยดำ เจตก็ใช้ของ Paula's Choice อยู่ค่ะเป็น AHA 8% Gel
    ทาตอนกลางคืนดีกว่าค่ะ เพราะผู้ชายที่เล่นกีฬากลางแจ้งไม่กลัวแดด แต่ก็ต้องทากันแดดตอนเช้าและทาเพิ่มทุกๆ 2 ชม. หรือถ้าทาอยู่แล้วอาจเป็นเพราะล้างกันแดดไม่หมดจดเพราะสบู่ เจล หรือโฟมล้างหน้าทั่วไปเอาไม่ออก มันเลยไปอุดตันรูขุมขนทำให้เป็นสิวประกอบกับกำลังเป็นวัยรุ่นด้วย(ตอนแรกเจตนึกว่ายังเรียนชั้นประถมอยู่เลยค่า) ส่วน BHA เอาไว้ช่วยเรื่องสิวอุดตันหรือจะใช้ Differin ก็ได้ค่ะ ตัวเจตใช้ทั้ง 2 ตัวแต่ห้ามใช้พร้อมกันนะคะมันระคายเคืองผิว อาจจะใช้ Differin ทุกคืนสัก 3 เดือน(ระยะหวังผล)พอสิวลดและผิวหน้าดีขึ้นแล้วค่อยลดเหลืออาทิตย์ละครั้งเพื่อคงให้ผิวชั้นนอกยังเรียงตัวสม่ำเสมอ ระหว่างนั้นก็สลับใช้ BHA กับ AHA ไป ถ้าช่วงไหนมีสิวอักเสบหนักๆมากก็งด AHA ไปก่อนลงแต่ BHA ค่ะ
  8. PrimmRose
    PrimmRose
    บอกตามตรงค่ะ อ่อนมากค่ะเรื่องเครื่องสำอางค์ อ่านดูแล้วมึนตึบ ช่วยอธิบายนิดหนึ่งค่ะว่า BHA กับ AHA นี้คืออะไรค่ะ ระบุเป็นยี่ห้อมาเลยได้ป่ะค่ะ แบบที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านบูธนะคะ จะขอบพระคุณมาก

    ปล.น้องเจตขา พี่พิมแต่งงานตั้งแต่เรียนจบจ้า (ช่วงกำลังขายดี เกรงว่าเลยกว่านั้นจะเริ่มขายไม่ออก) มีลูกเร็วมาก แต่ตอนนี้เลย ส.บ.ม. เพราะลูกโตแล้ว พี่พิมเลยอิสระเสรีค่ะ เวลาว่างก็ไป ฟิตเนสหรือช็อปปิ้งได้ บางทีก็หนีลูกไปเที่ยวกับฝาละมีกันสองคน ฮิฮิ
  9. asiaticia
    asiaticia
    ผิวหนังประกอบด้วยชั้นหนังกำพร้า และหนังแท้ ชั้นบนสุดของหนังกำพร้าเป็นขี้ไคล (Stratum Corneum) โดยปกติเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า จะมีการผลัดเปลี่ยนกลายเป็น Stratum Corneum และหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติ ผิวหนังในเด็กขบวนการนี้จะเกิดขึ้นเร็ว ทำให้เด็กมีผิวหน้าที่ผุดผ่อง, เรียบเกลี้ยง, แลดูสดใส เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการดังกล่าว จะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้เซลล์ผิวผลัดช้าลง, Stratum Corneum หนาขึ้น เมื่อมีปัจจัยภายนอกต่างๆมาเสริม เช่น โดนแสงแดดบ่อย, มลพิษ, สารเคมี, สูบบุหรี่ จะทำให้ผิวเสื่อมสภาพ และชราภาพ ทำให้เกิดผิวหยาบกร้าน, มีรอยด่างดำ, ตกกระ, ฝ้า รอยเหี่ยวย่น ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำ ไม่สดใส การปรับสภาพผิวหน้าด้วย AHA จะช่วยให้กระบวนการผลัดผิวเร็วขึ้น ฟื้นฟูสภาพผิวหน้าที่เสียไปให้กลับมาดีขึ้น

    AHA คืออะไร

    AHA ย่อมาจาก Alphahydroxy Acids ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากผลไม้หลายอย่าง หรือรวมเรียกว่ากรดผลไม้ (Fruit Acids) ประกอบด้วย Glycolic Acid สกัดจากอ้อย, Lactic Acid สกัดจากนม, Malic acid สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล, Tartaric Acid สกัดจากองุ่น, Citric Acid สกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว สารเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยเร่งให้เซลล์ผิวผลัดเร็วขึ้น ทำให้ผิวกลับมามีสภาพดีขึ้น เมื่อใช้เป็นประจำจะทำให้มีใบหน้าสดใสเรียบขึ้น


    AHA ช่วยปรับสภาพผิวหน้าอย่างไร

    ใบหน้าที่เสื่อมสภาพ, ชราภาพ จะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้ช้า ทำให้มีการทับถมของเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ และบดบังเซลล์รุ่นใหม่ไว้ข้างใต้ ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ, หยาบกร้าน, ตกกระ, มีรอยด่างดำ, รอยฝ้า สาร AHA จะมีฤทธิ์ในการกระตุ้น ให้มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น ลอกเซลล์ผิวหนังเก่า ที่เสื่อมสภาพหยาบกร้านออกไป และกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ ที่สดใสขึ้นมาแทนที่ ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น, ลดรอยด่างดำ, ผิวขาวขึ้น และทำให้ใบหน้าสดใส นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อเยื่อ Collagen และ Glycosaminoglycan ในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และทำให้ผิวไม่หย่อนยาน การปรับสภาพผิวหนัาด้วย AHA นอกจากจะทำให้ใบหน้าสดใส นุ่มนวลเกลี้ยงเกลา แลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ยังช่วยในการรักษารอยตกกระ, รอยด่างดำ, ฝ้า, รอยเหี่ยวย่นตื้นๆ, สิวเล็กๆ, สิวเสี้ยน ได้ด้วย


    ขั้นตอนการปรับสภาพผิวหน้าด้วย AHA

    สาร AHA ที่ใช้ในการปรับสภาพผิวหน้าแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ ชนิดที่มีความเข้มข้นสูง และชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำ แพทย์จะใช้สาร AHA ที่มีความเข้มข้นสูงทาที่ใบหน้า แล้วทิ้งไว้เป็นเวลา ๓-๕ นาที แล้วล้างออก หลังจากนั้นจะให้สาร AHA ที่มีความเข้มข้นต่ำ กลับไปทาที่บ้านทุกวัน หลังจากนั้นจะนัดผู้ป่วยมาทุก ๑-๒ สัปดาห์ มาปรับสภาพผิวหน้าอีก โดยระยะ ๔-๖ สัปดาห์แรก จะทำทุก ๑ สัปดาห์ หลังจากนั้นก็ห่างออกเป็น ๒-๓ สัปดาห์ โดยครั้งต่อมาจะเพิ่มเวลาในการทาสาร AHA เพิ่มขึ้น และอาจจะเพิ่มความเข้มข้นของ AHA ที่ให้กลับไปทาที่บ้าน

    เมื่อทาสาร AHA จะมีอาการแสบๆ คันๆ เล็กน้อย เมื่อทำเสร็จใบหน้าอาจจะแดงเรื่อๆ แล้วหายไป ซึ่งสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ ในบางรายหลังจากปรับสภาพ ๑-๒ วัน อาจจะมีผิวหน้าเป็นขุยๆ ลอกๆ นิดหน่อย แต่จะไม่ลอกออกเป็นแผ่น เมื่อขุยลอกออกหมดผิวหน้าจะเรียบเกลี้ยงขึ้น

    ผู้ป่วยควรจะพยายามเลี่ยงแสงแดดจัด (โดนแสงแดดเล็กน้อยไม่เป็นไร) และทายากันแดดตอนเช้าทุกวัน ทาครีม AHA ก่อนนอนทุกวัน ถ้ามีขุยๆ ลอกๆ อาจใช้ครีมบำรุงผิวร่วมด้วยได้


    ปัญหาที่มักถามบ่อยๆ
    1. วิธีนี้ทำได้บ่อยแค่ไหน, นานแค่ไหน
    ในระยะ ๔-๖ สัปดาห์แรก ทำทุกๆ ๑ สัปดาห์ หลังจากนั้นทำทุก ๒-๓ สัปดาห์ และทำได้เรื่อยๆ เมื่อผิวดีขึ้นมาก ทำประมาณเดือนละครั้ง

    2. โดนแดดได้ไหม
    โดนแสงแดดเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่พยายามหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด และควรใช้ยากันแดดทุกวันสม่ำเสมอ

    3. ทำแล้วจะทำให้ใบหน้าบางลง และยิ่งเป็นฝ้า, กระ ได้ง่ายขึ้น
    ไม่จริง เพราะวิธีนี้จะทำให้ขี้ไคล(Stratum Corneum) บางลง ผิวผลัดเซลล์เร็วขึ้น แต่ไม่ทำให้ผิวหนังกำพร้าบางลง

    4. วิธีนี้ต่างจาก เบบี้เฟสทำโดยร้านเสริมสวยอย่างไร, ปลอดภัยไหม
    สาร AHA ไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย จึงไม่เป็นอันตรายและปลอดภัยสูง ต่างจาก วิธีเบบี้เฟส ซึ่งใช้สาร phenol ซึ่งดูดซึมเข้าร่างกายได้ เป็นอันตรายต่อหัวใจและอาจตายได้

    5. ใช้ AHA ที่บ้านร่วมกับครีมบำรุงผิวได้ไหม
    สาร AHA มีคุณสมบัติเป็นครีมบำรุงผิวอยู่แล้ว แต่ถ้ามีผิวแห้งมากอาจทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนร่วมด้วยก็ได้

    6. ใช้สบู่อะไร
    ใช้สบู่อ่อน ไม่ใช้สบู่ยา หรือสบู่ที่มีผงขัด

    7. ขัดหน้า, นวดหน้าได้ไหม
    ไม่ได้ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองได้

    8. ดีจริงไหม วิธีนี้มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าได้ผลดีจริง และนิยมทำกันมาทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกา เพราะทำง่าย, รวดเร็ว และไม่ค่อยมีผลแทรกซ้อน

    [ข้อมูลจาก www.thaicosderm.org]


    BHA (บีเอชเอ) คืออะไร

    บีเอชเอ BHA หรือ Beta hydroxy acid ตัวที่กำลังกล่าวถึงในที่นี้ คือ Salicylic acid (ซาลิซัยลิคแอสิด หรือ กรดซาลิซัยลิค) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้
    ปี คศ.1827 Leroux ค้นพบสารสำคัญ คือ Salicin โดยสกัดได้จาก Willow bark เป็นสารในกลุ่ม bitter glycoside ต่อมาในปี คศ.1838 Piria ก็สามารถเตรียม Salicylic acid ได้จาก Salicin
    ปี คศ.1844 Cahoues สามารถเตรียม Salicylic acid ได้จาก Oil of gaulthuria (oil of wintergreen) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นผงสีเหลืองอ่อน หรือมีสีชมพูปนอยู่ด้วย มีกลิ่นหอมของ mint
    ถึงแม้ว่าจะสามารถสกัด Salicylic acid ได้จากพืชก็ตาม แต่ Salicylic acid ที่ใช้ปัจจุบันส่วนใหญ่ ได้มาจากการสังเคราะห์ โดยในปี คศ.1860 Kolbe และ Lauterman ประสบความสำเร็จ ในการสังเคราะห์ Salicylic acid จาก Phenol จนกลายเป็นการผลิต ในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว หรือใสไม่มีสี หรือเป็นผงสีขาว และหากได้จากการสังเคราะห์จะไม่มีกลิ่น
    จากประวัติความเป็นมา จะเห็นว่า Salicylic acid ซึ่งใช้ชื่อในการโฆษณาว่า BHA ไม่ใช่สารใหม่ แต่เป็นสารที่มีการใช้มานานแล้ว โดยเฉพาะการใช้ในทางการแพทย์และเครื่องสำอาง ปริมาณที่ใช้ในเครื่องสำอาง ในยุโรปอนุญาตให้ใช้ Salicylic acid และเกลือของสารนี้เป็นวัตถุกันเสียในเครื่องสำอางได้ในปริมาณไม่เกิน 0.5 และห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ยกเว้นในแชมพู
    เครื่องสำอางที่ใช้ทาผิวหน้าและทาผิวกายที่ผลิตในประเทศไทยมีการใช้ Salicylic acid เป็นส่วนผสม มีจำหน่ายมานานแล้ว ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นวัตถุระงับเชื้อในผลิตภัณฑ์ หรือใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาสิว ทาผิวหน้า และใช้ทาผิวกาย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาผิวบริเวณที่แข็งกระด้าง เช่น ข้อศอก หรือส้นเท้า สำหรับเครื่องสำอางทาผิวหน้าและผิวกายให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดริ้วรอยที่ผลิตในต่างประเทศก็มีการใช้ Salicylic acid เป็นสารสำคัญเช่นเดียวกัน แต่ใช้ชื่อว่า Salicylic acid จากปัญหาผิวเหี่ยวย่น และผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดรอยเหี่ยวย่นเพื่อให้แลดูอ่อนกว่าวัย เป็นผลให้วงการเครื่องสำอางมีการวิจัยและพัฒนาตลอดเวลา จากเครื่องสำอางประเภทที่ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นเพียงอย่างเดียว มีการพัฒนาสูตรตำรับเพื่อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีผลต่อผิวเหี่ยวย่น ต้องการให้ผิวแลดูกระชับเปล่งปลั่ง และอ่อนนุ่มชวนมองและชวนสัมผัส จึงเป็นจังหวะที่ดีของสารทั้งในกลุ่ม AHAs และ BHA หลังจากที่คำว่า BHA เป็นที่รู้จักแพร่หลายและคนส่วนใหญ่ทราบว่าผลของการใช้เครื่องสำอางที่มี BHA จะคล้ายกับผลที่ได้จากการใช้เครื่องสำอางที่มี AHAs ทำให้มีคำถามอยู่เสมอว่า BHA และ AHAs มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ซึ่งในฉบับที่ 1/2542 ได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ AHAs ไปแล้ว ฉบับนี้จะคุยกันในเรื่องความเหมือนและความต่างของสารทั้งสองชนิด
    ความเหมือนและความต่างระหว่าง BHA และ AHAs 1. ทั้งสองสารมีคุณสมบัติเป็นกรด จะมีสรรพคุณหรือผลต่อผิว เมื่อผลิตภัณฑ์มีความเป็นกรด ดังนี้

    Salicylic acid ในเครื่องสำอางที่ใช้กับผิวหน้าใช้ในปริมาณ 1-1.5% มี ค่า pH* ประมาณ 2.8 (มีความเป็นกรดมาก)
    AHAs ในเครื่องสำอางที่ใช้กับผิวหน้าใช้ในปริมาณ 3-10% มีค่า pH ประมาณ 3-5 (มีความเป็นกรดค่อนข้างมาก) *pH เป็นหน่วยวัดความเป็นกรด-ด่าง, ค่า pH ยิ่งต่ำยิ่งแสดงว่ามีความเป็นกรดยิ่งสูง
    2. ทั้งสองสารต้องอาศัยสารเสริมที่จะช่วยลดการระคายเคืองและมีสรรพคุณดีขึ้น เนื่องจากทั้งสองสารต้องอยู่ในสภาพที่เป็นกรด จึงมีโอกาสระคายเคืองต่อผิว และอาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เครื่องสำอางที่มีสารเหล่านี้เป็นสารสำคัญ จะต้องเพิ่มสารที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวหรือทำให้สภาพผิวดีขึ้น เช่น มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) Humectant หรือสารป้องกันแสงแดด (Sunscreen) หรือสารอื่น ๆ ที่จะช่วยลดการระคายเคืองที่เกิดกับผิว สารเสริมเหล่านี้จัดเป็นสารสำคัญที่มีผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ต้องผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนา เป็นผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาตลอดเวลา ซึ่งชนิดและราคาสารเสริมเหล่านี้จะมีหลายประเภท หลายกลุ่ม และมีผลดีต่อผิวต่างกัน รวมทั้งมีผลทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์ต่างกันด้วย


    3. ผลที่มีต่อผิว ทั้งสองสารจะทำให้ผิวชั้นนอกหลุดลอกออกไปได้เร็วขึ้น ทำให้ผิวที่อยู่ชั้นถัดไปที่ยังอยู่ในสภาพดีขึ้นมาแทน จึงมองเห็นว่าผิวมีสภาพดีขึ้น แต่เนื่องจากคุณสมบัติการละลายของสองสารต่างกัน ทำให้คุณสมบัติต่างกันบ้าง กล่าวคือ

    AHAs ละลลายได้ดีในน้ำ ส่วนใหญ่จะมีผลต่อผิวชั้นนอก ผ่านลงไปในผิวชั้นถัดลงไปได้น้อยกว่า
    Salicylic acid ละลายได้ดีในไขมันผ่านลงไปในผิวชั้นถัดลงไปได้มากกว่า จึงมีผลต่อผิวชั้นที่อยู่ลึกลงไปได้มากกว่า
    4. ที่มาของสาร

    AHAs ที่ใช้ในเครื่องสำอางมีทั้งที่มาจากธรรมชาติ และที่ได้จากการสังเคราะห์ ชนิดที่มาจากธรรมชาติมักเรียกกันว่ากรดผลไม้ ซึ่งจะมีสรรพคุณดีกว่า การระคายเคืองน้อยกว่าและราคาแพงมากกว่าชนิดที่ได้จากการสังเคราะห์
    Salicylic acid ที่ใช้ในเครื่องสำอางส่วนใหญ่มาจากการสังเคราะห์ [ข้อมูลจาก www.fda.moph.go.th]

    ที่ Boots กะ Watson มียี่ห้ออะไรบ้างไม่รู้ค่ะ เพราะเจตสั่งของ Paula's Choice ทาง website ที่ไทยที่เค้าหิ้วเข้ามาขายเอาเพราะสั่งจาก website ทางการที่อเมริกามันโดนภาษีบานเบอะค่ะ พี่พิมลองดูในห้อง etc. ก็ได้ค่ะมีคนเอามาปล่อยด้วยนะคะวันสองวันนี้ราคาถูกกว่าที่ website หิ้วประมาณ 70 บาทค่ะ หรือถ้าพี่พิมไปถามเภสัชกรที่ร้านยา Boots, Watson ก็ได้ค่ะให้เค้าแนะนำตัว AHA ให้ แล้วขอ tester ให้น้องลองที่ต้นท้องแขนหรือข้างแก้มแถบใบหูมันจะยิบๆที่หน้าเล็กน้อยช่วงแรก ไปเดินเล่นฆ่าเวลาทิ้งเวลาซักครึ่งชั่วโมงผ่านไปถ้าไม่แสบไม่เป็นเม็ดเป็นผื่นก็น่าจะวัดว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งค่ะ

    ถ้าน้องจะเอาลบรอยอย่างเดียวก็เลือกใช้แต่ AHA เอาค่ะ ส่วนเรื่องสิวให้หาซื้อง่ายหน่อยตามร้านยาของห้างหรือ Boots, Watson ก็ต้อง Differin เจตเอาไปแปะไว้ที่นี่ด้วย http://siambrandname.com/forum/showp...9&postcount=18

    อันนี้รูป Differin




    อันนี้รูป AHA Gel ที่ใช้อยู่


    อันนี้รูป BHA ค่ะแต่เป็นแบบน้ำ เจตใช้แบบ gel เพราะบังคับปริมาณการใช้ต่อครั้งง่ายกว่า พอดีใช้ตอนกลางคืนอย่างเดียวเลยไม่ต้องกลัวว่ามันหนักหน้าหรือทำให้หน้าเงาค่ะ บางคนชอบแบบ liquid มันจะซึมเร็วกว่าเพราะเค้าทาตอนเช้า


    [รูปจาก www.haarai.com และ www.paulaschoice.com]
  10. PREANG
    PREANG
    แอบเข้ามาเก็บข้อมูลด้วยคนค่ะ
  11. srichardson
    srichardson
    Quote Originally Posted by PrimmRose View Post
    ขอบคุณค่ะ Naturlle นี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้าน Boot หรือเปล่าค่ะ
    น่าจะมีนะค่ะแต่ว่าตอนนี้ของขาดตลาดค่ะ

    Quote Originally Posted by hippo2517 View Post
    เจ๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ไอ้ยี่ห้อนี้มันยังขาดตลาดอยู่เลยค่ะ ตั๋นเดินห่ทั่วกรุงแล้วด้วยขนาดร้านขายยาที่ศิริราชก็ไปมาแล้วนะค๊ะ เจ๊เจอฝากด้วยนะคร๊า คนที่บ้านอยากใช้เพราะตั๋นเอาสรรพคุณที่เจ๊บอกมาอวดอ้างให้เค้าฟังค่ะ
    ที่มันขาดตลาดเพราะได้ยินมาว่า แคบซูลที่เค้าเคยใช้บรรจุตัว AHA ตัวนี้มันขาดตลาดและตอนนี้ทางบริษัทเค้ากำลังพิจารณาจะเปลี่ยนแพกเกจิ้งอยู่จ้ะ อาจจะทำมาในรูปแบบของขวดปั้มหรืองัยนี่แหล่ะ

    Quote Originally Posted by KeRoRo View Post
    หุหุ

    ต้องหา ครีมที่มี ส่วนประกอบ ของ AHA / BHA หรือ Vitamin C ก้ได้นะคับ

    ถ้ายี่ห้อ ทั่วๆๆไปในท้องตลาด ก้ พวก Garnier light , Olay white radiance , smoothe E

    ถ้ากลัวแพ้ ก้ Vichy Bi white , Eucerin white solution

    แต่แนะนำให้ ทากันแดดเพิ่มด้วยนะคับ หากใช้ครีมบำรุงผิว เหล่านั้น เพราะจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น

    แต่ถ้ายังพอมีสิว อยู่ แนะนำ Differin นะคับ อาจจะเห็นผลในการรักษาสิวช้า แต่ ผิวไม่ลอกเป็นขุย เหมือนกลุ่ม วิตามินA อื่นๆๆนะคับ อีกทั้ง ยังสามารถใช้ ลดรอยดำ จากสิว ได้ด้วยคับ


    ปล. AHA ของป้า ขาดตลาดจ้า ที่ร้านไม่มีมา สี่เดือนละ
    ตามที่บอกนั้นแหล่ะว่าเค้าอาจจะเปลี่ยนแพกเกติ้ง (เจ้โทรไปถามที่บริษัทผู้ผลิตมาแล้วจ้ะ ) ถ้าไม่สามารถหา Supplier ที่ผลิตแคปซูลตัวนี้ได้ตอนนี้เจ้เลยใช้ AHA face treatment cream (AHA 10%) ของ Naturelle แทนตัวเดิมแบบเม็ดสีเขียวที่มีคววมเข้มข้นแค่ 9% แทนจ้ะ สำหรับคนที่ผิวมันใช้แทนครีมบำรุงผิวได้เลย แต่ว่าเจ้ผิวผสมค่อนข้างแห้งก้ลงไนท์ครีมอีกทีค่ะ
  12. PrimmRose
    PrimmRose
    ไปหาดูตามร้านแล้วค่ะ บู๊ทกับวัตสัน ไม่มีขายลองไปถามที่ APEX ก็มี Naturlle ที่แพ็คเกจสีฟ้า เขียนว่า MaXkin ไม่ทราบเหมือนกันหรือเปล่าค่ะ แต่ตอนนี้ลองให้ลูกใช้ Differin ก่อนเพราะยังมีสิวอยู่บ้าง เป็นสิวแบบผดหรือขึ้นเป็นเม็ดแต่ไม่มีหัวอ่ะค่ะ เขาเรียกว่าสิวหัวดำหรือหัวขาวอ่ะค่ะ

    อีกคำถามหนึ่งนะคะ (อันนี้ของพิมเอง) ตรงจมูกถ้าดูใกล้ๆจะเห็นเป็นจุดดำเล็กๆอยู่เรียกว่าสิวเสี้ยน หรือสิวหัวดำหรือเปล่าค่ะ เคยใช้ Biore Porepack ดึงจนจมูกแดง ก็ไม่ออกอ่ะค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ใช้ AHA หรือ BHA จะได้หรือเปล่าค่ะ
  13. AnnAnnAntz
    AnnAnnAntz
    พี่พิมคะ

    สำหรับน้อง ต้องใช้พวกตัวละลายสิวอุดตัน(BP 2.5%)ควบคู่กับDifferinค่ะ แล้วถ้ามีเวลาว่างก็ไปกดสิวออกเพราะถ้าหากไม่ใช่พวกครีมละลายสิวอุดตัน เวลากดสิวจะทำให้กดยาก ต้องกดแรงและเจ็บทำให้เกิดรอยดำอยู่บนใบหน้านานขึ้น
    Step: BP > ล้างหน้า > Differin > Moisture > กันแดด (กลางคืนก็ไม่ต้องทาค่ะ)
    หากสิวอุดตันดีขึ้นแล้วก็ไม่ต้องใช้BPหรือDifferinก็ได้ค่ะ ใช้พวกBHAแทน

    สำหรับพี่พิมถ้าเป็นสิวเสี้ยนก็ใช้BP ได้เหมือนกันค่ะเพราะว่าBP มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบบคทีเรียP.acne และช่วยทำให้สิวอุดตัน/สิวเสี้ยนหลุดออกได้ง่ายขึ้น เวลาใช้ก็ทาทิ้งไว้2-10นาที(ขึ้นอยู่กับสภาพผิว) แล้วก็ล้างออกค่ะ หากแต่งหน้าก็ควรล้างเครื่องสำอางค์ออกก่อนทาค่ะ

  14. PrimmRose
    PrimmRose
    BP คืออะไรค่ะ พอจะบอกเป็นยี่ห้อเลยได้ไหมค่ะ
  15. srichardson
    srichardson
    Quote Originally Posted by PrimmRose View Post
    ไปหาดูตามร้านแล้วค่ะ บู๊ทกับวัตสัน ไม่มีขายลองไปถามที่ APEX ก็มี Naturlle ที่แพ็คเกจสีฟ้า เขียนว่า MaXkin ไม่ทราบเหมือนกันหรือเปล่าค่ะ แต่ตอนนี้ลองให้ลูกใช้ Differin ก่อนเพราะยังมีสิวอยู่บ้าง เป็นสิวแบบผดหรือขึ้นเป็นเม็ดแต่ไม่มีหัวอ่ะค่ะ เขาเรียกว่าสิวหัวดำหรือหัวขาวอ่ะค่ะ

    อีกคำถามหนึ่งนะคะ (อันนี้ของพิมเอง) ตรงจมูกถ้าดูใกล้ๆจะเห็นเป็นจุดดำเล็กๆอยู่เรียกว่าสิวเสี้ยน หรือสิวหัวดำหรือเปล่าค่ะ เคยใช้ Biore Porepack ดึงจนจมูกแดง ก็ไม่ออกอ่ะค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ใช้ AHA หรือ BHA จะได้หรือเปล่าค่ะ
    Naturelle หลอดสีฟ้า Maxkin หรือ AHA cream ราคาหลอดละ สองร้อยกว่าบาทนั่นแหล่ะค่ะคุณพิม
  16. KeRoRo
    KeRoRo
    สำหรับ ของน้อง นะคับ

    แนะนำให้ใช้ดังนี้คับ

    ให้ล้างหน้า ก่อนคับ แล้วทายาแก้สิว ยี่ห้อต่อไปนี้ ตัวไหนก้ได้ Panoxyl 2.5 % , Brevoxyl 4 % , Benzac 2.5 % ในกลุ่มนี้ จะมีสารออกฤทธิ์ที่ชื่อว่า Benzoyl peroxide <BP>
    ทิ้งไว้ สัก 5-10 นาทีนะคับ ซึ่งใน ตัวนี้มักใช้ ใรการรักษาสิวอุดตัน ที่จับแล้วเป็นตุ่ม แข็งๆๆ ไม่มีหัว นะคับ

    BP ถ้าทาแล้วแสบ ร้อยให้รีบล้างออกทันทีคับ แล้วค่อยๆๆเพิ่มระยะเวลา ไปเรื่อยๆๆคับ ไม่แนะนำให้ทาค้างคืน อีกอย่างนึง ครีม BP จะ กัดสีผ้า ได้นะคับ

    ถ้าจะให้ น้องใช้คู่กับ Differin นะคับ แนะนำให้ทาคนละเวลา เช่น

    1. ทา BP ในตอนเช้า ช่วงเวลาอาบน้ำก้ได้คับ พออาบเสร้จ ก้ล้างออก แล้ว ก้ตามด้วย ครีมบำรุงปกติไปคับ (ทาแค่วันละครั้ง)

    2.แนะนำให้ทา Differin ตัวเดียวก่อนนอนเท่านั้นนะคับ หากมียาแต้มสิวอักเสบอื่นๆๆๆ เช่น Eryacne , Dalacin , Stiemycin แนะนำให้ แต้มระหว่างวัน นะคับ


    ส่วนของคุณพี่ ที่มีปัญหาสิวหัวดำ แนะนำ ให้ทา Differin หรือ Retin A 0.025 % ทาก่อนนอน อย่างเดียวนะคับ ซึ่ง ปกติ น๊อทจะใช้ Retin A ก่อนที่จะ ลอกสิวเสี้ยนนะคับ จะทำให้หลุดออกมา
    ง่ายขึ้นคับ คับ
  17. Siambrandname Webmaster
    Siambrandname Webmaster
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้และเจ้าของกรุ๊ปครับ ทดสอบระบบการเชื่อมต่อกระทู้ระหว่าง Social Group และ Main Forum ครับ

    ขอบคุณครับ
Results 1 to 17 of 17