admeadme

ส่องกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ อัปเดตใหม่ ปี 2022

Rate this Entry

เปิดแนวโน้มกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ปี 2022 สำคัญกับผู้ประกอบการยังไง?
เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา อาจนับได้ว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากสำหรับเจ้าของธุรกิจหลายๆ เจ้า ไม่ว่าจะในเรื่องของกำลังซื้อที่หดตัว ความยากลำบากในการขนส่งสินค้า หรือแม้แต่การ Downsizing ที่เราต้องลดจำนวนพนักงานลงเพื่อให้กิจการยังคงดำเนินต่อไปได้

แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนพยายามที่จะหาทางออกให้กับสิ่งเหล่านี้ ในปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าในแวดวงค้าขายมีการพูดถึงกลยุทธ์ Digital Marketing และทริควางแผนการตลาดออนไลน์ ทำยังไงจะสามารถจูงใจลูกค้าผ่าน Social Media ให้สินค้าของเราขายออก และยังมีคุณค่ามากพอที่ลูกค้าจะยอมควักเงินจ่ายในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าโควิดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต้องกระโดดเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างช่วยไม่ได้ แม้จะมีการแข่งขันที่สูงลิ่ว แต่ก็ถือได้ว่าเป็นบ่อน้ำแหล่งใหม่ที่ดูท้าทายและน่าลงเล่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

กลยุทธ์ Digital Marketing การตลาดแบบใหม่ และทางออกสำหรับธุรกิจในยุค Digital Disruption
ถึงจะเป็นไปอย่างทุลักทุเลบ้างเล็กน้อยในช่วง 3-4 เดือนแรกที่เกิดการระบาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้เห็นสัญญาณที่ดีว่าผู้คนส่วนใหญ่สามารถปรับตัว และใช้งานบนแอพลิเคชั่นต่างๆ ทั้งใน Social Media และ Ecommerce ได้อย่างคล่องแคล่ว แม้กระทั่งผู้ใช้ในกลุ่ม X Generation หรือ Baby Boomer เองก็ตาม นี่จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้สังเกตการณ์หลายคนมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรแพลตฟอร์มออนไลน์ก็จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของผู้คนในโลกยุคปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของเทคโนโลยี

เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แบรนด์จึงไม่สามารถใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์แบบเดิมๆ ได้ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดไม่ควรพลาดไป ก็คือการเฝ้าอัพเดทสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รู้จักการเอากลยุทธ์ Digital Marketing มาใช้ให้เข้ากับแบรนด์ตัวเอง และเตรียมพร้อมที่จะปรับตัว พลิกแพลงเมื่อเจอความไม่แน่นอนในอนาคต

#3 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ 2022 จะมีอะไรบ้าง? ดูพร้อมกันได้แล้วที่นี่
ในบทความนี้ ADME จะมาสรุป 5 เทรนด์ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งที่นักการตลาดสมัยใหม่ต้องรู้ เพื่อให้เราสามารถวางแผนการตลาดออนไลน์ของแบรนด์อย่างสร้างสรรค์ รับรองว่าถ้าทำได้ทั้งหมด เราจะต้องได้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของลูกค้าอย่างแน่นอน!

1) ใช้ Big Data ขับเคลื่อน Personalized Marketing
Personalized Marketing เป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนการตลาดแบบ Mass Marketing รูปแบบเดิมๆ ที่ผลิตสินค้าออกมาเพื่อขายให้กับคนทุกกลุ่ม แต่ใน “การตลาดแบบเฉพาะบุคคล” นี้ เราจะเริ่มให้ความสนใจกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ความชอบ หรือแม้แต่ Values ที่เขายึดถือ เพื่อให้เราสามารถเข้าใจคนๆ นั้นได้อย่างลึกซึ้ง และนำเสนอสินค้าที่ ‘น่าจะ’ ตรงกับความต้องการ ทำให้เพิ่มโอกาสที่เป้าหมายจะ Purchase และ Engage กับแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น

รู้จัก Big Data และ AI
  • Big Data คือการเก็บข้อมูลในทุกแง่มุมของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ การศึกษา หรือจะลึกไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่าย รายการสินค้าที่ซื้อบ่อยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ได้เป็นที่นิยมมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น Line Official Account หรือ Line OA นั่นเอง
  • AI (Artificial Intelligence) คือการเอาเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลใน Big Data เพื่อให้แบรนด์รู้ว่าเราจะต้องตอบสนองกับลูกค้าคนนั้นยังไง อย่างเช่นใน Line OA ก็จะมีฟีเจอร์สำหรับจำแนกลูกค้าในร้านออกเป็นแต่ละกลุ่ม ทำให้เราสามารถยิงโฆษณาได้อย่างเจาะจงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบตอบข้อความอัตโนมัติ ช่วยให้เราปิดการซื้อ-ขายได้รวดเร็วกว่าเดิม



2) เริ่มเจาะตลาด Gen-Z และเพิ่มจุดยืนของแบรนด์ต่อสังคม
ในยุคที่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีในการซื้อ-ขาย Z Generation หรือเด็กยุคใหม่ จะเริ่มเข้ามามีบทบาทและกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อ โดยจะกินพื้นที่ถึง 40% ของผู้บริโภคทั้งหมดเลยทีเดียว แต่ยังไงก็ตาม การจะเข้าไปอยู่ในใจของคน Gen-Z ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ อย่างที่ใครหลายคนคิด

รู้จัก Micro Influencer และ Social listening Tools
  • สมัยนี้ การใช้ซุปเปอร์สตาร์อาจไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า Gen-Z ที่รู้ทันการโฆษณาของแบรนด์อีกต่อไป พวกเขามักมองหาคนธรรมดาที่มีลักษณะ ความชอบ และเงื่อนไขต่างๆ ในชีวิตที่คล้ายกัน เพราะมันทำให้รู้สึกถึงความใกล้ชิดและจริงใจมากกว่า โดยแบรนด์จะต้องรู้จักลูกค้าของตัวเองให้ดีเสียก่อน ถึงจะสามารถเลือก Micro Influencers ที่ถูกใจกับกลุ่มเป้าหมายได้
  • นอกจากความจริงใจในการโฆษณาแล้ว Gen-Z ยังเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับส่วนรวมมากกว่าตัวเอง เพราะฉะนั้นแบรนด์จึงต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่ว่าจะในเรื่องของสังคม การเมือง หรือสิ่งแวดล้อม และจะต้องมีกระบวนการ Crisis Management ที่รวดเร็วเมื่อเกิดปัญหา โดยเราสามารถใช้ Social listening Tools อย่าง Zocialeye, Mandala หรือ Zanroo เพื่อสังเกตฟีดแบคจากลูกค้า และภาพลักษณ์ทั้งเชิงบวก-เชิงลบที่ผู้คนมองมาหาแบรนด์



3) เพิ่มยอด Reach ด้วย Video Content
จากสถิติที่ผ่านมา มีการค้นพบว่าการทำคอนเทนท์ในรูปแบบของวิดีโอ สามารถเพิ่มยอดการเข้าถึงจากกลุ่มลูกค้าได้มากกว่าการโพสต์รูปหรือเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ นั่นก็เป็นเพราะว่าการเคลื่อนไหวในวิดีโอจะช่วยดึงดูดความสนใจและเห็นสินค้าได้ชัดเจน ทำให้คนดูสามารถตัดสินใจได้ง่ายกว่า

เพราะฉะนั้นหากเราเป็นเจ้าของแบรนด์ ก็อย่าลืมที่จะ Add คอนเทนท์ที่เป็นวิดีโอเข้าไปเพื่อเพิ่มสีสันให้การขายดูมีมิติมากขึ้นด้วย เช่น การ Live บน Facebook, การใช้ฟีเจอร์ Reels ของ Instagram และการอัพคลิปสั้นๆ ลงใน TikTok นั่นเอง

ดูการเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Reels กับ TikTok เพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/3DwVmBd

อ่านมาถึงตอนนี้ ADME หวังว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ นักการตลาดและเจ้าของแบรนด์ทุกคน อย่าลืมเอา #3 กลยุทธ์ Digital Marketing ที่เราแนะนำนี้ไปลองใช้ เพื่อวางแผนการตลาดออนไลน์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าของคุณมากขึ้น และยังสามารถติดตามข่าวสาร อัปเดตกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ใหม่ๆ ได้ก่อนใครที่หน้า Facebook Page ของเรา
Tags: None Add / Edit Tags
Categories
Uncategorized

Comments