(A) ผมไม่เชื่อ สิ่งที่เพื่อนอธิบายจากการอ่านความจริงให้ฟัง
ที่ว่าน้ำจะท่วมบางใหญ่ซิตี้ ก่อนที่น้ำจะมาถึง บางบัวทอง ด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่า ฟังแล้วคิดตาม พอจะเห็นความเป็นไปได้ว่าน้ำคงท่วมจริง
เพราะเพื่อนเอาตัวเลขมาคำนวณ ให้ได้คิด ก็เห็นความจริงได้ง่าย ไม่คิดเอาเอง
แต่ก็ยังไม่เชื่อ
เหตุที่ไม่เชื่อ เพราะไม่คิดจะรับผิดชอบ ให้ตัวเองหรือแม้กระทั่งครอบครัวให้อยู่รอดปลอดภัย
ไม่อยากเคลื่อนย้ายตัวเองไปอยู่กับความจริง จึงสร้างความคิดขึ้นมา เพียงเพื่อหลอกตัวเอง
"น้ำไม่ท่วมหรอก จะท่วมได้ยังไง ที่ผ่านมา ยังไม่ท่วมบางใหญ่ซิตี้เลย"
แล้วรู้ได้อย่างไร ว่า คราวนี้ ปีนี้ น้ำจะไม่ท่วมจริง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ใช่ว่า ปัจจุบัน จะไม่เกิดขึ้นซ้ำ
เราต้องหาคำอธิบาย ข้อเท็จจริง มายืนยันให้ได้ว่า จะเกิดขึ้นซ้ำหรือไม่
ไม่คิดเอาเองว่า ไม่เกิด โดยอธิบายไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ทำไมไม่เกิด ?
เช่น เมื่อ 3 วันที่แล้ว ฝนไม่ตก แล้วเรามีข้อเท็จจริงอะไร จึงสรุปว่า วันนี้ ฝนจะไม่ตก ด้วย
อีกตัวอย่าง ที่เพิ่งเกิดขึ้น ดังเช่น ในกระทู้นี้
"พื้นที่น้ำท่วม ที่ไม่เคยน้ำท่วม"
ก่อนหน้านี้ คนในตัวเมือง นครปฐม คงไม่เชื่อว่า น้ำจะท่วมองค์พระปฐมเจดีย์
"น้ำจะท่วมองค์พระได้ยังไง อยู่มาเป็น 10 ปี ไม่เคยเห็นน้ำท่วมองค์พระเลย"
เพียงแค่ 30 นาที ที่ฝนตกหนัก น้ำท่วมสูง 20 ซม.
อย่างนี้แล้ว มีข้อเท็จจริงอะไรที่สามารถยืนยันได้อีกบ้างว่า น้ำจะไม่ท่วมองค์พระปฐมเจดีย์
(B) เหตุการณ์ที่ขนของขึ้นที่สูง ก็ไม่คิดให้สูงสุดว่า หากน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร จะทำอย่างไร
จึงย้ายขึ้นสูงแค่บนโต๊ะ ซึ่งสูงจากพื้นเพียง 60-80 ซม.โดยประมาณ
เราไม่รู้ว่า น้ำที่ท่วมเข้ามาจริงๆ จะสูงได้แค่ไหน
หากเราคิดด้วยองศาความปลอดภัยที่ต่ำ เช่น ที่ขนย้ายของขึ้นสูงเพียง 60-80 ซม.
และน้ำเกิดท่วมจริงเกินระยะนี้ เมื่อน้ำลด กลับสู่ภาวะปกติ
สิ่งของก็เสียหาย เมื่อเรากลับมาเห็น เราจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน และจะโทษตัวเองกันขนาดไหน
"รู้อย่างนี้ ย้ายของขึ้นไปที่ชั้น 2 ดีกว่า" จะมีประโยชน์อะไรกับความคิดเช่นนี้ ในเมื่อตอนนี้มันสายไปแล้ว
หากเราคิดด้วยองศาความปลอดภัยที่สูง เช่น คิดว่าน้ำท่วมสูง 2 เมตร ชั้น 2 สูงกว่าถนนเกิน 2 เมตร
น้ำท่วมจริง ไม่ถึง 2 เมตร สิ่งของของเรา ก็ไม่เสียหาย กลับมา ก็ไม่เกิดความทุกข์ ในเรื่องนี้
และ หากน้ำท่วมจริง ไม่เข้าไปในตัวบ้านด้วยซ้ำ ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ที่น้ำไม่เข้าไปในตัวบ้าน
ผลที่ออกมาต่างกันมากมาย หากขนย้ายสูงเพียง 60-80 ซม. ทั้งๆ ที่สามารถจัดการขนย้ายให้สูงกว่า 2 เมตรได้ แต่ไม่ทำ
เพราะยังคิดว่า น้ำคงท่วมไม่ถึง ก็เป็นปัญหาเช่นข้อ (A) ยังหลอกตัวเอง ไม่คิดจะรับผิดชอบ เช่นเดิม
ก็อาจมีคนพูดขึ้นว่า
"เห็นไหม บอกแล้วไม่เชื่อ น้ำไม่ท่วมหรอก ถึงท่วมก็ไม่สูงเข้าตัวบ้าน ไม่ต้องย้ายของขึ้นชั้น 2 ก็ได้"
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า น้ำจะท่วม หรือไม่ท่วม ?
ถ้า น้ำท่วม จะรู้ได้อย่างไรว่า ท่วมแล้วจะสูงได้เท่าไหร่ ?
หากเรา ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วคิดเอาเองว่า น้ำไม่ท่วม เราก็ไม่คิดป้องกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็มากมาย
หากเรา มีข้อเท็จจริง เอามาคิด คำนวณ จนได้ผลว่า น้ำไม่ท่วม ก็ไม่มั่ว ไม่ได้คิดเอาเอง
แต่ หาก คิดแล้ว ได้ผลว่า น้ำท่วม ก็จะได้เตรียมการป้องกัน หรือลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด
หากเกิดความเสียหายขึ้น ก็น้อยลง
เราก็ต้องถามตัวเราเองว่า เราจะตัดสินใจอย่างไร ?
รอให้ สถานการณ์เกิด แล้ว เสียใจ กับสิ่งที่ไม่ได้ทำ หรือ
ตัดสินใจ ก่อนที่ สถานการณ์จะเกิด จนบังคับ ให้เรา ต้อง ตัดสินใจ
(C) เหตุการณ์เช้าวันหนีภัย ที่เมื่อภัยมา ก็หนี หนี แค่เอาตัวเองให้รอด โดยไม่คิดถึงคนอื่นที่ทำงานร่วมกัน
งานที่ทำ เพื่อให้ทุกคนรอดด้วยกัน ก็ไม่สำเร็จ ก็ให้เห็นปรากฏการณ์จริง กับตัวเองว่า
"เมื่อมีภัยอยู่ตรงหน้า มนุษย์ ที่ใช้หัวคิด คิด แค่ให้ ตัวเองรอด ไม่ได้คิด จะรอดด้วยกัน"