ตะกี๊ไปโพสต์ผิดห้องมาแย่เลย
ถ้าเรารู้ว่าเรากำลังใกล้จะตาย เราจะไปสมัครเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ศิริราชอ่า
เราคิดแบบนี้แปลกไหมเนี่ย เพื่อนด่าเราบ้า แต่เราอยากให้วาระสุดท้ายของชีวิต
ได้สร้างกุศลครั้งใหญ่ให้พวกนศ.แพทย์ไว้ศึกษาอ่ะค่ะ
Printable View
ตะกี๊ไปโพสต์ผิดห้องมาแย่เลย
ถ้าเรารู้ว่าเรากำลังใกล้จะตาย เราจะไปสมัครเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ศิริราชอ่า
เราคิดแบบนี้แปลกไหมเนี่ย เพื่อนด่าเราบ้า แต่เราอยากให้วาระสุดท้ายของชีวิต
ได้สร้างกุศลครั้งใหญ่ให้พวกนศ.แพทย์ไว้ศึกษาอ่ะค่ะ
ไม่ต้องรู้ว่าเราใกล้จะตายก็ทำได้ค่ะ รีบมอบให้เสียแต่ยังปกติดีอย่าลืมบอกครอบครัวและญาติไว้ด้วยนะคะให้เขารับรู้ ตายแล้วฝากญาติทำให้ก็ไม่ได้ต้องเจ้าตัวเซ็นยินยอมมอบให้ก่อน เกิดมีอันเป็นไปแบบปุบปับเขาจะได้โทรเรียกทางเจ้าหน้าที่ได้ทัน
เราให้ไปเป็นแบบบริจาคอวัยวะหมดทั้งตัวและบริจาคดวงตาให้ต่างหากที่สภากาชาดไทยแล้วก็ที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ศิริราชพยาบาล จำไม่ได้ว่าให้เป็นแบบอาจารย์ใหญ่ไปด้วยหรือเปล่าในกรณีที่ใช้อะไรไม่ได้เลย ในต่างประเทศเขาจะทำเป็นคล้าย dogtag แขวนคอไว้เลยเผื่อเกิดอุบัติเหตุจะได้เอาไปใช้ได้เลย แต่บ้านเราเขาจะมีบัตรมาให้พก ร่างกายเราที่ตายแล้วเผาไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียเปล่าดายแถมยังทำโลกร้อนอีกต่างหาก ฝังก็เปลืองที่ดินเราคิดอย่างนี้นะ:D
ไม่ต้องใกล้ตายก็ได้นะคะ แสดงความจำนงบริจาคมอบอวัยวะ ร่างกายให้กับสภากาชาดไทยเราก็ได้อานิสงฆ์ผลบุญแล้วค่ะ
ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย จะทำอะไร
ทำใจค่ะ................
คงจะไปอยู่ที่ที่มีแต่ ภูเขา สายน้ำ สุดท้ายชีวิต ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ
เออพี่ดิวคะ...เขาจะตามฆ่าทำไมคะ...ไม่อยากให้เราบริจาคเหรอคะ
ถ้ารู้ว่ากำลังจะตาย....จะทำ
1.บอก พ่อ กับ แม่ ว่าเรารักท่านมาก..ยังไงให้อยู่ด้วยกันทุกชาติไป
2.บอก พ่อ กับ แม่ อีกว่าเราทำเรื่องอะไรไม่ดีไว้..ให้ท่านอโหสิกรรมให้
3.บอก พ่อ กับ แม่ ว่าเรา...bla....bla...bla....:)
ถ้ารู้ตัวว่ากำลังจะตาย จะทำจิตใจให้สงบ อโหสิกรรม และขอขมา และปล่อยวางทุกอย่างให้ได้ค่ะ
เรื่องการบริจาคร่างกาย ไปทำเรื่องบริจาคได้เลย ที่สภากาชาดไทยค่ะ Meesook ก็บริจาคไปแล้วค่ะ บริจาคดวงตาด้วยค่ะ
ถ้ารู้ว่าตัวเองจะตาย เราก็จะเลิกทำงานแล้วทำในสิ่งที่เราอยากจะทำแต่ยังไม่ได้ทำคะ
คิดไว้นานมากแล้ว ตั้งใจจะบริจาคอวัยวะก่อนจะจากโลกนี้ไปเหมือนกันค่ะ
ได้ดูหนังเรื่อง Seven Pounds แล้วชอบมาก ๆ ค่ะ ซึ้งกินใจมาก
อยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้จัง ประทับใจมาก ท้ายเรื่องร้องไห้ไม่หยุดเลยอะค่ะ
จะหยุดทำงาน และอยู่กะครอบครัว ให้แม่ทำอาหารให้กินทุกมื้อ ทำทุกอย่างที่อยากทำ แต่>>>> ถ้าไม่ตายตามที่คิด ทีนี้ละได้ตายทั้งเป็นแน่ๆ
เคยเข้าเวบอะไรไม่รู้ คำนวณวันตาย เค้าบอกว่าเราจะตายปี 2060 ก็รอๆอยู่เหมือนกันค่ะ
ก็พยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุดนะ live for today .. live to the fullest
แต่ที่รู้แน่ๆอยู่อย่างนึงก็คือ ก่อนจะตาย ต้องหยุดหายใจก่อน อิอิอิ
ก่อนตายจะเขียนพิันัยกรรม
เอาสมุดบัญชีมาให้แม่หมดทุกเล่ม
แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนา ขออโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร
่บอกลาทุกๆคน
คิดและจำแต่สิ่งที่สวยงามที่เกิดมาในชีวิตค่ะ
เกือบลืมไป บริจาคร่างกายไว้ที่สภากาชาดแล้วค่ะ
ก็ไปบอกรักพ่อแม่ และ คนที่เรารัก และคนที่รักเรา
ที่สำคัญจะเอาเงินไปบริจาค ค่ะ
คงใช้ทุกลมหาที่เหลือกับคนที่เรารัก
......
มาเชียร์ให้ทำค่าน้องแจน พี่ทำแบบคุณ asiaticia เลย บริจาคอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หากตายแล้วยังใช้ประโยชน์กับคนอื่นได้ แต่ถ้าไม่ได้แล้วหรือใช้ได้บางส่วนแล้วที่เหลือก็ให้เป็นอาจารย์ใหญ่ บริจาคที่ศิริราชค่ะ และก็บริจาคดวงตาที่สภากาชาดไทย บริจาคมาได้สิบกว่าปีแล้ว พกบัตรติดตัวอยู่ทุกวันนี้ ตอนทำรู้สึกดีมาก ๆ และตั้งใจมาก ๆ ด้วย แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ไทย เคยคุยกับสามีว่าเราบริจาคร่างกายกับดวงตาไว้แบบนี้นะ ไม่รู้ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่นี่จะทำยังไง หรือว่าต้องหาองค์กรที่รับบริจาคที่นี่เหมือนกัน จะได้ไม่ยุ่งยากในการส่งกลับไทย
ส่วนเรื่องถ้ารู้ว่าต้องตาย คงจะขึ้นอยู่กับว่า เหลือเวลามีชีวิตอยู่นานแค่ไหนด้วยค่ะ ถ้าระยะเวลาไม่นาน คงจะไม่คิดมากและแพ็คกระเป๋าพาลูกกลับไทยไปใช้ชีวิตที่เหลือกับพ่อและแม่ คงจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดสำหรับช่วงชีวิตก่อนตายแล้วค่ะ
คิดว่าคงไม่ไปไหนไกลบ้าน ไม่ทำอะไรมาก แต่ถ้าช่วงเวลานั้นอยู่ใกล้คนที่บ้าน สิ่งแรกที่คิดจะทำก็คงกราบพ่อแม่ขอโทดกับทุกสิ่งที่เคยล่วงเกินท่านโดยไม่ได้ตั้งใจค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่สถานการณ์ แต่ก็จะอยู่กับคนที่บ้าน เท่านั้นค่ะ คนนอกก็คือคนนอก แหะๆ:D
ช่วงสุดท้ายของชีวิต คงจะอยู่กับคนในครอบครัว พ่อแม่ น้องๆ และสามี
บอกความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาคิดถึงเราตลอดไปค่ะ
แอบมาอ่านด้วยคนจ้า
ไป shopping ของที่อยากได้ แต่ตอนที่มีชีวิตอยู่ไม่กล้าซื้อ และไปเที่ยวทะเลที่สวยที่สุดอย่างเช่น ตาฮิติ หรือฟิจิ อยากไปมานานแล้ว พักแบบหรูหรา กินดื่ม ไม่ยั้ง เพราะไม่ต้องเก็บเงินอีกต่อไปแล้ว ....
ปัจจุบันทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้แล้ว..
ที่เหลือก็คงเช็คว่าจะตายแน่ๆใช่มั้ย แล้วทำใจสดใสร่าเริง เอาเงินไปซื้อของแจกเด็กกำพร้า
ทำเซอร์ไพรส์ซื้อของที่พ่อ แม่ คนรักเคยบ่นว่าอยากได้ ...บอกว่านี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากเรา
เครื่องในกับร่างกายบริจาคเรียบร้อยแล้ว
ถ้ารู้ช่วงเวลาไปแน่นอนก็คงเอาเงินเอาของทั้งหมดบริจาคไม่ก็ให้คนอื่นที่ทำประโยชน์ได้อะค่ะ
อ่านทู้นี้แล้วนึกถึงวันก่อน มีเรื่องไม่เข้าใจกันกับคุณแม่ค่ะ
เรื่องที่เราให้แม่ไปฉีดยาไข้หวัดใหญ่ กับน้องชาย แล้วก็กับเบบี๋
(ตอนนั้นวัคซีนจะหมดประเทศแล้ว เราให้ไปที่คลีนิคเพื่อนเค้าเหลืออยู่ 3 หลอด เราจึงสละให้แม่ น้องชาย แล้วก็เจ้าตัวเล็ก
เราเลยหาเรื่องไปที่อื่น แม่กับน้องจะได้ไม่มีข้ออ้าง ที่จะไม่ฉีดยา
น้องโทรมาบอกว่า แม่ไม่ยอมฉีด เราว่าแม่ใหญ่เลย เราเป็นห่วงท่านมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไง
เราเป็นคนพูดไม่หวาน เราก็เลยบอกไปว่า
"ถ้าแม่ติหวัดหล่ะทำไง นอนโรงพยาบาลอีกเรื่องใหญ่ วุ่นวาย โรคนี้มันอันตรายกว่าที่คิดนะ
แล้วแม่ก็ชอบออกไปซิ่งข้างนอกบ่อย ๆ แล้วแม่ก็ต้องเอาเชื้อมาติดลูก ๆ ติดหลานอีกนะ ทำไมไม่ฉีดยานะ (ทำเสียงสูง)
:( (เข้าหัวข้อกระทู้) คุณแม่พูดประโยคที่เกี่ยวกับตาย ๆ ว่า
"ไม่ต้องห่วงแม่ร๊อก ถ้าแม่ตาย ไม่ต้องห่วงเลย แม่ไม่ทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องเดือดร้อน แม่บริจาค อวัยวะทุกอย่าง ร่างกายของแม่ แม่บริจาคหมดแล้ว แม้แต่กระดูก แม่ไม่ต้องการรบกวน ลูกของแม่ เป็นอะไรก็เป็น ให้มันตายไปเลย อย่าได้เจ็บป่วย จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น"
ฟังแล้วหดหู่มาก อยากร้องไห้ ทำไมแม่พูดแบบนี้อ่ะ เฮ่อ
ก่อนตายจะทำอะไร ไม่ต้องคิดเลยค่ะ แค่เราทำดีกับคนที่รักเรา ก็พอแล้ว
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ก่อนเราตายจะไม่เสียใจเลย
(น้ำเน่าไปมั๊ย แต่พูดจากใจนะคะ);)
ทุกวันนี้ มีอะไรดีดี มีตังค์เยอะ ๆ นอกจากลูกแล้ว ก็จะซื้อให้แม่ กับ ยายหมด
จะบอกว่า (เรื่องจริงนะไม่ได้เว่อร์เลย ไม่ได้สร้างภาพด้วย)
เราอธิษฐานทุกวันเลยนะ ว่า
ขอให้มัจุราชเอาอายุเราไปเลย 20 ปี
แล้วบวกให้ยาย อีก 20 ปี เพราะยายเป็นที่รักของทุกคน
บวกกับยาย รักแม่ รักลูกเรามากด้วย
ตายไปก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว :D
คงอยากจะอยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักของเราค่ะ ส่วนร่างกายตัวเอง ได้บริจาคให้กาชาดทั้ง ดวงตาด้วย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว